ใบขับขี่แคนาดา


รวมแล้ว ขับเล่นแค่สามร้อยกว่ากิโลเมตร เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปพัทยาขาไปใช้มอเตอร์เวย์

ขากลับใช้ทางด่วนลอยฟ้า ที่ผมรู้สึกเลยว่า มีลมปะทะค่อนข้างแรง แต่รถมีอาการให้จับได้ว่าเซเพราะแรงลมเพียงสองครั้งแผ่วแผ่วเท่านั้นเอง การจัดการด้านอากาศพลศาสตร์ของ PPV คันนี้ ถือว่าใช้ได้ทีเดียวครับ

และอาจจะเป็นด้วยการจัดการกับอากาศรอบคันรถได้ดี เมื่อใช้ความเร็วสูงมากอย่างที่ผมใช้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่วัดได้แค่ 9.3 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้นอกเมือง 90% ในเมือง 10% จึงเป็นความพึงพอใจอย่างมากสำหรับผม

ผมกลับมาจากจอมเทียนกลางวันครับ มาแวะโรงโป๊ะ ไก่หุบบอน ซื้อไก่ต้มมาสองตัว

ไก่กรอบผัดเครื่องแกงอีกสามถุง แรกแรกชอบไก่ผัดกระเพรา แต่ตอนหลัง รู้สึกว่า ไก่กรอบผัดเครื่องแกงอร่อยกว่า

ก็ยกเลิกของเก่าหันมาหาของใหม่ไปตามเรื่อง

แต่อีกอย่างที่ยังคงต้องสั่ง เมื่อกินไก่หุบบอน ก็คือต้มยำเครื่องในไก่ เอามาเสียสองถุง

ระหว่างนั้นก็นึกขึ้นได้ ว่ายังไม่ได้ถ่ายรูปรถทั้งคันเลย

ก็ลงไปถ่ายสักหน่อย ไม่ได้ดูมุมดูแสงดูเงาอะไรหรอกครับ

เก็บไว้สำหรับลงหนังสือเท่านั้นเอง ไม่ต้องใช้เพื่อพารจดจำอะไรแล้ว เพราะจำได้อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้เอง

ก็เสร็จงานของผม ได้ข้อมูลสำหรับเขียนสักสองสัปดาห์แล้ว

ราคามิตซุบิชินี่ ผมไม่ทราบ ไม่ได้ถาม

เมื่อไม่ได้ทดสอบ ได้เพียงแค่ทดลอง จะให้ผมรายงานอะไรกันนักหนาเล่า

จริงไหมครับ ท่านผู้อ่าน ฮ่า ฮ่า

————————————————

ก่อนจะขับพาไปชมวิวสวย ๆ ของประเทศแคนาดามาดูกันว่ากว่าจะได้สิทธ์ในการขับรถของประเทศแคนาดาต่างกับบ้านเราแค่ไหน การได้สิทธิ์ในการขับนั้นคือการมีขับขี่ครับ เรามาดูขั้นตอนกันครับ

หลายคนคงนึกถึงเมื่อครั้งไปทำใบขับขี่ครั้งแรกในชีวิตกันนะครับ หลายคนครั้งเดียวผ่าน ทั้งสอบ ทั้งขับ หลายคนสอบไม่ผ่าน เป็นความหลังที่น่าจดจำครับ ผมจำได้ถึงวันที่เดินผ่านแดดที่ร้อนระอุหลังจากทำข้อสอบผ่านเพื่อสอบปฏิบัติที่สำนักงานขนส่งจตุจักษ์ครับ ครั้งนั้นได้คุณพ่อเป็นกำลังใจเพราะเชื่อว่าถ้าขับผ่านแกจะพาไปฉลองใบขับขี่ใบแรกในชีวิต ตกสองครั้งจาการสอบเข้าจอด และก็จุดเดิมนะครับ เขาให้เอาหน้าเข้าซึ่งง่ายที่สุดแล้ว แต่ก็ตกครับ ครั้งสุดท้ายก่อนจะผ่านคุณพ่อลงไปดูบอกว่า

“พ่อว่าเส้นเหลืองมันหลอกตานะ มันเอนออกน่ะลูก เอาล้อเบียดเข้าไปเลยแล้วกัน” คุณพ่อบอกผมอย่างให้กำลังใจ ผมคิดตามภาษาวัยรุ่น (ในช่วงนั้นน่ะครับ อย่างที่ผมกล่าวแล้วตอนต้นครับ ใบขับขี่ใบแรก) แต่คิดในใจว่า อืม ถ้าจะเหมือนเข้าค้อที่รถไหลขึ้นทั้งที่ดูเหมือนเป็นทางลง นี่คงเหมือนกันคงมาอะไรซักอย่างที่ทำให้รถเข้าไม่แนบเส้น ซึ่งจริง ๆ แล้วน่าจะคนละเรื่องเลย

ได้กำลังใจจากคุณพ่อปรากฏว่าก็เลยผ่านครับ ไปฉลองกันตามภาษาพ่อลูก คุณพ่อคงเข้าใจดีว่าใบขับขี่ใบแรกนั้นเป็นช่วงรอยต่อของชีวิตซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างก็ตามเข้ามาหลังจากการเชื่อมรอยต่อนั้น ๆ ครับ ผมไม่เคยลืมภาพรอยยิ้มและอารมณ์ดีใจของพ่อเมื่อทราบว่าผมผ่านและกำลังจะได้ใบขับขี่ใบแรกของชีวิต เหมือนกับเป็นสิ่งแรก ๆ ในชีวิตผมที่ผมทำให้พ่อภูมิใจ

ผมมานั่งย้อนคิดอย่างถ้วนถี่ดูแล้วดูแกดีใจกว่าผมที่ได้ใบขับขี่เองครั้งนั้นน่าจะเป็นเพราะแกเบื่อที่จะต้องแต่งตัวออกจากบ้าน ไปคุยกับตำรวจเพราะผมชอบแอบขโขยรถออกไปขับโดยไม่มีใบขับขี่ ก็ออกจะหลายครั้งอยู่เพราะแกสอนผมขับรถครั้งแรกตอนผมอายุ 12 ปี ซึ่งแกคงคิดว่านั้นเป็นสิ่งที่แกตัดสินใจผิดอย่างเดียวในชีวิต แต่รถยนต์กับกับทักษะการขับขี่ที่ผมได้มาจากคุณพ่อก็เป็นสิ่งคู่กันมาจนกระทั่งผมไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาและปัจจุบันทำงานที่ประเทศแคนาดาครับ

ประเทศแคนาดาเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศสลับซับซ้อน โดยเฉพาะทางตะวันตกของประเทศซึ่งมีเทือกเขาร๊อกกี้พาดผ่าน รัฐหรือจังหวัดที่อยู่ในแนวเทือกเขานี้ก็คือบริติส โคลัมเบีย ในฤดูหนาวอากาสจะหนาวจัด บางแถบของภูมิภาคผู้ใช้รถต้องทำความร้อนเครื่องไว้โดยใช้ไฟบ้านเพื่อสามารถจะติดเครื่องตอนเช้าไปทำงานได้


มีเรื่องเล่าอีกเยอะแยะมากมายสามารถการเอาตัวรอดเมื่อคราวติดอยู่บนหิมะ แต่ครั้งนี้เรามาเริ่มที่ใบขับขี่กันก่อนครับ

สำหรับใบขับที่แคนาดานั้นแบ่งเป็นหลายประเภทครับ หลัก ๆ แล้วก็จะมีอยู่ 9 ประเภท


รถบรรทุกต่อพ่วงหรือภาษาอังกฤษว่า semi อ่านว่าเซ-มาย หาเป็นภาษาไทยแล้วถ้าอ่านกลับกันน่าจะฟังดูปลอดภัยกว่า รถประเภทนี้เขาเวลาเข้าโค้งแล้วต้องเซครับ ถ้าเข้าเบา ๆ คนในรถก็เซครับ ถ้าหนักหน่อยก็ทั้งคนทั้งรถ แต่คนขับเพิ่งจะรู้ว่ามีโค้ง นี่ก็กวาดไฮเวย์ออกบ่อยครับ รถประเภทนี้จะสังเกตุได้นะครับว่าจะมีห้องนอนอยู่กับตัวหัวรถเลย ใหญ่เป็นห้องทีเดียวครับ เวลาเหนื่อยล้าก็สามารถเข้าจอดตามที่ที่จัดไว้ให้ได้ เพื่อความปลอดภัยครับ
ใบขับขี่ที่ออกให้ผู้ขับรถประเภทนี้จึงแตกต่างกับประเภทอื่นพอสมควรครับ


รถโดยสารขนาดใหญ่ ผมจะหาเวลามาคุยเรื่องรถประเภทนี้ในโอกาสถัดไปนะครับ น่าสนใจมากครับสำหรับขนส่งมวลชนของประเทศแคนาดาโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถโดยสารประจำทาง


รถบรรทุกสองเพลาขึ้นไป แต่น้ำหนักลากจูงไม่เกิน 4600 กิโลกรัม


รถโดยสารชนาดเล็กบรรทุกไม่เกิน 25 คนครับเช่นรถโรงเรียน รถลีมูซีน รถพยาบาลและที่คล้ายเคียง


รถแท็กซี่ ผู้โดยสารไม่เกิน 10 คนและรถพยาบาลครับ


รถนั่งส่วนบุคคล รถนั่งทั่วไปครับ


รถจักรยานยนและ mpv


รถลากจูงที่ไม่เกิน 4600 กิโลกรัม


รถลากจูงบ้านเคลื่อนที่ซึ่งไม่เกิน 4600 กิโลกรัม


ทั้งนี้ การที่จะใช้รถที่ใช้เบรกลม ต้องทำการขออนุญาตเพิ่มเติมครับ


การเป็นนักขับขี่ที่ดีได้นอกเหนือจากทักษะแล้ว ก็หนีไม่พ้นประสบการณ์ครับ แคนาดาให้ความสำคัญกับคำว่าประสบการณ์สูงมาก คำว่าแค่ขับได้ ดังนั้นจึงใช้เวลาพอสมควรครับกว่าจะได้ใบขับขี่แบบทั่วไป
ก่อนจะได้ใบขับขี่ทั่วไป จะมีการออกป้ายมือใหม่ให้แบบสองระดับครับ คือระดับ แอล กับ เอ็น ป้ายนี้จะต้องถูกติดอยู่หลังรถเสมอครับ นอกจากจะเป็นการแสดงให้ผู้ร่วมทางทราบแล้ว ป้ายดังกล่าวจะเป็นการจำกัดสิทธิ์ของผู้ขับมือใหม่เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ผมจะกล่าวให้ฟังต่อไปครับ สำหรับสิทธิ์ที่ถูกจำกัดไว้ น่าสนใจและน่าเอาแบบอย่างทีเดียวครับ

สำหรับขั้นตอนการขอใบขับขี่นั้นจะใช้เวลาประมาณสามปี โดยสมัครได้ต้องแต่อายุสิบหกปีขึ้นไป เรียน RoadSense for Drivers และสอบเพื่อได้สิทธิ์ขับกับป้าย L ครับ


ผู้ขับมือใหม่จะต้องมีผู้นั่งควบคุมซึ่งอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีและมีใบขับขื่ปกตินั่งอยู่ด้านหน้าไปด้วย ทั้งนั้นผู้ขับขี่มือใหม่จะไม่อนุญาติให้มีผู้โดยสารอื่นได้เพียงแค่หนึ่งคนนอกเหนือจากผู้ควบคุมที่นั่งอยู่ข้างหน้า

ผู้ขับขี่มือใหม่ห้ามขับรถหลังจากเที่ยงคืนถึงตีห้าและห้ามมีแอลกอฮอล์แม้แต่นิดเดียว

ใช้เวลาหนึ่งปีครับสำหรับป้ายนี้ เพื่อเปลี่ยนไปเป็นป้าย เอ็น ซึ่งจะใช้เวลาประมาณสองปี จึงจะได้ใบขับขี่ทั่วไปซึ่งไม่มีข้อจำกัดต่าง ๆ

จะเห็นว่าการขับรถมาคู่กับประสบการณ์ครับ บ้านมาถูกทางในการให้ใบขับขี่ชั่วคราวก่อนจะออกใบขับขี่ตลอดชีพซึ่งปัจจุบันนี้ไม่มีมีแล้ว แต่การตรวจสอบและประเมิณผลของเรายังถือว่าอยู่ในระดับต่ำครับ

ผมได้ใบขับขี่แคนคาดาเนื่องจากใช้ชีวิตของที่อเมริกาหลายปีและมีใบขับขี่ของรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งทางแคนาดารับรองและสามารถนำมามาแลกได้ทันที เช่นเดียวกับเยอรมัน สวิสเซอแลนด์ ออสเตรีย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น

เมื่อได้ใบขับขี่มาแล้วก็รักษากันดี ๆ ครับ นอกจากจะทำยาก วุ่นวายแล้ว การโดนยึดก็ง่ายแสนง่ายครับ คือถ้าขับแบบอยู่เมืองไทย อย่างวิ่งเท่าไหร่ก็วิ่ง ตำรวจที่นี่มีอยู่ทุกจุด ไม่ใช่ตามไฟเขียวไฟแดงนะครับ แต่เขากระจายคนอย่างเป็นระบบครับ

กฎหมายใหม่เพิ่งออกมาสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนป้ายความเร็วที่กำหนดไว้ นอกเหนือจากจ่ายค่าปรับแพงแสนแพงแล้วจะมีค่าปรับพิเศษเพิ่มเข้าไปดังนี้ครับ

Facebook Comments