หลังจากที่ตอนก่อนหน้านี้ผมทิ้งท้ายไว้ที่โรงแรมเพื่อรับประทานอาหารเที่ยงกัน มื้อแรกในเมืองตุนฮวง ประเทศจีนนั้นเรารับประทานอาหารกันภายในโรงแรมที่พัก ซึ่งอาหารที่มาเสิร์ฟนั้นพอรับประทานได้แม้จะไม่ถูกปากมากนัก แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั้นคือไข่เจียว ซึ่งถือเป็นอาหารง่ายๆในบ้านเรา แต่ทำให้อร่อยเหมือนบ้านเรานั้นยากมาก เมื่อรับประทานอาหารมื้อเที่ยงนั้นเสร็จแล้วก็ได้เดินสำรวจเมืองบริเวณรอบๆโรงแรม
ซึ่งรอบๆโรงแรมนั้นมีห้างอยู่แห่งเดียวก็ได้เดินสำรวจดูราคาสินค้านั้นบอกได้คำเดียวว่าไม่ได้ถูกเลยพวกสบู่ แชมพู ต่างๆนั้นราคาแพงกว่าบ้านเราเยอะ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ต พอคิดเป็นเงินไทยแล้วแพงกว่าบ้านเรานิดหน่อยแต่เมนูนั้นหลากหลายกว่าบ้านเราเยอะ หลังจากเดินสำรวจกันแล้วก็แวะกลับเข้าโรงแรมพักผ่อนกันเล็กน้อยก่อนที่จะเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกกัน นั้นคือทะเลทราย ตุนฮวน พร้อมๆกับ ไม้แรกที่ขับมาจากกรุงเทพฯ
เมื่อได้เวลาก็ขึ้นรถบัสไปยังทะเลทราย ตุนฮวน ซึ่งไม่ไกลจาก โรงแรมมากนัก เมื่อไปถึงก็ใช้เวลารอเพื่อนๆกลุ่มแรกที่ขับรถ ไฮลักซ์ รีโว่ มาจากกรุงเทพฯ เมื่อเจอกันแล้วได้พูดคุยถึงเส้นทางที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง เรียกว่ากลุ่มแรกนั้นเจอทุกสภาพอากาศ พายุฝน ลูกเห็บตก ดินถล่ม ถนนปิด ครบทุกรสชาติ
จากนั้นเราก็เข้าไปเยี่ยมชมทะเลทรายกัน เมืองตุนหวง เมืองแห่งโอเอซิส ตุนหวงเป็นเมืองยุทธศาสตร์บนเส้นทางสายไหม ที่นักเดินทาง ทุกคนต้องหยุดแวะเพื่อจัดเตรียมเสบียงให้พร้อมก่อนเดินทางผ่านทะเลทรายอันยาวไกล เมืองตุงหวงซึ่งเป็นเมืองที่มีความหมายว่า ความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในเส้นทางสายไหม
บริเวณที่เราเข้าไปเยี่ยมชมกันนั้น คือ เนินทรายหมิงซาซาน เทือกเขาทะเลทรายที่มีความยาวจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก 40 กิโลเมตร จากทิศเหนือไปทิศใต้ 20 กิโลเมตร ยอดเขามีความสูงประมาณ 100 เมตร ทรายมีสีสันต่างกัน 5 สี คือ สีแดง เหลือง เขียว ขาว ดำ ที่มาของภูเขาหมิงซาซาน แปลว่าภูเขาทรายร้องไห้ ตามตำนานเล่าว่าเคยมีกองทัพ 2 กองทัพกำลังสู้รบกันอยู่และในขณะนั้นได้เกิดพายุทรายพัดกระหน่ำ จึงทำให้ทั้ง 2 กองทัพถูกฝังทั้งเป็นภายใต้กองทราย ปัจจุบันภูเขาหมิงซาซานเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองตุนหวง
ส่วน สระน้ำวงพระจันทร์ นั้นเป็นบ่อน้ำผุดที่ไม่เคยเหือดแห้ง แม้จะอยู่กลางทะเลทรายหมิงซาซาน มีความลึกเฉลี่ยเพียง 5 เมตรเท่า ความกว้างของทะเลสาปจากทิศเหนือไปทิศใต้ประมาณ 100 เมตร และจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก 25 เมตร ลักษณะของบ่อน้ำแห่งนี้คล้ายกับเสี้ยวพระจันทร์ จึงเป็นที่มาของ “สระน้ำวงพระจันทร์“
หลังจากเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวกันเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าสู่โรงแรมที่พักก่อนที่จะรับประทานอาหารเย็นกันเพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่จะขับรถกันในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันที่สามของการเดินทางก่อนการเดินทางกันในวันนี้นั้นเราก็ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นมรดกโลก คือ ถ้ำโม่เกาคู หรือ เชียนฝอต้ง(แปลว่าถ้ำพระพุทธรูปพันองค์) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1987 และได้รับการยกย่องเป็นแหล่งพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน เป็นสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์บนหน้าผาของเขาหมิงซาซาน ได้แกะสลักหน้าผาทางซีกตะวันออกของภูเขา มีความยาวถึง 1,600 เมตร อยู่ท่ามกลางทะเลทรายโกบี ห่างจากตัวเมืองตุนหวง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 25 กิโลเมตร ผาหินถูกเจาะเป็นถ้ำจำนวนทั้งสิ้น 492 ถ้ำ ภายในเป็นที่บรรจุพุทธประติมากรรมและภาพเขียนพุทธประวัติต่างๆ ในอดีตกาลและส่วนใหญ่ของถ้ำแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ทุกตารางนิ้วของผนังถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดและรูปสลักทางศาสนา ถ้ำแห่งนี้มีภาพผนังกินเนื้อที่กว่า 45,000 ตารางเมตร นักโบราณคดีตะวันตกขนานนามภาพผนังแห่งนี้ว่า “ห้องสมุดบนผนัง” ถ้ำโม่เกาคู ดำเนินการก่อสร้างนานนับพันปี ตั้งแต่ราชวงศ์ฉินถึงราชวงศ์หยวน รวม 10 ราชวงศ์ โดยยุคทองอยู่ในช่วงกลางสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันโม่เกาคู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ห้ามพลาดในเส้นทางสายไหม เมื่อเยี่ยมชมเสร็จแล้วก็มุ่งหน้ากลับมายังโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารเที่ยวกัน
เวลากำลังดีเกือบๆบ่ายโมง ขบวน คาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ก็เคลื่อนตัว ออกจากเมือง ตุนฮวน มุ่งหน้า สู่เมือง ฮามี่ (Hami) ระยะทางวันนี้ประมาณ 420 กิโลเมตร เส้นทางที่ออกจากโรงแรมนั้น มีการซ่อมบำรุงถนน และขยายถนน กันอยู่ ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังและไม่สามารถทำความเร็วกันได้ ใช้เวลาพักใหญ่ๆกว่าจะพ้นเขตตัวเมืองออกมาได้
เมื่อพ้นเขตตัวเมืองกำลังเข้าสู่เขตทางด่วนระหว่างเมือง รถของทีมงานเกิดยางรั่วขึ้น เราจึงได้แวะพักกันก่อนถึงเวลาอันควร อย่างที่เคยบอกครับคาราวานของเรานั้นมีรถ เซอร์วิส ที่จะคอยดูเวลาแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ทีมงานเซอร์วิสนั้นใช้เวลาไม่เกิน ห้านาที ในการเปลี่ยนยางเรียกว่าเร็วมาก
เส้นทางด่วนที่ใช้นั้นต้องวิ่งผ่านทะเลทรายสิ่งที่เป็นปัญหานั้นคือ กระแสลมที่แรงมาก ถึงขนาดต้องประคองพวงมาลัยแบบต้องให้พวงมาลัยเอียงกันไปด้านนึงเลย และยิ่งเวลาขับผ่านรถพ่วงขนาดใหญ่นั้น ในช่วงที่ขับขนานกันนั้นตัวรถนั้นจะช่วยบังลมให้ แต่ตอนที่จะขับผ่านนี่ละครับจะเกิดกระแสลมดูดขึ้น ถึงขั้นทำให้ผมตกใจกันเลยทีเดียว
เราใช้เวลาในการขับกันพอสมควรแต่ได้รับแจ้งจากทางทีมงานว่าเราถึงกันไม่ค่ำแน่นอน จนผมเพิ่งจะมาถึงบางอ้อ ก็ตอนทีเข้าที่พักกันแล้วเพราะว่าพระอาทิตย์ที่นี่ตกช้ามากครับ กว่าจะมืดจริงๆนี่มีเกือบ สี่ทุ่มเลยครับ
เป็นอันจบการเดินในวันแรกแต่เป็นการเดินทางวันที่สามของผมแล้ว โปรดติดตามตอนต่อไป
premsak@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…
บริษัท มิตซูบิช…