ใส่เกียร์ตำแหน่ง D ออกตัวกระตุก

Brand: OTHER Model: Other
Year: 1994 Miles: 60001-80000
From: บุญนำ สุทัต

opel : corsa (swing)

สวัสดีครับ
ผมมีปัญหาเกี่ยวกับระบบเกียร์ออโต้ของรถ ยี่ห้อ Opel Corsa swing ปี 94 เป็นรถ 3 ประตู ระยะการใช้ 65000 ก.ม เป็นรถมือสอง
เหตุผลในการเลือกซื้อ เพราะมีขนาดเล็กเหมาะกับผู้หญิงใช้ ไม่เหมือนรถ mira ที่เล็กเกินไป อีกอย่างหนึ่งไม่กินน้ำมัน เพราะเป็นเครื่อง 1400 cc สภาพดี และ ราคาไม่แพงมาก แสนต้นๆ แอร์เย็นเจียบ

ปัญหาที่ 1
เกิดขึ้นคือ ในขณะสตาร์ท และใส่เกียร์ในตำแหน่ง D
ออกตัวไปสักพักไม่นานจะมีไฟเตือนที่หน้าปัดคือ ตัวอักษร S
และมีวงกลมล้อมรอบ รถจะเกิดอาการกระตุก ๆๆๆ ทันที และเร่งไม่ขึ้น

ปัญหาที่ 2
ในขณะที่ เกียร์ทำงานปกติในตำแหน่ง D ในการออกตัวทุกครั้ง
จะมีการกระตุก 1 ครั้งตลอด จะมาก หรือน้อยขึ้นอยู่กับการเร่งเครื่อง เป็น
เช่นนี้ตั้งแต่ซื้อมา saleman บอกว่า รถ opal รุ่นนี้ เป็นทุกคัน

วิธีการแก้ไข เบื้องต้น ของกระผม คือ

วิธีที่ 1
เมื่อเกิดอาการกระตุกขึ้น ผมจะนำรถจอดลงข้างทาง แล้วดับเครื่อง รอสักพักจึงสตาร์ทเครื่องใหม่ใส่เกียร์ในตำแหน่ง D แล้วปล่อยเบรค เพื่อออกตัว ทำเช่นนี้ประมาณ 2 ครั้งอาการกระตุกจะหายไป และไฟกระพริบ S หายไป รถก็จะวิ่งได้ปกติ แต่ถ้าวิ่งไป แล้วจอดรถประมาณ 1 ช.ม ขึ้นไป อาการกระตุกจะกลับมา

วิธีที่ 2
หากในการออกตัวเริ่มแรก มีไฟกระพริบ S ขึ้น ให้เปลี่ยนเกียร์ไป
ตำแหน่ง 2 หรือ 3 รถก็สามารถแล่นต่อไปได้ โดยไฟยังกระพริบอยู่ตลอดแต่อัตราเร่งของรถจะดูอืด ๆ

วิธีที่ 3
ผมสงสัยว่าระดับน้ำมันออโต้ จะสูงเกินไปหรือเปล่า เมื่อผมดึงสายวัด
ดูก็พบว่ามันเกิน ระดับ max 80 องศา C จึงทำการดูดออก ประมาณ 1 ขวดน้ำโพลาลิส แต่อาการกระตุกก็ยังเหมือนเดิม (ผมเห็นที่สายวัดเขียนไว้ว่า Dexron fluid don’t overfill และมีขีดระดับ 2 ด้าน คือ
min – max 20 องศา C และ min – max 80 องศา C แล้วผมควรรักษาระดับน้ำมันไว้ที่ตำแหน่งใดครับจึงจะเหมาะสม)

วิธีที่ 4
นำรถไปให้ช่างที่อู่ดู ผมสงสัยและถามเขาว่าเกียร์รุ่นนี้ มีกรองน้ำมัน
เกียร์ออโต้หรือไม่ ที่ถามเพราะผมสงสัยว่ากรองจะอุดตัน แต่เขาตอบว่า มีแต่
อยู่ข้างในเกียร์เปลี่ยนไม่ได้ จะต้องถอดชุดเกียร์ออกมา และเขายังแนะนำอีกว่าลองเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ใหม่ดู ผมจึงให้เขาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันโดยเขาใช้น้ำมันยี่ห้อ TOTAL fluide AT 42 ปรากฏว่าการการกระตุกนั้นหายไป แต่ดีใจได้ แค่ 7 วัน อาการกระตุกก็กลับมา
กระผมหมดปัญญาในการแก้ไข และวิเคราะห์ปัญหา ด้วยตัวเองแล้วครับคุณ ธเนศร์ หรือการแก้ปัญหาสุดท้ายคือ ผมจะต้องเสียเงินเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่ แต่รู้สึกว่าราคาค่อนข้างแพงเพราะเป็นรถยุโรป หรือจะยกทั้งเครื่องและเกียร์มาเป็นรถญี่ปุ่น ซึ่งหาอะไหล่ง่ายกว่า ถูกกว่า
แต่ผมยังสงสัยอยู่อย่างว่า หากเกียร์เสียหาย ทำไมรถยังสามารถวิ่งได้อยู่แต่จะมีปัญหาเพียงในช่วงสตาร์ทใหม่ๆ และออกตัวแรก ๆ เท่านั้น (อาจยังมีความหวังว่าจะมีวิธีแก้ไขได้ เพราะไม่อยากเปลี่ยนเกียร์ใหม่ตอนนี้ เพิ่งซื้อให้ภรรยามาได้ 3-4 เดือน)
รบกวนคุณ ธเนศร์ ช่วยเป็นธุระ ตอบข้อสงสัย และการแก้ปัญหา รวมถึงข้อแนะนำต่าง ๆ มายังกระผม จะไม่ลืมพระคุณนี้เลย ขอรับ

เกี่ยวกับอุบัติเหตุ saleman บอกว่าเป็นรถบ้าน ผู้หญิงใช้ และมีการชนบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆไ ม่ถึงกับหนักมาก
ส่วนการซ่อม ก่อนหน้านั้นไม่ทราบเลย เพราะเป็นรถมือสอง ถ้าหลังจากซื้อมารายละเอียดได้กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่ในส่วนเครื่องยนต์ผมได้เปลี่ยนสายพานหน้าเครื่องไป ซึ่งมีเพียงเส้นเดียว ราคา 900 บาท (เปลี่ยนด้วยตนเองครับ) ส่วนสายพานราวลิ้นผมเห็นว่าสถาพยังดีจึงไม่ได้เปลี่ยน และก็มีการเปลี่ยนผ้าเบรคคู่หน้าเพราะมีเสียงดัง ราคา 1500 บาท พอเปลี่ยนคู่หน้า ไม่ได้เปลี่ยนคู่หลัง ตอนนี้หลังมีเสียงดังเอี๊ยด ๆๆ เวลาเบรค และก็มีเปลี่ยนท่อไอเสียทั้งเส้นเพราะมีเสียงดังและผุมาก ประวัติการซ่อมก็มีเพียงเท่านี้ครับ

ขอขอบคุณ


คุณบุญนำครับ รถรุ่นนี้ มีปัญหาจุกจิกอยู่แถวการสะดุดนี่แหละ และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากหลายอาการ ส่วนของคุณ ค่อนข้างชัดว่า กระตุกจากสมองกลของเกียร์ ที่สกปรก
ผมเชื่อว่า คนใช้คนเก่า จะเปลี่ยนเกียร์จาก D-N และ D บ่อย และเมื่อเปลี่ยนไป D นั้น ไม่ได้รอให้รถกระตุกเล็กน้อยก่อน แต่รีบยกเท้าจากเบรกและกดลงบนคันเร่งเลยทีเดียว เป็นผลให้คลัทช์สึกออกมามากกว่าที่ควร
ดังนั้น คุณจึงควรจะล้างเกียร์มากกว่าแค่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ โดยการนำรถไปที่อู่หรือปั๊มสุลิตดา ในหน้าแรกที่ผมบอกไว้น่ะครับ
กรองน้ำมัน เป็นตะแกรง ไม่ต้องเปลี่ยนครับ เปลี่ยนไม่ได้อยู่แล้วถ้าไม่ผ่าเกียร์ คือไม่ใช่กรอง แต่เป็นตะแกรงกันฝุ่น
เกียร์หรืออะไร ที่เป็นกลไก เสียหายไปเป็นบางส่วน หรือติดขัดเป็นบางส่วน ก็ยังทำงานได้เสมอ จนกว่าจะเรียกว่าพัง หรือเสียหายในจุดสำคัญอันเป็นจุดควบคุม ดังนั้น ที่คุณว่า สงสัยว่าเกียร์เสียแต่ทำไมยังทำงานได้ ผมจึงไม่เห็นเหตุผลว่า ทำไมจึงจะทำงานไม่ได้
แต่หากฝืนใช้ไป อีกไม่นาน คลัทช์จะหมด เพราะส่วนมากตอนที่ออกตัวหรือเร่งอืดนั้น คลัทช์ไม่จับสนิท เป็นผลให้คลัทช์สึกมากกว่าปกติครับ ไม่นาน ออกตัวก็จะไม่ได้ ทีนี้ ก็ต้องซ่อมใหญ่กันละ
ก่อนการล้างเกียร์ ให้ช่างเขาวัดแรงดันน้ำมันเกียร์ดูก่อน หากวัดแล้ว แรงดันต่ำเกินไป เขาจะไม่ล้างให้ เพราะหมายความว่า เกียร์เสียหายมากแล้ว ไม่ควรล้างให้เปลืองเงิน เพราะล้างไปก็ไม่มีประโยชน์
หากช่างไม่วัดให้ ก็อย่าให้ทำอะไรกับรถของคุณดีกว่า จะเสียเงินเปล่าครับ-ธเนศร์

Facebook Comments