ทดลองขับ โคโรลล่า อัลติส 2.0


ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะได้อ่านบทความนี้อยากให้ท่านได้ทราบว่าบทความนี้เป็นเพียงการเล่าถึงประสบการณ์ในการขับขี่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง

แม้จะไม่มากแต่จะเล่าให้ท่านเก็บไว้เป็นเพียงข้อมูลเล็กน้อยไม่ต้องถึงขนาดว่าจะเป็นตัวตัดสินในการซื้อรถหรือไม่
และผมคงไม่มีความสามารถเขียนอะไรแล้วกระตุ้นยอดขายได้หลังจากมีบทความลงไปสู่หน้าเว็บไซด์
และอย่าหวังอะไรมากสิ่งที่ทำนั้นเพราะมีความชอบอยู่เป็นส่วนตัวและได้รับโอกาสจากท่านผู้ใหญ่ที่ผมเคารพรักเป็นอย่างยิ่งได้มอบความไว้วางใจให้เข้าร่วมกิจกรรมของแวดวงยานยนต์แล้วมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังทั้งทางรายการวิทยุและเว็บไซด์แห่งนี้

ผมยินดีรับสำหรับความคิดเห็นต่างๆที่สุภาพชนพึงจะกระทำกันอย่างมีสติโดยไม่มีอคิตใดๆ

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านเราสามคนคือผม โจ้ เปรมศักดิ์ เพียรพานิชน์ อาลอง ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา และคุณโอ สารฑูล สักการเวช ได้เดินทางไปยังสนามทดสอบบริดสโตน อ.วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้เส้นทางวงแหวนตะวันออกวิ่งไปยังสนามก่อนถึงเราแวะไปกินข้าวกันก่อนที่ร้านข้าวแกงบ้านสวนบริเวณ ก.ม. 60 กว่าๆ

รสชาติใช้ได้ครับเสียแต่ว่าอาลองสั่งผัดขิงไปได้แต่ขิงกับพริกแล้วไก่มันหายไปไหนละครับท่าน ฮ่า

ขับไปอีกไม่นานเราได้มาถึงสนามจอดรถข้างนอกแล้วเดินเข้าไป

อ้อ ผมลืมบอกไปอันนี้เป็นสนามใหม่นะครับไม่ใช่สนามเดิมที่อยู่ในบริเวณโรงงานที่ริมถนนพหลโยธินเมื่อไปถึงก็ลงชื่อที่จะขับจัดลำดับกันแล้วเข้าไปนั่งฟังบรรยายข้อมูลของรถโดยเจ้าหน้าที่จากโตโยต้า ต่อมานายสนามอธิบายถึงสภาพของสนามรวมถึงประวัติของสนามแห่งนี้ซึ่งทำให้รู้ว่ามีการเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาใช้งบประมาณกว่าพันล้านบาท

ยังไม่มีการเกิดอุบัติเหตุภายในสนามแต่อย่างไร สนามมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากที่ญี่ปุ่นเท่านั้น


การจัดทดสอบนั้นมีการจัดโดนทีมงานของ ทีอาร์ดี แบ่งเป็นสถานีต่างๆ คือ

1. ทดสอบอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.

2. การควบคุมรถ handling

3. ความเร็วในโค้ง

4. ระบบ vsc

5. การใช้ Paddle Shift

ทางโตโยต้าได้จัดเตรียมรถไว้ 8 คัน โดยแต่ละคันจะมีผู้สื่อข่าว 2 คนนั่งคู่ไปกับ Instructor หรือผู้ฝึกสอนอีกคนไปนั่งด้านหลังรวม 3 คน แบ่งเป็นชุดละ 4 คัน


พร้อมรึยังครับเราไปกันเลยดีกว่ารถพร้อมแล้วโดยอาลองเป็นผู้ขับก่อน โดยมี Instructor นั่งคู่คนขับเพื่อที่จะคอยอธิบายวิธีการขับและจุดต่างๆภายในสนาม โดยที่ผมนั่งทางด้านหลังฝั่งซ้ายคอยสังเกตเส้นทางพร้อมจับอาการของรถไปในตัว

ผมคงจะพูดอะไรแทนไม่ได้ต้องให้อาลองมาเล่าเองดีกว่า

หลังจากนั้นมาถึงเวลาที่ผมจะเป็นผู้ขับบ้างละสลับตำแหน่งกันผมมาอยู่หลังพวงมาลัย ปรับที่นั่งแล้วคาดเข็มขัดเข้าเกียร์ เหยียบคันเร่งออกรถไปนั้น สิ่งแรกที่ผมรู้สึกคือเบาะที่นั่งมันรู้สึกกระชับ และรับกับแผ่นหลังของผม

ส่วนเบาะรองนั่งถือว่าทำได้ดีขึ้นแต่ก็ไม่ทราบว่าขับทางยาวแล้วจะเมื่อยหรือไม่ต้องลองกันอีกที


สถานีทดสอบอัตราเร่ง

โดยทางที่ทีมงานกำหนดให้จอดรถในจุดที่กำหนดไว้ เมื่อได้รับสัญญาณแล้วให้กดคันเร่งให้สุด เพื่อหาอัตราเร่ง
0-100 ก.ม./ช.ม.

ผลที่ได้นั้นประมาณ 12 วินาที

อัตราเร่งนั้นมีอาการเหมือนรอรอบแต่ไม่มากนักน่าจะเกิดจากการที่ใช้ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้ามากกว่า


สถานีทดสอบการควบคุม handling + การเข้าโค้ง

ออกจากสถานีแรกมาเข้าสู่สถานีต่อไปโดยสถานีนี้ให้ใช้ความเร็วประมาณ 60 วิ่งแบบสลาลมหลบไพล่อนจำนวน 8 ตัวที่วางไว้
ผมก็ขับไปพยายามรักษาความเร็วไว้ ในขณะนั้นก็ยังสามารถควบคุมรถได้ อันหมายถึงได้แสดงให้ถึงประสิทธิภาพของช่วงล่างและความแม่นยำของพวงมาลัยไฟฟ้า

เลยเกิดนึกสนุกขึ้นมาก็เพิ่มความเร็วขึ้นไปเล็กน้อย พร้อมดึงหรือจะเรียกว่ากระชากพวกมาลัยเลยก็ว่าได้ ทีนี้ระบบ VSC ก็ทำงานขึ้น

อ้าวแล้วผมรู้ได้อย่างไร

ก็มันมีเสียงเตือนดังขึ้นรถก็ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางยังสามารถบังคับควบคุมได้อย่างไม่มีปัญหา

พ้นจากไพล่อนตัวสุดท้ายเข้าสู่ช่วงโค้งท้ายสนามเข้าโค้งไปด้วยความเร็วประมาณ 100 กว่าๆเมื่อ
เข้าแล้วก็เติมคันเร่งรถก็ยังไม่อาการที่แสดงว่าจะอันเดอร์หรือโอเวอร์แต่อย่างใดรถยังคงนิ่งครับจะมีแต่คนนั่งข้างๆที่มีอาการเหวอแทน ฮ่าฮ่า

ความเร็วที่ทำได้จากโค้งนั้นทำได้ถึง 130 เลยทีเดียวครับ


ทดสอบ VSC

หลุดจากโค้งมาเล็กน้อยก็ผ่อนคันเร่ง พร้อมเหยียบเบรกเตรียมหยุด เมื่อเข้าช่วงทดสอบการทำงานของ VSC โดยให้เราใช้ความเร็วประมาณ 60 วิ่งเข้าในแทรคที่ลื่น มีการรดน้ำให้เปียกตลอดเวลา และป็นทางโค้งขับผ่านเข้าโดย
พยายามถือพวงมาลัยไว้

ต้องบอกท่านผู้อ่านครับไม่น่าเชื่อครับพื้นที่ค่อนข้างลื่นและเป็นโค้งนั้น วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 60 นั้นระบบ VSC ยังไม่ทำงานครับ ผมก็กดเข้าไปเป็น 70 ครับเสียงก็ดังขึ้นมาครับ
ไม่ใช่เสียง VSC ที่ดังติ้ด ๆๆๆๆ นะ แต่เป็นเสียงอาลองที่ดังมา
ช่างมันถ้ามันไม่ดังแสดงว่าการเซ็ตระบบช่วงล่างนั้นดีมากครับ


Paddle Shift

การทดสอบโดยใช้ Paddle Shift นั้นต้องเข้าเกียร์ไปที่ต่ำแห่นง S ก่อนถึงจะใช้ตัว +,- ที่พวงมาลัยได้
มือขวานั้นเป็น +เพื่อเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น ส่วนมือซ้ายนั้นเป็น – เพื่อเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำลงโดยให้ลองได้ใช้แต่ในช่วงทางตรงเท่านั้น ในโค้งนั้นไม่ได้ใช้มัวแต่คุมพวงมาลัยอยู่

พอออกจากโค้งมีช่วงทางตรงก็ได้ลองเหยียบทำความเร็วดูทำได้ถึง 150 ยังเหลืออีกแต่ทางหมดแล้วครับ


บทสรุปส่งท้ายช่วงล่างกับเบรกกับให้รู้สึกที่มั่นใจและจัดได้ว่าเยี่ยม น้ำหนักพวงมาลัยเบาไปหน่อย
กับอัตราเร่งนั้นน่าจะทำได้ดีกว่านี้แต่ไม่ถึงกับขี้เหล่ถ้ามีโอกาสไปลองดูครับ

ส่วนอื่นคงไม่นำมาพูดนะครับเพราะอยู่กับรถน้อยมากอีกอย่างแอร์เย็นดีครับ

—————————————————————-


เรื่อง เปรมศักดิ์ เพียรพานิชน์
ภาพ สารฑูล สักการเวช

Facebook Comments