ทดลองขับ Ford ESCAPE 2.3 VVT 4×4 : เหมือนจะสวยขึ้นที่รูป แต่ถ้าจูบ…ขอคิดดูก่อนนะ..By : J!MMY
โดยไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ ผมก็ได้รับแจ้งจากทางทีมงานพีอาร์ ของบริษัทโฆษณาโอกิลวี ว่า จะมีการเปิดตัวฟอร์ด เอสเคป ไมเนอร์เชนจ์
ในเมืองไทยกันเสียที เมื่อ 26 กันยายน 2007 ที่ผ่านมา
ผมแทบจะลืมรถรุ่นนี้ไปเสียแล้ว แม้พอจะรู้มาบ้างว่า ฟอร์ด เซลส์ ประเทศไทย ยังไงๆ ก็คงต้องนำกลับมาขายอีกครั้งแน่ๆ
เพียงแต่ผมคิดไปว่า มันควรจะเป็นงาน Motor Expo ธันวาคมนี้ ไม่ใช่ช่วงปลายเดือนกันยายน อย่างที่เกิดขึ้นไปแล้ว
หลายคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องรถนัก คงลืมเหมือนผมไปแล้วว่า ยังมีรถรุ่นนี้อยู่ในตลาด หลายคนเคยซื้อไปใช้แล้ว อาจจะไม่ประทับใจ
จะจากตัวรถเอง หรือจากดีลเลอร์แต่ละราย
แต่วันนี้ ฟอร์ด ตัดสินใจ นำเข้า เอสเคป ใหม่ กลับมาทำตลาดต่อเนื่องกันอีกครั้ง ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ส่อแววว่าจะยังคงย่ำแย่ต่อไป
แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งผ่านพ้นไปก็ตาม แต่ในเมื่อชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันต่อไป เพราะงานนี้ ฟอร์ด เองบอกอยู่กับปากแล้วว่า
จะไม่ถอนตัวไปไหนอีก แต่จะอยู่ลงหลักปักฐานในเมืองไทยอย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม เหตุที่ ฟอร์ด เซลส์ ไทยแลนด์ เปิดตัว เอสเคป รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ใหม่นี้ ล่าช้า นั่นเพราะว่าต้องการจะระบายสต็อกเก่าที่มีอยู่
ให้หมดไปก่อน แล้วจึงจะนำรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด
แน่นอนละว่า เป็นวิธีการปกติ ที่คนค้าขาย มักจะทำกัน ซึ่งเมื่อเรายืนอยู่ในฐานะของคนมีกิจการเป็นของตัวเอง
ก็พอจะเข้าใจได้อยู่
แต่ถ้ามองในมุมของผู้บริโภคแล้ว การชะลอการนำรถรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด เพียงเพราะว่า ไม่สามารถระบายสต็อกของรถรุ่นเก่า
ที่ค้างอยู่ได้นั้น แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการวางแผนการผลิต การส่งเสริมการขาย การขาย การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง
และอีกหลายประเด็น ของผู้เกี่ยวข้อง ณ เวลานั้น ว่าเป็นเช่นใด
ส่งผลให้ รถรุ่นที่ควรจะเปิดตัวในไทย เก็บกวาดยอดขายไปก่อนหน้านี้อย่างน้อยก็ 1 ปีเต็มตามที่เคยตั้งใจ กลับยืดยาดล่าช้าออกไป อีก 1 ปี
—————————————————————————————————–
เอสเคป เปิดตัวในตลาดโลกครั้งแรก ที่งาน ดีทรอยต์ออโตโชว์ เดือนมกราคม 2000 ในฐานะรถรุ่นปี 2001
ส่วนเมืองไทย นับตั้งแต่เปิดตัวในบ้านเรา เมื่อช่วงปลายปี 2002 หลังจากนั้น ฟอร์ด ก็ปล่อยให้เอสเคป เก็บกวาดยอดขายไปอย่างเรื่อยๆ
สบายๆ โดยมีการเพิ่มเครื่องยนต์ใหม่ 4 สูบ 2,300 ซีซี เข้ามาเมื่อไม่เกิน 2 ปีดีนัก และกลุ่มลูกค้าหลัก ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นสุภาพสตรี
ที่มีความคิดอ่านไม่ค่อยเหมือนใคร และชอบในรูปทรงอันทะมัดทะแมง บึกนิดๆ เรียบๆง่ายๆ ไม่ต้องเติมแต่งอะไรก็สวยแล้ว
ผมเคยลองขับ และลองนั่ง เอสเคป มาแล้ว 3 คัน หนึ่งในนั้น เป็นของคุณอาธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
หรืออาหมูของเรานั่นเอง ส่วนอีกคันหนึ่ง เป็นของ พี่สาวใจดี ในแวดวงเอเจนซีโฆษณา ที่สนิทสนมกันดีพอสมควร
และอีกคัน เป็นรถของทางดีลเลอร์ ฟอร์ด สมุทรปราการ เมื่อนานมาแล้ว
แต่นั่นก็นานแล้วละครับ ถึงจะนาน แต่ยังพอจำความรู้สึกจากเอสเคป ได้ยังดีว่า แม้จะเป็นรถที่น่าใช้ในภาพรวม แต่อัตราการกินน้ำมัน
ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับและเข้าใจกันไป สำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ V6 3,000 ซีซี ที่ใช้โครงสร้างมาจากเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ
ที่วางในรถยนต์ Jaguar เพื่อนร่วมเครือของ ฟอร์ด นั่นเอง
และเวอร์ชันที่เห็นอยู่นี้ เป็นเวอร์ชัน Big Minorchange ครั้งแรก สำหรับตลาดนอกสหรัฐฯ ซึ่งเปิดตัวในไต้หวันก่อนเป็นแห่งแรก
ภายใต้ความร่วมมือกับ Ford Lio Ho อันเป็นผู้จำหน่ายฟอร์ดที่นั่น และเปิดตัวมาตั้งแต่ ช่วงปี 2005-2006 แล้ว
แต่…ครั้งแรกที่ผมเห็นคันจริง ผมไม่แน่ใจว่า จะเรียกรถคันนี้ว่าเป็น ชายหนุ่มหรือหญิงสาวดี
เพราะเอสเคปคันเดิมที่ผมรู้จักนั้น เป็นขายหนุ่มอเมริกัน บึกบึนนิดๆ แต่ไม่ดิบมาก
ขาดความละเอียดละออในรายละเอียดที่คนทั่วไปเขาใส่ใจ แต่กลับคิดในมุมที่คนอื่นเขานึกไม่ถึง
แต่พอผมได้เห็น เอสเคป รุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ใหม่ คันนี้ อันเป็นผลงานจากโรงงาน ออโต้ อัลลายแอนซ์ ที่ฟิลิปปินส์
ก็ต้องถามตัวเองอีกทีว่า
เอ่อ …. ตกลงเพื่อนผมคนนี้ กลายเป็นหนุ่ม Metrosexual ไปแล้วเหรอ?
ก็แหงละ จะไม่ให้คิดเช่นนั้นได้อย่างไรละครับ ในเมื่อคราวนี้ เพื่อนผมคนนี้ มาพร้อมเครื่องประดับโครเมียมเต็มตัว
ราวกับจะเป็น Mr.Blink Blink guy from Taiwan แทนที่จะมาจากถิ่นของคนดำในแถบดีทรอยต์
ในภาพรวมแล้ว กระจังหน้า ถูกออกแบบขึ้นใหม่ เช่นเดียวกับ ฝากระโปรง ชุดไฟหน้า ชุดเปลือกกันชนหน้า
ชุดเปลือกกันชนหลัง ไปจนถึงชุดไฟท้าย สไตล์ ไต้หวันๆ ที่คนอเมริกันอาจจะชอบ
มีสปอยเลอร์บนหลังคามาให้ด้านหลัง กาบกันเศศสกปรกที่แผงประตูด้านข้างทั้ง 4 บาน….
ไปจนถึง กระจกมองข้าง มีไฟเลี้ยวแบบ LED มาให้
ส่วนราวเหล็กเหนือหลังคาด้านบน เอาไว้ติดตั้งชุดรางหลังคา แร็ครูฟ
ที่สามารถรองรับน้ำหนักสัมภาระได้มากถึง 44 กิโลกรัม
ภายในห้องโดยสารเองก็เป็นอีกโจทย์หนึ่ง ที่ทีมออกแบบ จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม
และเทียบชั้นได้กับคู่แข่งตัวฉกาจอื่นๆ การเข้าออกจากรถ สำหรับประตูคู่หน้า ยังไม่มีปัญหาอะไรนัก แต่ในบางครั้ง
การใช้บันไดที่ติดมาให้ใต้ธรณีประตู ก็จะช่วยให้การเข้าออกทำได้ดีขึ้น
เบาะนั่งที่ให้มา ยังไม่ถึงกับนั่งสบายนัก แต่ก็ถือว่าพอรับได้ในการใช้งาน
ไม่จม และไม่แข็งเกินไป แต่ไม่กระขับโอบตัวผู้ขับขี่มากนัก
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า ELR แบบปรับระดับสูงต่ำได้ มีบางจังหวะที่ตัวล็อกเข็มขัด
มาเสียดสีกับบั้นเอวของผมโดยไม่จำเป็น
การปรับเบาะยังคงใช้ก้านปรับ เหมือนเดิม ละเอียดดีใช้ได้
รุ่นที่ฟอร์ด ส่งมาให้ผมทดลองขับ เป็นรุ่น 4×4 XLT ขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ
ซึ่งจะหุ้มเบาะด้วย หนังสังเคราะห์ แต่ถ้าเป็นรุ่น 4×2 XLS
จะเปลี่ยนมาใช้ผ้าหุ้มเบาะแทน
ส่วนการเข้าออกประตูคู่หลัง ก็ยังพอจะสะดวกสบายกันได้ในระดับไม่มากนักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
คอนโซลกลาง มีช่องเขี่ยบุหรี่ พร้อมฝาปิดมาให้
ส่วนเบาะหลังนั้น นั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่
แม้เบาะรองนั่งจะนุ่มกว่า CR-V แต่ พนักพิงนั้น ถึงจะปรับเอนลงได้นิดหน่อย
แต่ตำแหน่งในการนั่งก็ยังหาจุดที่ก่อให้เกิดความสบายอย่างลงตัวได้ยาก
มีที่พักแขนพับเก็บได้มาให้
นอกจากนี้ เบาะหลังยังสามารถแบ่งพับได้ในอัตราส่วน 60 : 40 ….
ด้วยการยกเบาะรองนั่งหงายตั้งขึ้น แล้วพับพนักพิงหลังลงมา อย่าลืมถอดพนักศีรษะออกด้วย
เพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของด้านหลัง ให้เหมาะสมได้ตามการใช้งาน ของรถประเภทนี้ที่พึงมี
กระจกบังลมหลัง ยังคงแยกเปิดออกจากฝากระโปรงหลังได้ เพื่อหยิบของกระจุกกระจิก เล็กๆน้อย
โดยไม่ต้องเปิดฝากระโปรงหลังอันหนักอึ้งทั้งบาน…..
แม้ว่า โครงสร้างหลักๆจะเหมือนเดิมแต่แผงหนัาปัดของเอสเคปใหม่ ก็ยังดแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ไม่น้อย
แผงคอนโซลกลาง ออกแบบขึ้นใหม่ แต่ยังพอจำของเก่าได้บ้าง เพราะกรอบนอกมันก็เหมือนเดิม
ที่ออกแบบใหม่ นั้น แน่นอนว่า เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คอนโซลกลาง ที่ใช้อยู่ ก็เริ่มเชย และสู้คู่แข่งไม่ได้
อีกทั้ง ฟอร์ด ยังเปลี่ยนตำแหน่งติดตั้งคันเกียร์ จากคอพวงมาลัย มาไว้ที่คอนโซลกลาง ข้างลำตัว
(ที่คนยุคก่อนมักเรียกว่า เกียร์กระปุก) เหมือนรถปกติสามัญ ซึ่งฟอร์ดบอกว่า เป็นผลมาจาการ
สำรวจวิจัยความต้องการลูกค้าส่วนใหญ่ ที่ชื่นชอบคันเกียร์ที่อคนโซลกลางมากกว่า ถือว่าเอาใจผู้ขับขี่ทั่วไปมากขึ้น
บางครั้ง การวิจัยตลาด ก็ช่วยให้อะไรๆดีขึ้นได้
ชุดมาตรวัดความเร็ว ดีไซน์ใหม่ ตามสมัยนิยม
แต่ในยามค่ำคืน
สีจะกลับเป็นสีฟ้าแบบนี้ ซึ่งมันตัดกันแบบแปลกๆ
ชุดเครื่องเสียง เล่น ซีดี ได้ 6 แผ่น และรวมถึงแผ่น MP3 คุณภาพเสียง ไม่ถึงกับดีนัก
นอกจากจะมีหน้าตาเหมือนที่น้อง Bombe คนรอบข้างผม ที่มาช่วยทดลองรถด้วยกัน ตั้งฉายาว่า
เหมือนเครื่องเล่น AJ DVD ชะมัดยาดแล้ว
มันยังใช้งานยากกว่าที่คิดอีกด้วย!!
เชื่อหรือไม่ว่า ในหนังสือคู่มือ ไม่ได้มีวิธีบอก ในการโหลดใส่แผ่นซีดี แผ่นใหม่เข้าไปให้ครบ 6 แผ่น !?
เปิดหาในคู่มือผู้ใช้รถ หมวด ระบบเครื่องเสียง อยู่ในหน้า 6-31 ของหนังสือคู่มือประจำรถ
ขอโทษทีเถอะ ผมหาจนทั่วแล้ว ทั้งเล่มด้วยซ้ำ ไม่มีครับ
เอาไงดี?
ตัดสินใจโทรถามตาโป่ง พีอาร์หนุ่มอารมณ์ดี พุงเริ่มมี วัยเดียวกับผมที่ฟอร์ด ดีกว่า
แต่ที่ผมคาดไม่ถึงคือ ตาโป่ง เอง ก็ถึงขั้นหาเองไม่เจอ จนต้องโทรถามฝ่ายเทคนิค ของฟอร์ด มาให้
และได้ใจความว่าต้องกดปุ่ม CD ^ หรือ ลง "แล้วแช่ไว้" จึงจะเปลี่ยนแผ่น ใส่แผ่นใหม่เข้าไปได้
นี่ถ้าผมไม่โทรถามตาโป่ง และไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางฝ่ายเทคนิคของฟอร์ด
ผมคงต้องคลำหาไปอีกพักใหญ่เลยทีเดียว
บางทีคู่มือผู้ใช้รถที่แปลมาจากเวอร์ชันต้นฉบับนั้น ก็ไม่อาจแปลได้ครบถ้วนละเอียดความเสมอไป
รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ XLT จะมีสวิชต์แอร์ แบบ ดิจิตอล
ในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ 4×2 จะมีสวิชต์แอร์ แบบสวิชต์หมุนธรรมดา ไม่มีหน้าจอดิจิตอลมาให้แต่อย่างใด
แต่ถึงสวิชต์แอร์จะแตกต่างกัน ทว่า สิ่งหนึ่งที่ผมว่า น่าจะเหมือนกันคือ "แอร์เย็น ไม่เร็วเท่าที่ควร"
ต้องใช้เวลาสักพัก กว่าอุณหภูมิภายในรถจะเย็นลง และเมื่อเย็น ก็ไม่ฉ่ำ อีกด้วย
ส่วนสวิชต์ ล็อกระบบขับเคลื่อน สี่ล้อ มีมาให้ ข้างๆกันกับ สวิชต์ ไฟฉุกเฉิน
ซันรูฟ กระจก พร้อมแผงบังแดดในตัว คราวนี้ ใช้งานได้สะดวกสบายดี และการเก็บงานก็ถือว่าทำได้ดีขึ้นนิดหน่อย
แต่ สำหรับรถระดับนี้แล้ว กระจกแต่งหน้า ในแผงบังแดด อย่างน้อย ควรจะให้ ไฟส่องสว่างในตัวมาด้วย เพราะแสงไฟ
ที่พอจะพึ่งพาจาก ไฟในห้องโดยสารนั้น ไม่เพียงพอสำหรับการแต่งหน้า และการบีบสิวตอนรถติดในยามค่ำคืนแน่ๆ
กล่องใส่แว่นตา ก็ พอจะใส่แว่นกันแดดได้แค่ขนาดเล็กๆ
บนพวงมาลัย ฝั่งซ้าย เป้นชุดสวิต์ควบคุมเครื่องเสียง
ส่้วนฝั่งขวา มีระบบควบคุมความเร็วคงที่อัตโนมัติ Cruise Control
สวิชต์ ปรับกระจกมองข้าง สวิชต์ ไฟตัดหมอก สวิชต์ ปรับความสว่างของชุดมาตรวัด สวิชต์พับกระจกมองข้าง
และสวิชต์ กระจกหน้าต่างไฟฟ้า จัดวางไว้อยู่ในตำแหน่งที่แยกกัน แทนที่จะรวมไว้ด้วยกัน
ส่วนคอนโซลกลาง จะมี 2 ชั้น พร้อมที่วางแขนในตัว ที่วางได้ไม่ถึงกับดีนัก แต่ก็พอจะเอาข้อศอกวางเท้าลงไปได้บ้าง
แผงประตูด้านข้าง พยายามประดับตกแต่งให้ดูหรู มีราคาขึ้น แต่วัสดุก็ยังไม่ต่างจากเดิมนัก
อุปกรณ์ความปลอดภัยคร่าวๆ ที่ติดตั้งมาให้ มีทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง รวม 4 ใบ พร้อมเข็มขัดนิรภัย และเซ็นเซอร์ช่วยกะระยะขณะ
ถอยหลังเข้าจอด รายละเอียดอุปกรณ์ต่างๆ เชิญเข้าไปดูที่ http://www.ford.co.th
***** รายละเอียดทางวิศวกรรม *****
ในเมื่อลูกค้ามีแนวโน้มมองหาความประหยัดมากขึ้นกว่าเดิม ตามสภาพเศรษฐกิจ ที่มีผลมาจากราคาน้ำมันและปัจจัยการเมือง
ดังนั้น การนำเครื่องยนต์ V6 3,000 ซีซี อันเป็นเครื่องยนต์ ที่ใช้พื้นฐานมาจาก รถยนต์ระดับพรีเมียมลักซัวรี อย่าง Jaguar
มาวางให้กับเอสเคปต่อไป จึงถูกมองว่า อาจจะไม่สอดรับกับยุคน้ำมันแพงไปทั่วโลกแบบนี้
ทางออกที่ดีคือ เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,300 ซีซี ที่มีการปรับปรุงรายละเอียด โดยเพิ่มระบบแปรผันวาล์ว VVT เข้าไป
และกลายเป็นขุมพลังหลักเพียงทางเลือกเดียวในการกลับมาครั้งนี้
เป็นเครื่องยนต์ รหัส L3X
4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,261 ซีซี (ตีเสียว่าเป็น 2,300 ซีซี)
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก : 87.5 x 94.0
อัตราส่วนกำลังอัด 9.7 : 1
เพิ่มระบบแปรผันวาล์ว VVT (Variable Valve Timing)
กำลังสูงสุด 146 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 19.97 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที
ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro Step-III
เชื่อมการทำงานด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
อัตราทดเกียร์ 1 = 2.800
อัตราทดเกียร์ 2 = 1.540
อัตราทดเกียร์ 3 = 1.000
อัตราทดเกียร์ 4 = 0.700
อัตราทดเกียร์ R = 2.333
อัตราทดเฟืองท้าย = 4.375
โดยปกติ ตัวรถจะอยู่ในโหมดระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และสามารถเปลี่ยน
การขับขี่เป็นระบบขับสี่ล้ออัตโนมัติได้ เมื่อเจอถนนลื่น
แต่ในเอสเคปใหม่ ยังสามารถสั่งล็อกการทำงานเป็นโหมด ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาได้ ด้วยสวิชต์ระบบ Control Trac II
แบบ On demand สำหรับการขับขี่บนทางลื่นหรือทางลูกรังได้อีกด้วย
เรายังงทำการทดลองจับอัตราเร่ง และความเร็วสูงสุด ตามมาตรฐานเดิมครับ
คือ นั่ง 2 คน น้ำหนักคนขับและคนนั่งรวมกันประมาณช่วง 150-160 กิโลกรัม
เปิดแอร์ เปิดไฟหน้า ทดลองในช่วงกลางคืน อันเป็นช่วงเวลาที่รถโล่งและปลอดภัยที่สุด
และตัวเลขที่ได้ อยู่ที่ช่องขวาสุดของตารางนี้ครับ
(ขอแก้ไขตารางเล็กน้อยนะครับ
ในส่วนของ CR-V นั้น ทุกรุ่นเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะนะครับ ในตารางพิมพ์ผิดครับ)
จากตัวเลขในตารางเมื่อเปรียบเทียบกัน ก็พอจะเห็นแล้วว่า สมรรถนะจากเครื่องยนต์ใหม่นั้น
ถ้าคิดเสียว่า เป็นเครื่องยนต์ 2,300 ซีซีแล้ว ตัวเลขอัตราเร่งที่ทำได้
ก็ยังถือว่าด้อยกว่าเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี K20A ของ CR-V
อย่างชัดเจน
แต่กระนั้น เอสเคปใหม่ ก็ยังให้สมรรถนะของเครื่องยนต์ ที่ดีกว่า เชฟโรเลต แค็พติวา รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งถือว่าทำตัวเลขออกมาได้ แย่ที่สุดในกลุ่ม
ตัวเลขนี้ ไม่เพียงแต่จะออกมาดีกว่า หากแต่ยังสัมผัสได้จากตัวเครื่องยนต์
ขณะขับขี่จริงอีกด้วย เพราะเครื่องยนต์ของเอสเคปใหม่นั้น ให้อัตราเร่งแซง
ที่ถือว่า พอรับได้ และไม่ได้น่าเกลียดมากนัก แต่ในช่วงออกตัวนั้น
เหมือนว่าไปติดอยู่ในช่วงปลายเกียร์ 2 นิดหน่อย ตัวเลขเลยเหมือนจะด้อยกว่า
การเปลี่ยนเกียร์ พอจะมีอาการกระตุกนิดๆ เป็นธรรมดา จากเกียร์ P
มาถึง D แต่สำหรับการขับขี่แล้วถือว่า อาการกระตุกน้อยมาก
เสียดายนิดหน่อยว่า น่าจะมี 5 เกียร์ แทนที่จะมีแค่ 4 เกียร์
อย่างที่เป็นอยู่
จุดเด่นของเอสเคป ยังคงอยู่ที่ ระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัต ส่วนด้านหลังเป็นแบบ มัลติลิงค์
ที่ยังคงให้ความมั่นใจได้ดีเหมือนเดิม แต่ ยางติดรถยนต์ ก็ยังคงออกอาการให้ได้สัมผัสกันบ้างนิดหน่อย
เข้าโค้งรูปตัว S บนทางลงจากทางด่วนพระราม 6 ยังสามารถทำความเร็วได้ดีไม่เลว แต่ยางติดรถทำท่าจะไม่ไหวเอา
เลยต้องเบาเท้าลงเสียก่อน
แต่ขณะใช้ความเร็วสูงบนทางตรง ตัวรถก็ไมไ่ด้มีอาการโคลงเคลงน่ากลัวแต่อย่างใด
เพียงแต่ การตอบสนองของพวงมาลัย อาจทำให้รู้สึกว่าเบาไปบ้าง
ด้านการเก็บเสียง ยังทำได้แค่เกือบจะดี ยังไม่ถึงกับดีนัก เพราะว่ามีเสียงลมลอดเข้ามาตามแนวขอบยางประตู ที่ความเร็วตั้งแต่ 90-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจะดังขึ้นเรื่อยๆ
ให้คิดเสียว่านี่คือรถที่ประกอบจากฟิลิปปินส์ ซึ่งคงต้องทำใจกันบ้างในจุดนี้
ส่วนพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์ พีเนียนนั้น เมื่อใช้ความเร็วเกินกว่า 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะเริ่มพบอาการพวงมาลัยสั่นสะเทือน
และจะเป็นอย่างนั้นเรื่อยไปจนถึงช่วงความเร็วสูงสุด อีกทั้งน้ำหนักพวงมาลัยนั้น ยังไม่ถึงกับดีนัก ต้องคอยคิดเสียว่าเป็นรถที่
ออกแบบมาตั้งแต่ปี 1998-1999 ในยุคที่รถญี่ปุ่นและอเมริกัน ยังเซ็ตพวงมาลัยไม่อาจเทียบชั้นการตอบสนองได้ดีเท่ารถยุโรปแท้ๆ
ส่วนระบบเบรกนั้น เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อม ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และ ระบบเพิ่มแรงเหยียบเบรกในภาวะฉุกเฉิน BREAK ASSIST
ตอบสนองดี แป้นเบรกมีน้ำหนักดี แต่ ควรเผื่อระยะเบรกไว้สักนิดหน่อย ก็จะดี หากใช้ความเร็วสูง
—————————————————————————————————–
***** การทดลองอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง *****
เรายังคงใช้วิธีการเดิมในการทดลอง
– ใช้เส้นทาง ขึ้นทางด่วน พระราม 6 ไปสุดปลายทางด่วน เส้นเชียงราก ไปเลี้ยวกลับใต้ทางแยกออกไปบางปะอิน แล้วขึ้นทางด่วน วนกลับมาทางเดิม
ลงทางด่วนที่ด่านพระราม 6 แล้วเลี้ยวเข้าปั้ม เติมน้ำมันที่ ตู้เดิมและหัวจ่ายเดิม
– ใช้ความเร็วคงที่ 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง เปิด Cruise Control ซึ่งก็ทำงานไม่ถึงกับนิ่งมากนัก เพราะเมื่อเจอทางชัน เกียร์ก็จะเปลี่ยนลงไปยังเกียร์ 3
เพื่อลากให้ตัวรถสามารถรักษาความเร็วคงที่ไว้ได้ ก่อนจะตัดกลับเข้าสู่เกียร์ 4 อีกครั้ง
– คนขับ 1 ผู้โดยสาร 1 รวมเป็น 2 คน เปิดแอร์ และขับตามสภาพการใช้งานปกติ ไม่เกิน 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผลที่ได้ออกมา มีดังนี้
ตัวเลขที่ได้ออกมาตามตารางนี้ พอจะเห็นได้ชัดว่า อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ เอสเคปนั้น หากเปรียบเทียบเฉพาะรถใหม่ที่ยังมีขายอยู่ในตลาด
ไม่รวม CR-V 2.4 ลิตร ตัวถังเก่า แล้ว ตัวเลขจะอยู่แถวๆอันดับ 3 ซึ่งก็ถือว่า แม้น่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกนิด แต่ก็ถือว่า ทำได้เท่านี้ ก็พอไหวแล้ว
สำหรับรถที่มีน้ำหนักตัวถัง 1,579 กิโลกรัม ไม่รวมของเหลว ไม่รวมน้ำหนักบรรทุก อย่างนี้ แต่ ถ้ามีเกียร์ 5 จังหวะ ผมเชื่อว่า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ของเอสเคป 2.3 ลิตร ใหม่ น่าจะออกมาได้ดีกว่านี้
——————————————————————————————————
***** สรุป *****
*** เหมือนจะสวยขึ้นที่รูป แต่ถ้าจูบ…ขอคิดดูก่อนนะ ***
ถ้าคุณรู้จักเพื่อนสักคน ที่เป็น ดารา หรือนักแสดง ที่อาจจะไม่ดังมาก พอมีชื่อเสียง อยู่บ้าง
มีแม่เป็นญี่ปุ่น แต่พ่อผู้ออกค่าเลี้ยงดู เป็นคนอเมริกัน
คุณคบหาเขามาสักหลายปีแล้วละ พอจะรู้นิสัยเขาว่า พอคบเป็นเพื่อนได้ หน้าตาพอไปวัดไปวาได้
เป็นชายหนุ่มที่เอาใจสาวๆเก่ง แต่อาจมีความเป็นอเมริกันแบบง่ายๆสบายๆ มากเสียจนกระทั่ง
เข้ากับคนไทยทั่วไปไม่ค่อยได้ง่ายนัก
มีอยู่วันหนึ่ง คุณไปเห็นเพื่อนคุณ ถ่ายภาพแฟชันชุดใหม่ คุณเห็นว่าเขาเปลี่ยนไป
อาจเพราะไปทำผม ใหม่ เสื้อผ้าเซ็ตใหม่ หรือไปหาหมอที่ โรงพยาบาล ยันฮี ไปทำศัลยกรรมเสริมจมูกมาใหม่
และแต่งตัวในสไตล์ "ดาราไต้หวัน" คุณเริ่มรู้สึกว่า เออ เพื่อนเรามันก็น่าจะดูเข้าท่าขึ้นนะ แม้จะแปลกตาไปหน่อยก็ตาม
จนมาวันหนึ่งคุณได้มีโอกาสมาเจอกับเขาอีกครั้ง ในงานงานหนึ่ง หลังจากไม่ได้เจอมานาน และได้มีโอกาสพูดคุยกัน
แม้จะเป็นระยะเวลา สั้นๆ แต่คุณก็จะเริ่มรู้สีกได้แล้วว่า ต่อให้เขาผ่านประสบการณ์ และการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
ในภาพลักษณ์ที่คุณเคยเห็น นิสัยใจคอบางอย่างของเขาก็ยังคงเหมือนเดิม บางด้านดีขึ้น และบางด้านก็ไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ความละเอียดถ้วนถี่ต่อสิ่งรอบตัวของเขา บางด้านที่เคยมี ก็ยังดีที่คงอยู่ แต่บางด้าน ก็ยังคงไม่มีเหมือนเดิม
กระนั้น เขาไม่ได้มีนิสัยแย่ ชนิด ไม่น่าคบหาแต่อย่างใด เพราะยังมีบางจุดที่คุณพอจะรับได้อยู่
คุณจะไปเปลี่ยนอะไรเขาได้ละ? ในเมื่อเขาเติบโตมาในสภาพการอบรมเลี้ยงดู ไม่เหมือนคุณ ไม่เหมือนเพื่อนชาวญี่ปุ่น ที่คุณคุ้นเคย
หรือเพื่อนชาวยุโรปคนไหน ถูกตั้งความหวังไว้เยอะ แต่ก็มีการผ่อนปรน และปล่อยให้เผชิญโลกด้วยตัวเอง อย่างที่คนอเมริกันทั่วไป เขาทำ
ค่าตัวในรุ่น 4×4 XLT ตั้งไว้ 1,399,000 บาท
ส่วนรุ่น 4×2 XLS ตั้งไว้ 1,099,000 บาท ถูกกว่ากัน 3 แสนบาทเลยทีเดียว
คำแนะนำของผม ต่อเพื่อนแปลกหน้าต่อคุณ แต่อาจจะคุ้นเคยกับผมคนนี้ ก็คือ
ถ้าคุณเป็นคนจุกจิกจู้จี้ ในรายละเอียดมากๆ อยากได้นั่นอยากได้นี่
ไปหาคนอื่นเถอะครับ เพื่อนผมคนนี้ไม่เหมาะกับคุณหรอก
แต่ถ้าคิดว่า รับนิสัยของเขาได้ ก็ลองคบกันดู เขาอาจเป็นเพื่อนอเมริกันที่คุณชอบได้
แม้จะกินจุไปหน่อยก็ตามเถอะ
นั่นละครับ ฟอร์ด เอสเคปใหม่ ในแบบที่ผมมองว่า มันเป็น ….
————————————-
ปล. แล้วถ้าจะถามว่า ไม่ชอบหน้าตาของเขาแบบนี้เลย
จะมีเสื้อผ้าชุดใหม่ เปลี่ยนให้เขาอีกทีได้เมื่อไหร่?
Motor Expo 200 น่าจะเป็นคำตอบ ที่คุณคงอยากจะรู้ (มั้ง)
————————————-
ขอขอบคุณ
บริษัท ฟอร์ด เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ที่เอื้อเฟื้อรถยนต์ทดลองขับ
———————————————
J!MMY
3 ธันวาคม 2007
3.00 น. – 10.05 น.
———————————————
บทความรีวิวทดลองขับรุ่นเดิม V6 3.0 ลิตร
http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/V2926437/V2926437.html