ข่าวเพื่อช่วยสังคมของแวดวงรถยนต์มี 2 ข่าว ข่าวแรก ของ ฮอนด้า ข่าวที่ 2 จากโตโยต้า โดย:ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา


ข่าวสังคมรถยนต์ข่าวแรก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมรณรงค์กับกรมการขนส่งทางบก เตรียมพร้อมรับมือช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้จัดกิจกรรม “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” สนองนโยบายปีแห่งความปลอดภัยเพื่อให้ ”คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข” โดยมีนายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน โดยฮอนด้าร่วม
รณรงค์โครงการ Bon Voyage “ยิ่งมีสติ…ยิ่งปลอดภัย” เพื่อเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนน นึกถึงสติทุกครั้งขณะขับรถ และได้จัดแคมเปญรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นทุกคันที่เข้ารับบริการ ณ ศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศจะได้รับบริการตรวจสภาพรถฟรี 20 รายการ ก่อนเดินทาง

ข่าวเพื่อสังคมข่าวที่ 2 นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ นายเอกชัย รัตนชัยวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ นายตรีรัตน์ ภูคชสารศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายอนุรักษ์ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) สำนักงานประเทศไทย พร้อมนำคณะอาสาสมัครซึ่งได้แก่ตัวแทนจากกลุ่มพนักงาน โตโยต้า ผู้แทนจำหน่ายฯ บริษัทในเครือฯ สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป จำนวนกว่า 3,000 คน ร่วมกิจกรรมโตโยต้าปลูกป่าชายเลน ปีที่ 7 “7 หมื่นต้นกล้า มหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ” ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ ในวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2554

กิจกรรม “7 หมื่นต้นกล้า มหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ” เป็นหนึ่งกิจกรรมในโครงการ “โตโยต้า … เพื่อสิ่งแวดล้อม” โดยเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากกิจกรรม “โตโยต้า ปลูกป่าชายเลน” ที่บริษัท โตโยต้าฯ ได้มีการนำตัวแทนพนักงานมาร่วมกับอาสาสมัครจากหลากหลายภาคส่วน ได้แก่กลุ่มตัวแทนพนักงานโตโยต้า สื่อมวลชน ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าและบริษัทในเครือฯ กลุ่มลูกค้า สมาชิกเครือข่าย Toyota CSR Facebook นักเรียนนักศึกษา รวมถึงสาธารณชนทั่วไป มาทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง ณ สถานตากอากาศบางปูตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้นกว่า 120,000 ต้น เพื่อเป็นการถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามแนวพระราชดำริ และเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในเรื่องการอนุรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนปากแม่น้ำผืนสุดท้ายของภาคกลางแห่งนี้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งภายหลังจากที่กิจกรรมวันนี้เสร็จสิ้นลง จะส่งผลให้ต้นกล้าชายเลนที่ครอบครัวโตโยต้าและชุมชนร่วมกันปลูกขึ้นมีจำนวนรวมถึงราว 200,000 ต้น โดยเมื่อต้นกล้าเหล่านี้โตเต็มที่ภายหลังจากผ่าน 3 ปีแรกหลังจากการปลูกไปแล้ว จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 2,500 ตันต่อปี*

ภายหลังจากกิจกรรมปลูกป่าชายเลนแล้ว ผู้เข้าร่วมโครงการยังได้ร่วมสนุกกับการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากร้านค้าใน Green Market ร่วมจุดเทียนถวายพระพรและตระการตาไปกับการแสดงแสงสีเสียงสามมิติเฉลิมพระเกียรติบนสะพานสุขตา พร้อมเพลิดเพลินไปกับหลากหลายเมนูจากสุดยอดร้านอร่อยทั่วทุกมุมเมือง และการแสดงคอนเสิร์ตในบรรยากาศสุดพิเศษริมทะเลบางปูกับศิลปินชั้นนำ ดา เอนโดรฟิน ไอซ์ ศรันยู และ Room 39 ที่มาร่วมมอบความสุขปิดท้ายกิจกรรมในครั้งนี้อีกด้วย

นอกจากกิจกรรม โตโยต้าปลูกป่าชายเลนแล้ว บริษัท โตโยต้าฯ ยังได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาและดำเนินงาน ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) แก่ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) สำนักงานประเทศไทย อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 – 2558 รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 25 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบประมาณสำหรับการจัดสร้างอาคารที่ใช้เป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติ การจัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าเยี่ยมชม เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ คู่มือศึกษาธรรมชาติ ตลอดจนเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานภายในศูนย์ฯ ซึ่งศูนย์ศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจ ได้เข้าทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้ถึงระบบนิเวศของป่าชายเลนอย่างใกล้ชิดและครบวงจร

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “กิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) ในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโตโยต้า ที่ได้ร่วมกับ กรมพลาธิการทหารบก และ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ประเทศไทย ในการต่อยอดการทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมของเรา โดยแต่เดิมนั้นเราริเริ่มโครงการนี้ในลักษณะกิจกรรมภายในเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของพนักงาน จากนั้นจึงทำการเปิดรับอาสาสมัครจากหลากหลายหน่วยงาน อันจะเป็นการขยายเครือข่ายในการทำความดีเพื่อสังคม โตโยต้ามุ่งหวังให้กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดทำขึ้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือของการสร้างเครือข่าย CSR ที่จะช่วยให้เกิดการขยายความร่วมมือในการทำความดี สู่ชุมชน และสังคม เพื่อส่งเสริมพัฒนาการอย่างยั่งยืนของสังคมไทยต่อไป”

Facebook Comments