Review :Test drive ทดสอบ ทดลองขับ คอลัมน์ผู้หญิง ผู้หญิงขับรถ Honda Accord ใหม่ :โดยธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
Review :Test drive ทดสอบ ทดลองขับ คอลัมน์ผู้หญิง ผู้หญิงขับรถ Honda Accord ใหม่
ความรักเอย เจ้าลอยลมมาหรือไร มาดลจิตมาดลใจ เสน่หา ชอบเพลงที่นำมาประกอบโฆษณาชิ้นนี้ ก็คงเหมือนคนที่ตกหลุมรักรถรุ่นนี้
Honda Accord ใหม่ ทีเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมา เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 9แล้ว แล้วก็ถึงเวลาที่จะได้ลองสมรรถนะของรถรุ่นนี้ คราวนี้ไปขับฮอนด้าแอคคอร์ดตัวใหม่ถึงจังหวัดพังงา
โดยเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงที่สนามบินภูเก็ต ทางทีมงานฮอนด้าเอารถ Honda Step Wagon มารับที่สนามบิน เป็นรถที่นั่งสบายดี แต่ราคาสูงไปหน่อยเพราะเจอภาษีนำเข้า
จากสนามบินภูเก็ตไปที่โรงแรมเมอริเดียน เขาหลักบีชแอนด์สปา รีสอร์ท จ.พังงา ข้างทางร่มรื่นเขียว คงเป็นเพราะฝนตก ชอบบรรยากาศแบบนี้ของภาคใต้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เส้นทางช่วงเขาหลักก็ยังเป็นสองเลนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและยังสวยเช่นเดิม
เมื่อถึงโรงแรมก็ฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด ก่อนเริ่มทำการทดสอบ ซึ่งรถที่มาขับในครั้งนี้ จะเป็น ฮอนด้าแอคคอร์ด ตัวท็อปทั้งคู่เลย คือตัว 2.0 EL NAVI และ 2.4 TECH
คันแรกที่ขับจะเป็นฮอนด้า แอคคอร์ด ตัว 2.4 TECH ชึ่งเป็นตัวท็อป มี Navigator และ Sunroof ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ แบบ DOHC เครื่องยนต์ 4 สูบ i-vtec 16 วาล์ว 174 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที เกียร์แบบอัตโนมัติ 5 สปีด ระบบแคมชาฟต์คู่ของเครื่องยนต์และจำนวน 4 วาล์วต่อสูบ ขับเคลื่อนด้วยโซ่ซึ่งแทบไม่มีเสียงในการทำงาน
รูปทรงภายนอก ของHonda Accord ใหม่ รถคันใหญ่ดี ดูโฉบเฉี่ยว รูปร่างลงตัวกว่าตัวเดิม ไม่ดูอุ้ยอ้าย ด้านท้ายก็ดูสวยขึ้น
ในสายตาของดิฉันนะคะ
ส่วนภายใน เมื่อเปิดประตูเข้าไปในรถก็ดูกว้างขวาง การตกแต่งภายในดูเรียบแต่หรู อุปกรณ์ภายในรถครบครันเลย เก้าอี้ด้านคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง มีระบบปรับดันหลังไฟฟ้าด้านคนขับด้วย ส่วนเก้าอี้คนโดยสารด้านหน้าปรับได้ 4 ทิศทาง
วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ สีภายในของรถก็ขึ้นอยู่กับตัวรถค่ะ ถ้ารถสีทึบอย่างสีเทา สีดำ สีทองแชมเปญ ภายในก็จะตกแต่งด้วยสีเบจ
แต่ถ้าตัวรถสีอ่อน อย่างสีขาว สีเงิน ภายในรถก็จะตกแต่งด้วยสีดำ
พวงมาลัยลายไม้ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังส์ชั่น มีเฉพาะรุ่น 2.4 ทุกรุ่น
ภายในรถตกแต่งด้วยลายไม้ ก็สะดุดตาดี
มีระบบบันทึกตำแหน่งของผู้ขับขี่ เหมือนรถยุโรประดับหรู
ส่วนระบบเครื่องเสียงสำหรับรุ่น2.4 Tech มีเครื่องเล่น DVD วิทยุ(เฉพาะรุ่น 2.0 EL NAVI ,2.4EL NAVI]2.4 TECH) ซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น มาพร้อมด้วยระบบเครื่องเสียงกำลังขับ 360 วัตต์ พร้อมลำโพง 7 ตัว(รุ่น 2.0 มีลำโพง 6 ตัว) ซึ่งรวมถึงซัพวูฟเฟอร์ และติดตั้งฮาร์ดดิสก์ HDD ขนาด 16 GB เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บข้อมูล(ฮาร์ดดิสก์ HDD ขนาด16 GB ,มีเฉพาะรุ่น 2.0 EL NAVI,2.4 EL NAVI,2.4 TECH) หรือเพลงที่ชื่นชอบ ช่องเชื่อมต่อ USB ซึ่งระบบนี้สามารถอ่านข้อมูลในแฟลชไดร์ฟ iPod ,iPhone ที่บรรจุไฟล์เพลงแบบ MP3 หรือ WMA ได้ ฟังเพลงกันให้สนุกสนานเลย
มี Bluetoothซึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครื่องเสียงของรถยนต์ ซึ่งการเชื่อมต่อแบบไร้สายนี้เข้ากับโทรศัพท์เกือบทุกรุ่นที่มีระบบ Hand Free Profile
หน้าจอแสดงผลแบบอัจฉริยะ iMID Intelligent Multi-Information Display ขนาด 8 นิ้วซึ่งหน้าจอนี้จะแสดงเกี่ยวกับ Bluetooth อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง การทำงานของระบบเครื่องเสียง โดยสามารถปรับการแสดงผลได้ตามที่ต้องการให้เป็น Wallpaper และจะแสดงผลของเนวิเกเตอร์ แสดงผลกล้องส่องหลังเมื่อถอยหลัง และ Lane watch เมื่อเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน
นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผลอยู่ตรงกลาง Multi-Information Display (MID)ติดอยู่ตรงกลางของมาตรวัดความเร็ว ซึ่งจะแสดงผลของอัตราการกินน้ำมัน ระยะทางที่ใช้ไป การสิ้นเปลืองน้ำมันขณะนั้น ระยะทางที่จะขับต่อไปจนกว่าน้ำมันจะหมดถัง ตำแหน่งเกียร์ ระบบควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติ (ACC)
เพื่อความสะดวกสบายของคนขับ ปุ่มที่ใช้งานบ่อยจะมาติดตั้งที่พวงมาลัย เพื่อง่ายในการใช้งาน
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังพับได้ พนักเท้าแขนด้านหลังแบบเปิดผ่านห้องสัมภาระท้าย คราวนี้ไม่ได้ลองนั่งข้างหลังเพราะไปขับกันสองคน
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยก 2 ส่วน เลือกเอาตามชอบใจว่าใครต้องการอุณหภูมิเท่าไหร่ และที่นั่งหลังก็มีช่องแอร์ จะได้ไม่ร้อนสำหรับผู้นั่งหลัง
มีซันรูฟซึ่งจะทำงานด้วยไฟฟ้า และเปิดปิดด้วยการกดปุ่มแค่ครั้งเดียว(เฉพาะรุ่น 2.4 TECH )
นอกจากนั้นภายในห้องโดยสารยังมีม่านสำหรับรูดเปิดปิดหากผู้ขับขี่ต้องการแค่รับแสงแดด แต่ไม่ต้องการรับลม
ได้รายละเอียดของรถฮอนด้า แอคคอร์ดตัว 2.4 TECH ไปแล้ว ก็ต้องขับกันแล้วละคะ โดยขับออกจากโรงแรมแล้วมุ่งหน้าไปทางคุระบุรีเส้นทางไป จังหวัดระนอง แล้วย้อนกลับมาที่โรงแรม ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ผลัดกันขับ 2 คน
ดิฉันขับเป็นคนแรก ขึ้นรถกดปุ่มสตาร์ทปรับทุกอย่างให้เข้าที่ ทั้งเก้าอี้ที่เป็นระบบไฟฟ้าปุ่มปรับอยู่ข้างๆที่นั่ง คาดเข็มขัด แล้วก็ปรับพวงมาลัย พวงมาลัยปรับได้ 4 ระดับ สูงต่ำ ใกล้ไกล เลือกได้ตามใจชอบ
เก้าอี้นั่งสบายมาก กระชับตัวเป็นเก้าอี้หนัง นึกถึงฮอนด้า แอคคอร์ดเมื่อปี 1994 ซึ่งเขาเรียกกันว่ารุ่นไฟท้ายก้อนเดียว คันนั้นเป็นรถทีซื้อมาเพื่อเป็นรถทดสอบระยะยาวของคุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เก้าอี้เป็นกำมะหยี่ ปรับได้แค่ใกล้ไกล เมื่อดิฉันขับ เวลานั่งต้องมีหมอนเล็กๆมารองนั่งเพื่อไม่ให้มีช่องว่างด้านหลัง เพราะดิฉันเป็นคนตัวเล็ก ต่างกันกับรุ่นนี้มากมาย
ไฟหน้า ของ 2.4 ทุกรุ่นจะเป็นไฟแบบ LED และทุกรุ่นของ2.4 มีไฟที่ใช้เวลากลางวันเป็นหลอด LED ทำให้คนเดินถนนมองเห็นรถได้ชัดขึ้น ในตอนขับกลางวันหรือพลบค่ำ(รุ่น 2.0 ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ )
กระจกซ้ายปรับอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง เฉพาะรุ่น 2.4 เท่านั้น
กลับมาที่แอคคอร์ดตัวใหม่ต่อ เมื่อได้สัมผัสพวงมาลัยครั้งแรกรู้สึกถึงความนวลเนียนของผิวพวงมาลัย ละมุนละไมมาก จับสบายมือ พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยนและมีเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า
แล้วก็ออกเดินทาง ก่อนออกเดินทางก็ตั้งเนวิเกเตอร์เพื่อไปยังร้านกาแฟที่คุระบุรี ไปทางเส้นทางระนอง เป็นเนวิเกเตอร์ที่ใช้ง่ายมาก เพียงแค่กดไปที่เมนู แล้วมีปุ่มอยู่ด้านล่างของจอ iMID ก็กดเลือกเอา ง่ายดีค่ะ มองสบายตาเพราะจอขนาดใหญ่ 8 นิ้ว เหมาะกับคนสายตายาวดีแท้
เมื่อพร้อมก็ออกรถไปยังจุดหมายแรกที่ร้านกาแฟที่คุระบุรี เพื่อเปลี่ยนคนขับที่นั่น
ช่วงแรกฝนตกลงมาเล็กน้อย ได้มีโอกาสใช้ที่ปัดน้ำฝนที่ตั้งไว้แบบอัตโนมัติ คอยทำงานอยู่ตลอดเวลาแม้มีหยดน้ำตกลงมาเพียงเล็กน้อย
ภายในรถกว้าง นั่งสบาย เมื่อนั่งขับให้อารมณ์แบบสปอร์ตคือสนุกสนานในการขับ พวงมาลัยไม่หนักแต่ให้ความรู้สึกมั่นคงและแม่นยำเวลาขับ
ยิ่งช่วงเข้าโค้งก็เกาะถนนดีมากใส่ได้เต็มๆ ถนนที่เดินทางในครั้งนี้จะเป็นทางโค้งค่อนข้างเยอะ เป็นเส้นทางที่สวยเส้นทางหนึ่ง
เมื่อต้องเร่งแซงกำลังรถก็มาเร็วมาก เกียร์ 5 สปีดก็มีส่วนช่วยเยอะ ถนนที่ขับยังเป็นถนนแบบ สองเลนต้องคอยระวังรถที่วิ่งสวนมา ซึ่งอัตราเร่งแซงเป็นสิ่งจะเป็นมากในการแซงรถคันหน้าและรถที่จะวิ่งสวนมา
ภายในรถค่อนข้างเงียบเพราะฮอนด้าแอคคอร์ดมีการติดตั้งระบบควบคุมเสียงเข้าห้องโดยสาร ทำให้ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่เราขับอยู่และรับรู้ถึงเสียงและกำลังเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ เกิดความมันในการขับขี่ และเสียงที่ได้ยินอย่าต่อเนื่องทำให้เร้าใจในอัตราเร่ง เลยกดคันเร่งกันอย่างสนุกสนาน
ช่วงล่างนุ่มนวล ให้ความรู้สึกเป็นสปอร์ต ช่วงล่างหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทซึ่งออกแบบใหม่หมดเพื่อให้นุ่มนวลและเงียบในการขับขี่และเข้าโค้ง ระบบช่วงล่างนี้เข้ามาแทนที่ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเดิมอย่างปีกนก 2 ชั้นที่ใช้ในแอคคอร์ดรุ่นเดิม
ส่วนเรื่องเบรก ก็เบรกได้นิ่มนวลและมั่นใจค่ะ เบรกหน้าเป็นดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน เบรกหลังเป็นดิสก์เบรก
รัศมีวงเลี้ยวอยู่ที่ 5.9 เมตร
ในรุ่น 2.4 ทุกรุ่นจะมีระบบแสดงมุมอับในการเปลี่ยนเลน Honda Lane Watch ซึ่งระบบนี้จะใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านใต้ของกรอบกระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า เพื่อนำภาพของที่อยู่บริเวณด้านหลังของรถมาขึ้นที่หน้าจอ iMID ภาพจะแสดงโดยอัตโนมัติเมื่อมีการกดไฟสัญญาณเลี้ยวซ้าย ทำให้เห็นสภาพการจราจรอย่างแท้จริง และมองเห็นคนข้ามถนนและวัตถุในมุมอับ
แต่เมื่อขับรถเราจะยังไม่เคยชินกับการมองหน้าจอ เรายังชินกับการเหลือบมองกระจกซ้าย ต้องใช้เวลาปรับตัวหน่อยถ้าจะมองหน้าจอ
อีกเรื่องหนึ่งที่ได้ลองเมื่อได้เปลี่ยนตัวคนขับ และดิฉันเป็นคนนั่ง ก็ได้ให้เพื่อนสื่อมวลชนที่เป็นคนขับลองระบบ CMBS ซึ่งเป็นระบบเตือนการชนข้างหน้าและระบบช่วยเบรก ซึ่งจะมีเฉพาะรุ่น 2.4 TECH คือถ้าขับใกล้รถคันหน้ามากเกินไป ก็จะมี ตัวหนังสือBRAKE ขึ้นที่หน้าจอ ซึ่งระบบได้รับการออกแบบมาเพื่อเตือนให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีแนวโน้มที่จะชน เพื่อลดการสูญเสียจากการชนให้น้อยที่สุด
การกินน้ำมัน อยู่ที่ 10.9 กม/ ลิตร ความเร็วที่ใช้ประมาณ 100-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับตัว 2.4 TECH แต่ดูอัตราการกินน้ำมันที่เคยทำได้ก่อนนั้นอยู่ที่ 12.1 กม/ลิตร
ขากลับเข้าที่พัก ดิฉันก็ได้ขับฮอนด้าแอคคอร์ดตัว 2.0 EL NAVI เครื่องยนต์เป็นแบบ SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว iVTEC 155 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ แรงบิด 190 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบ/นาที
เมื่อขึ้นรถ กดปุ่มสตาร์ทรถ ปรับทุกอย่างเข้าที่ความรู้สึกที่นั่งในรถไม่มีความแตกต่างกันเลยระหว่างตัว 2.4 TECH กับตัวนี้
ภายในไม่มีอะไรแตกต่าง ปุ่มควบคุมต่างๆในรถที่เป็นปุ่มที่ใช้บ่อยก็บังคับได้ที่พวงมาลัยเหมือนกัน
ได้ขับตัวแรงม้าสูงที่ 174 แรงม้า แล้วมาขับตัว 155 แรงม้า ความรู้สึกต่างกันบ้างเมื่อต้องเร่งแซงรถคันหน้า ตัวนี้ต้องเหยียบแรงกว่าตัว 2.4 แต่ก็ถือว่าดีแล้วนะคะสำหรับเครื่องยนต์ 2.0
การขับขี่ก็ขับสนุกเกาะถนนดี ให้ความรู้สึกถึงความเป็นรถสปอร์ต ปราดเปรียวค่ะ เหมือนตัว 2.4
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกแทบไม่ต่างจากตัว 2.4 ที่ตัว 2.0 ไม่มีก็อย่างเช่น Paddle shift ระบบ Lanewatch ระบบ CMBS
ช่วงล่างตัว 2.0 ดิฉันรู้สึกว่ากระด้างกว่าตัว 2.4 เล็กน้อย แต่วิศวกรบอกว่า ช่วงล่างเซ็ทมาเหมือนกัน วิศวกรบอกว่าการเซ็ทช่วงล่างให้สปอร์ตจะทำให้ความสะดวกสบายน้อยลง เขาก็ระวังโดยการใช้ไฮโดรบุชและที่รองสปริงเพื่อช่วยให้รถนุ่มนวลขึ้น แต่ตัว 2.0 และ 2.4 น้ำหนักเครื่องยนต์ต่างกัน 10 กิโลกรัมก็อาจมีผลบ้างในความเห็นของดิฉัน แต่วิศวกรบอกว่าไม่ต่างกัน
เรื่องล้อก็ต่างกันค่ะ ตัว 2.4 TECH ที่ขับ เป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 235/45R18
ส่วนรุ่นอื่นทุกรุ่นล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยางขนาด 225/50 R17
อุปกรณ์ความปลอดภัยมีครบทุกรุ่น อย่างเช่นกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว ระบบ VSA พร้อมระบบเสริมแรงเบรกBA ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย ระบบช่วยการออกตัวระหว่างอยู่บนทางลาดชัน ระบบล็อคประตูอัตโนมัติ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย ระบบป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD
การกินน้ำมันของตัว 2.0 อยู่ที่ 12.8 กิโลเมตร/ลิตรค่ะ ความเร็วที่ใช้ก็ประมาณ 100-140. กิโลเมตรต่อชั่วโมง
น้ำมันที่ใช้ ได้คือ เบนซินออกเทน 91, แก๊สโซฮอล์, E 20, E85
ความจุถังน้ำมัน 65 ลิตร
สำหรับราคา 2.0 ELราคา 1,299,000 บาท 2.0 NAVI ราคา 1,419,000 บาท
2.4 EL ราคา 1,549,000 บาท 2.4 EL NAVI 1,669,000 บาท
2.4 TECH ราคา 1,799,000 บาท
ราคาคงจะช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ
สำหรับผู้หญิง ดิฉันอยากจะแนะนำว่า ตัว 2.0 ก็เกินพอแล้วค่ะ ส่วนคุณผู้ชายก็น่าจะพอเช่นกันนะคะ
คอลัมน์ผู้หญิงขับรถ ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา