ค่ายโตโยต้า ประกาศเมื่อเดือนก่อน ว่า ข้อตกลงการส่งมอบแบตเตอรี่ กับ เทสล่า มอเตอร์ เพื่อนำมาประกอบในรถไฟฟ้า โตโยต้า รัฟ4 ซึ่งจะหมดอายุในสิ้นปีนี้ จะไม่มีการต่ออายุอีกโดย โตโยต้า จะหันมาพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต ที่ยานยนต์ใช้พลังงานจากไฮโดรเจน เป็นเชื้อเพลิง แทนการผลิตรถไฟฟ้าต่อไป
โตโยต้า ลงทุนซื้อหุ้น 3% ในเทสล่า มูลค่า 1,500 ล้านบาท เมื่อปี 2553 และเซ็นสัญญาในการพัฒนาแบตเตอรี่ร่วมกัน โดย เทสล่า มอเตอร์ จะต้องส่งมอบแบตเตอรี่ 2,500 ชุด เพื่อการประกอบในรถยนต์ รัฟ4 ในปี 2554 มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยทั้งสองฝ่าย ต่างเชื่อว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นให้สามารถร่วมมือกัน ในการพัฒนาเรื่องอื่นต่อไปในอนาคต
แต่ยอดการจำหน่ายรถไฟฟ้า ซึ่งประกอบในแคนาดา ไปได้ไม่สวย แม้ว่า โตโยต้า จะใช้การกระตุ้นทางด้านการเงิน ทั้งการเช่าระยะยาว ในราคาถูก หรือสินเชื่อระยะยาว ที่ โตโยต้า พยายามโปรโมทหลากหลายวิธีการ ลูกค้าก็ไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร ในขณะที่ โตโยต้า เอง ก็หันไปให้ความสนใจในเทคโนโลยี ฟูอัล เซลล์ ที่เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สร้างมลภาวะเช่นกัน นอกเหนือจากรถไฟฟ้า อีกทั้ง โตโยต้า ยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด ที่ผลิตรถไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน-ไฟฟ้า
โตโยต้า ให้เหตุผลในประกาศหยุดข้อตกลงนี้ว่า ได้มีการพิจารณาข้อมูลปัจจุบัน และประเมินแนวทางในการดำเนินการ ในสถานการณ์ปัจจุบัน และตกลงใจที่จะหยุดข้อตกลงนี้ ทันทีที่หมดอายุในปลายปี โดย โตโยต้า จะมุ่งความสนใจไปยังรถยนต์ซีดาน ที่ใช้พลังงานจากไฮโดรเจน ซึ่งมีแผนจะแนะนำที่ แคลิฟอร์เนีย ในปีหน้า รวมทั้งพัฒนาสถานีบริการไฮโดรเจน เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีดังกล่าว เช่นกัน
เทสล่า รับทราบข้อตกลงที่ว่า และกล่าวว่า โตโยต้า จะยังคงถือหุ้นใน เทสล่า ต่อไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นอีก
ความสัมพันธ์ของทั้งสองค่าย เกิดจากการที่ เทสล่า ตัดสินใจซื้อโรงงานโตโยต้า ใน เฟรมอนต์, แคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2553 เพราะ โตโยต้า จะปิดโรงงานแห่งนี้ หลังจากที่ โตโยต้า ร่วมหุ้นกับ เจเนอรัล มอเตอร์ สร้างโรงงานแห่งนี้ แต่ จีเอ็ม ประสบปัญหาทางการเงิน ในช่วงปี 2552 ทำให้โตโยต้า ตัดสินใจปิดโรงงานในปีต่อมา ก่อนจะลงทุนร่วมกับ เทสล่า เพื่อส่งมอบแบตเตอรี่ เพื่อการประกอบ รัฟ4
อีซูซุส่งเครื่อ…