เข้าร่วมทดสอบ มาสด้า บีที-50 โปรใหม่กับ พีท ทองเจือ:โดยคุณชาญวิทย์ ทรัพย์สุทธิ


ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูงที่ได้รับเกียรติให้เป็นส่วนหนึ่งในความภาคภูมิ ใจกับนวตกรรมเทคโนโลยี กับการพัฒนาไปอีกก้าวอีกขั้นของความสำเร็จ กับการเปิดตัว มาสด้า บีที-50 ใหม่ ในครั้งนี้ ซึ่ง มาสด้าพระราม7 ได้จัดงานขึ้นในระหว่างวันที่ 27 – 29 มกราคม 2555 และเฉพาะวันที่ 28 นั้น คุณพีท ทองเจือ นักแข่งรถชั้นแนวหน้า นักแสดง พิธีกร มากความสามารถได้มา ทำการบรรยายสรรพคุณและทดสอบรถด้วย

ผมเองได้เข้าร่วมงานดังกล่าวนี้ด้วย โดยสถานที่นั้น มาสด้าพระราม7 ได้ใช้พื้นที่ลานจอดรถสำหรับเก็บรถใหม่ ด้านหลังศูนย์บริการเปิดพื้นที่ทั้งหมดสำหรับการทดสอบอย่างเต็มรูปแบบ โดยเน้นไปที่ช่วงล่าง การควบคุมรถเป็นหลัก ทันทีที่ผมได้เห็นรถคันนี้ ที่จอดอยู่ 2 คันพบว่าเปลี่ยนแปลงไปจาก บีที-50 เดิมไปคนละเรื่องคือเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปหมดสิ้นจริงๆไม่เห้นเค้าเดิมแม้แต่น้อย มองด้านหน้าเป็นเหมือนเก๋ง แต่แฝงไว้ซึ่งความแกร่ง สง่างาม บึกบึนในแบบกระบะ ลุยๆ ขนาดตัวรถใหญ่ขึ้นมามาก ทราบจากคุณพีทว่า เป็นรถที่ขนาดใหญ่ที่สุดในยุคนี้ แต่จากผมดูรายละเอียดนั้น ความสูงตัวรถนั้นคงจะไม่ใช่ รถที่สูงที่สุดในตลาดบ้านเราเวลานี้ครับ แต่ก็ถือว่าใช้ได้ในรถกระบะยกสูงยุคนี้กับระดับ 181 เซนติเมตร


บรรยากาศทั่วไปในงาน แรกๆคิดว่าคงจะมีคนมาร่วมงานไม่มากนักแต่เอาเข้าจริงๆ มีคนสนใจมาเรื่อยๆและต่อเนื่องเรียกได้ว่า คุณพีท ไม่มีจังหวะการพักหายใจแต่อย่างใด ยกเว้น ช่วงพักเที่ยงเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า หลายคนเฝ้าจับตา สำหรับรถรุ่นนี้อย่างใจจดใจจ่อ ผมเองรู้สึกตื่นเต้นพอสมควร ที่เห็นความสง่า ความสวย ความลงตัว และก็รูปทรงตัวรถรอบคันที่ต้องบอกเลยว่า สวยจริงๆ ซึ่งรถที่ทาง มาสด้าพระราม7 ได้จัดไว้สำหรับให้คุณพีท ทองเจือได้ทดสอบเป็นตัวที่ผมคิดเองว่า คงจะเป็นตัวชูโรง เป็นตัวขาย นั่นคือ เป็นแบบยกสูงทั้ง แบบ ซิงเกิ้ล แคป และ ดับเบิ้ล แคป เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร 150 แรงม้า ซึ่งราคาค่าตัว หากเป็นตัว 4 ประตู ออโต้ ตัวท๊อปของเครื่อง 2.2 ลิตร ราคาเฉียด 9 แสนทีเดียว ซึ่งราคาจะต่างกับรุ่นทดสอบในแบบเกียร์ธรรมดา ร่วมแสนเศษ ฉะนั้น ตัวเกียร์ธรรมดา จึงน่าจะเป็นเป็าการขายของมาสด้าอย่างแท้จริง

เมื่อได้เข้าไปนั่งพร้อมการทดสอบร่วมกับ คุณพีท ทองเจอ นั้น ต้องบอกว่า ภายในกว้างและโอ่โถงมากทีเดียว ตัวเบาะนิ่มและนั่งสบาย จนรู้สึกว่าเป็นเหมือนรถอเนกประสงค์ยังไงอย่างนั้น วัสดุภายในไม่ต่างกับเก๋ง มาสด้า 3 นัก ในรอบแรกยังคงขับแบบเบาๆปกติ และเน้นระบบพวงมาลัยในการผ่านไพล่อนต่างๆ รวมทั้ง แสดงให้เห็นจุดต่างๆที่ บีที-50 มีแต่กระบะทั่วไปอาจจะยังไม่มี ต้องขอบอกก่อนครับว่า บีที-50 ใช้ระบบส่งกำลังผ่านเกียร์ทั้งแบบธรรมดาและอัตโนมัติ เดินหน้า 6 จังหวะ อัตราทด ซึ่งเป็นค่ายแรกจริงๆซึ่งโดยปกติ ค่ายรถต่างๆจะมีก็ เต็มที่ ในแบบอัตโนมัติ 5 จังหวะ คุณพีท เล่าให้ผมฟังว่า เกียร์ตัวนี้ ทำงานในแบบไม่ต้องกลัวเครื่องดับ คือเมื่อเข้าเกียร์ยกแป้นคลัทช์ ออกจากเท้า สามารถปล่อยเท้าโดยไม่ต้องแตะแป้นคันเร่งใดใด เครื่องยนต์จะยังคงทำงานไปเรื่อยๆ ลักษณะคล้ายเกียร์อัตโนมัติ ที่ผู้ขับเข้าเกียร์ D และปล่อยรถไหล ปกติแล้ว ทั่วๆไปเครื่องจะดับ เพราะกำลังไม่พอ ผู้ขับจะต้องเลี้ยงคลัทช์เอาไว้ตลอดเวลา สำหรับอัตราเร่งจากจุดออกตัว คุณพีท เล่าว่า ตัว 2.2 นี้อาจจะรอจังหวะอยู่บ้างสัก 2-3 วินาที แต่เมื่อตั้งลำแล้ว เลิกพูดครับ คือลอยตัวแล้วก็หาตัวจับยาก แต่ถ้าเป็นเครื่องตัว 3.0 แรงม้ามีถึง 200 ตัวนี่ไม่ต้องพูดกันเลย ทั้งออกตัวและตั้งลำ ลื่นไหลตามเท้าสั่งทีเดียว


ในรอบที่ 2 และ 3 คุณพีท ได้ลองควบคุมรถลักษณะปล่อยรถไหล แล้วตัวเองออกนอกตัวรถมาจับพวงมาลัยในตัวรถขณะที่ตนเองยืนอยู่บนบันไดนอกรถ หักเลี้ยวผ่านไพล่อนต่างๆ ที่สามารถควบคุมรถอย่างง่ายดาย รอบสุดท้ายนี้ ผมเองได้สัมผัสถึงการขับ แบบทดสอบช่วงล่างและอัตราเร่งรวมทั้งเบรกไปพร้อมๆกัน โดยจะเป็นการพุ่งออกตัวรุนแรง และสาดโค้งลึกแบบหันตัวรถกลับ 180 อาศาในขณะที่รถพุ่งตัวอย่างรวดเร็ว ต้องบอกเลยว่า นั่งในรถคันนี้ไม่มีอาการเสียว ไม่ตกใจ ใดใด เสียงเครื่องเสียงเบรกลั่นนั้นเล็ดลอดผ่านตัวรถเข้ามาไม่มากนัก ตัวรถไม่มีอาการใดใด ยังคงนิ่งมั่นคง ท้ายไม่เซไม่ไถล ไม่ปัดใดใด คือนิ่งมากๆ แม้ตัวรถจะมีขนาดยาวและใหญ่ก็ตามที

เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งรถที่วิ่งตรงๆอยู่แล้วก็กลับหลังได้ในทันที มันวิเศษมากๆครับ ทั้งหมดนี้ผมได้นั่งคุยกับคุณพีทว่า คงต้องมาจากทั้งตัวคนขับและตัวรถที่สุดยอดพร้อมกัน ผมพูดว่า “ถ้าไม่ใช่คันนี้ หรือเป็นรถกระบะทั่วไป และไม่ใช่ด้วยความมั่นใจใน คุณพีทแล้วเนี่ย จะต้องขอลงจากรถไปก่อนอย่างแน่นอน” นั่นคือ ถือว่าได้มีโอกาสนั่งคุยกันเรื่องรถ เรื่องที่ผมเองชอบอยู่เป็นทุนเลยและพยายามเก็บตวงเวลาอันนี้ค่าในรถที่อยู่กับนักขับระดับแนวหน้ากัน 2 ต่อสองให้เกิดความรู้กับตนเองให้ได้มามากที่สุด

รวมทั้งข้อมูลรถผมเองนั้น ก็ได้แอบถามอยู่เหมือนกัน มาสด้า 3 1.6 ปี 2010 5 ประตู คุณพีท ว่า 190 สำหรับความเร็วสูงสุด จริงๆก็ 200 นะ ถ้าใส่ท่อสักหน่อย แต่จะวิ่งไปทำไม ไม่มีโอกาสได้ใช้ คำนี้มาจากคำพูดของนักขับที่ชอบความเร็ว แต่จริงๆ นักขับขับรถชีวิตประจำวันใจเย็นครับ ขับไม่เร็ว คุณพีท บอก นั่นคือแสดงให้เห็นครับว่า ความเร็วไม่ใช่ตัวตัดสิน เหนือสิ่งอื่นใด ความปลอดภัยสำคัญที่สุด ความปลอดภัยในที่นี้มาจากทั้งตัวคนขับ ตัวสมรรถนะรถ ช่วงล่างระบบส่งกำลัง ระบบบังคับควบคุม และโครงสร้างการออกแบบตัวรถ และมาสด้า บีที-50 ผมว่ามีทั้งหมดนี้นะ และผมมั่นใจและเชื่อเลยว่า ตัว 2.2 ทั้งแบบ 2 ประตู และ 4 ประตู ยกสูง 150 แรงม้า จะเป็นตัวทำตลาดของมาสด้าที่น่าจับตา

Facebook Comments