มาสด้า เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด
เมืองฮิโรชิมา, ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปเปอเรชั่นแถลงถึงการเปิดตัวนวัตกรรมที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในวงการยานยนต์โลก ชื่อว่า “สกายแอ็คทีฟ” SKYACTIV ทีมีทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง โครงสร้างตัวถัง และแชสซีส์ เ ทคโนโลยีล่าสุดทั้งหมดนี้จะถูกจัดลงในรถยนต์มาสด้า คือรุ่นเดมิโอ (หรือมาสด้า2 ในตลาดนอกประเทศญี่ปุ่น) เป็นรุ่นแรก ซึ่งพร้อมออกจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกของปี 2011 เครื่องยนต์ในรถรุ่นแรกของเทคโนโลยีล่าสุดนี้จะเป็น “สกายแอ็คทีฟ-จี” SKYACTIV-G เครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงแบบไดเร็กอินเจ็กชั่น ด้วยคุณสมบัติที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินที่มีอัตราส่วนการอัดอากาศสูงที่สุดในโลก 14.0:1 เครื่องยนต์ “สกายแอ็คทีฟ-จี” SKYACTIV-G จึงเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังแต่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำที่สุดเพียง 30 กม.ต่อลิตร โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยแต่อย่างใด
“สกายแอ็คทีฟ” SKYACTIV เป็นชื่อเรียกนวัตกรรมเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ล่าสุดของมาสด้า ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากวิสัยทัศน์ของพัฒนาการทางเทคโนโลยีในแผนระยะยาวของมาสด้าที่รู้จักกันทั่วไปว่า “ความซูม-ซูมแบบยั่งยืน” Sustainable Zoom-Zoom ชื่อ “สกายแอ็คทีฟ” SKYACTIV ของนวัตกรรมใหม่นี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อสะท้อนถึงความตั้งใจของมาสด้าในความมุ่งมั่นที่จะมอบความพึงพอใจจากการขับขี่ พร้อมไปกับความห่วงใยในสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยในยนตรกรรมที่พัฒนาขึ้น การที่จะบรรลุเป้าหมาย มาสด้าได้ประกาศยุทธศาสตร์ขององค์กร “บิลดิ้ง บล็อก” Building Block Strategy ที่มาสด้าจะใช้ไปจนถึงปี 2015 ยุทธศาสตร์ที่กร้าวแกร่งนี้มีหลักใหญ่เกี่ยวข้องกับการดึงเอาประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีพื้นฐานของมาสด้าซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดสมรรถนะของรถยนต์ และตามมาด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า เช่น ระบบไฮบริด เทคโนโลยีทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นนวัตกรรมที่จะมาจากยุทธศาสตร์”บิลดิ้ง บล็อก” Building Block Strategy ที่มี “สกายแอ็คทีฟ” SKYACTIV เป็นฐานหลัก
มร. ทากาชิ ยามานูชิ กรรมการบริหาร ผู้บริหารอาวุโสและประธานของมาสด้า กล่าวว่า “มาสด้ากำลังพัฒนาระบบส่งกำลัง เครื่องยนต์ และพื้นฐานโครงสร้างของรถในทุกโมเดล ร่วมไปกับการปฏิวัติกระบวนการผลิตรถตั้งแต่ขั้นตอนค้นคว้าวิจัย ( R&D) ไปจนถึงการผลิตเพื่อจำหน่าย โดยจะไม่มีการอ่อนข้อในเป้าหมายที่ท้าทายนี้ ในทางกลับกันเราจะคิดค้นแนวทางความคิดริเริ่มใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรมล้ำสมัยแบบ Breakthrough ในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับรถยนต์จนกระทั่งได้มาซึ่งผลงานที่เหลือเชื่อ หนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จนี้ก็คือ เครื่องยนต์สกายแอ็คทีฟ SKYACTIV นวัตกรรมเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดที่ทุกท่านจะได้ประทับใจซึ่งจะมีอยู่บนมาสด้า เดมิโอเป็นรุ่นแรกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2011 เครื่องยนต์สกายแอ็คทีฟ SKYACTIV เป็นเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไอเสียต่ำ และสร้างสถิติประหยัดน้ำมันที่เหลือเชื่อ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของเครื่องยนต์นี้ประหยัดเพียง 30 กม.ต่อลิตรเท่านั้น ที่น่าทึ่งคือเครื่องยนต์สกายแอ็คทีฟ SKYACTIV ยังคงให้ความรู้สึกของการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ ความน่าประทับใจในโลกยนตรกรรมเหล่านี้จะยังคงมีออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่องบนรถมาสด้าทุกรุ่นในปีต่อๆ ที่กำลังจะมาถึง” มร. ยามานูชิ กล่าว
ข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรม “สกายแอ็คทีฟ” SKYACTIV
1. SKYACTIV-G
เป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบไดเร็กอินเจ็กชั่นประสิทธิภาพสูงเจเนอเรชั่นใหม่ที่เป็นนวัตกรรมชิ้นเอกในวงการยานยนต์โลก นับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีอัตราแรงอัดอากาศในการเผาไหม้สูงที่สุดของโลก คืออัตรา 14.0:1 โดยเครื่องยนต์ไม่เกิดอาการน๊อค
– เครื่องยนต์เบนซินที่ผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องแรกที่มีอัตราแรงอัดอากาศสูงที่สุดในโลก คือ 14.0:1 ของโลก
– เครื่องยนต์ที่การเผาไหม้และจุดระเบิดมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งในด้านอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ประหยัดขึ้นและกำลังแรงบิดที่ดีขึ้นถึง 15%
– ยังคงสมรรถการขับขี่ประจำวันที่สมบูรณ์แบบและขับสนุกเร้าใจ เพราะเพิ่มกำลังแรงบิดที่รอบเครื่องยนต์ต่ำถึงปานกลาง
– ระบบไอเสียแบบ 4-2-1 การเพิ่มปริมาตรกระบอกสูบ ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ มัลติโฮล และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มอัตราส่วนการอัดอากาศในห้องเผาไหม้
2. SKYACTIV-D
เครื่องยนต์ดีเซลเผาไหม้สะอาดเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดที่สามารถผ่านข้อกำหนดไอเสียของโลกโดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งปฏิกิริยาที่มีราคาสูงเพื่อลดไอเสีย – ระบบ Selective catalytic reduction SCR กำจัดไอเสีย และระบบ Lean NOx Trap (LNT) – เป็นผลงานล้ำค่าที่ได้มาจากเครื่องยนต์นี้ที่มีอัตราส่วนการอัดอากาศต่ำที่สุดในโลกที่ 14.0:1
– เนื่องจากอัตราส่วนการอัดอากาศที่ต่ำเพียง 14.0:1 จึงส่งผลให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประหยัดขึ้นถึง 20%
– ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ 2 ขั้นตอนใหม่ที่ให้การตอบสนองที่ราบเรียบและแม่นยำในรอบความเร็วต่ำจนถึงสูง และยังเพิ่มแรงบิดให้สูงขึ้นทั้งในรอบเครื่องยนต์ต่ำถึงรอบสูง (ให้แรงบิดสูงสุดได้ที่ 5,200 รอบต่อนาที)
– ผ่านข้อกำหนดไอเสียของโลก ได้แก่ Euro6 ในยุโรป, Tier2Bin5 ในอเมริกาเหนือ และข้อกำหนดของประเทศญี่ปุ่น โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งปฏิกิริยาที่มีราคาสูงเพื่อลดไอเสีย
3. SKYACTIV-Drive
ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเจเนอเรชั่นใหม่ที่ส่งถ่ายแรงบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– ผสมผสานข้อดีของระบบเกียร์อัตโนมัติทั้ง 3 แบบเข้าด้วยกัน ทั้งแบบดั้งเดิม (Conventional AT Transmission) แบบแปรผันที่ต่อเนื่อง (CVT) และแบบคลัชท์คู่ (Dual Clutch)
– ปรับปรุงประสิทธิภาพของการส่งถ่ายแรงบิดโดยออกแบบให้การขบกันของเกียร์มีช่วงที่กว้างขึ้น และยังให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับที่ได้จากการขับขี่เกียร์ธรรมดา
– ปรับปรุงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ประหยัดขึ้นถึง 4-7% เมื่อเทียบกับระบบเกียร์อัตโนมัติที่มีอยู่ในปัจจุบัน
4. SKYACTIV-MT
ระบบเกียร์ธรรมดาเจเนอเรชั่นใหม่ที่มีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด ที่มาพร้อมความรู้สึกที่นุ่มนวลแม่นยำ เมื่อเปลี่ยนเกียร์ เฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกจากการขับรถสปอร์ต ถูกออกแบบให้ประสานการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพกับรถที่วางเครื่องยนต์หน้าและขับเคลื่อนล้อหน้า
– ช่วงชักของเกียร์สั้นและนุ่มนวล
– ลดขนาดและน้ำหนักลงได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างใหม่
– เนื่องจากขนาดที่กะทัดรัดและมีน้ำหนักเบา จึงทำให้การจัดวางเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
– ปรับปรุงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน อันเป็นผลมาจากการลดแรงเสียดทานของกลไกภายใน
5. SKYACTIV-ฺBody
โครงสร้างตัวถังเจเนอเรชั่นใหม่ ถูกพัฒนาให้ลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็นลง เป็นโครงสร้างที่คงความแข็งแกร่ง เสถียร และให้ความปลอดภัยสูงจากแรงปะทะ
– แข็งแกร่ง น้ำหนักเบา (น้ำหนักลดลง 8% เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น 30%)
– เป็นโครงสร้างที่มีความปลอดภัยสูง
– โครงสร้างรูปแบบใหม่ที่ชิ้นส่วนโครงสร้างถูกออกแบบให้ตรงและยาวที่สุดในแต่ละชิ้น และแนวคิดของโครงสร้างต่อเนื่องหรือ Continuous Framework ที่ทุกชิ้นส่วนถูกเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว
– โครงสร้างน้ำหนักเบาขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ของการเชื่อมชิ้นส่วน และเพิ่มการใช้เหล็กกล้าน้ำหนักเบา High Tensile Steel คุณภาพสูง
6. SKYACTIV-ฺBody
แชสซีส์เจเนอเรชั่นใหม่ ประสิทธิภาพสูง น้ำหนักเบาแต่ให้สมดุลย์ที่สมบูรณ์แบบของทั้งการควบคุมและการขับขี่ที่สบายปลอดภัย
– ช่วงล่างแบบอิสระที่พัฒนาขึ้นจากระบบสตรัท (หน้า) และมัลติลิงค์ (หลัง) ที่ให้ความแข็งแกร่งสูงและน้ำหนักเบา (น้ำหนักเบาขึ้น 14% เมื่อเทียบกับแชสซีส์ปัจจุบัน)
– ให้ความนุ่มนวลที่การขับขี่ความเร็วปานกลาง และให้เสถียรภาพที่ความเร็วสูง เพิ่มคุณภาพของความรู้สึกในห้องโดยสารในทุกความเร็ว ผ่านการทำงานที่ประสานกันอย่างสมบูรณ์ของระบบช่วงล่างและระบบควบคุมทิศทาง
Thunyaluk@caronline.net