รายงานข่าวจากกรุงโตเกียว ระบุว่า โตโยต้า มอเตอร์ Toyota Motor ประกาศเปิดตัว โคโรลล่า ครอส Corolla Cross รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา
รถรุ่น โคโรลล่า สร้างชื่อให้กับค่ายโตโยต้า ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และสามารถจำหน่ายได้จนถึงเดือนกรกฎาคม 2564 ถึง 50 ล้านคัน ในหลายๆ รูปทรงของรถทั้ง ซีดาน, แวกอน และแฮทช์แบ็ค
สำหรับ โคโรลล่า ครอส เปิดตัวในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ และ โตโยต้า พัฒนาสำหรับตลาดญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็พท์ พลัส อัลฟ่า plus alpha ในรูปแบบของ รถเอสยูวี ที่พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง และตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคสมัยใหม่ ได้อย่างดี รวมทั้งสมรรถนะอันทรงพลัง และความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในปริมาณที่เหมาะสม
โคโรลล่า ครอส รุ่นใหม่นี้ พัฒนาบนโครงสร้าง จีเอ-ซี แพลทฟอร์ม GA-C platform ด้วยวัสดุขนาดเบา แรงดึงสูง ช่วยเพิ่มความมั่นคงแข็งแรงของตัวรถ แม้ว่าจะมีลักษณะค่อนข้างสูงก็ตาม มาพร้อมระบบซับเสียง ช่วยลดเสียงทั้งจากเครื่องยนต์ และเสียงยางบดพื้นถนน
ช่วงล่างหน้า แม็คเฟอร์สัน สตรัท โดยในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ พัฒนาคานเหล็กทอร์ชั่น บีม ใหม่ ช่วงล่างหลัง มาพร้อมบูชยางขนาดใหญ่ ช่วยให้ขับขี่ได้ด้วยความมั่นคง แม้ในถนนไม่ราบเรียบ ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วงล่างหลังเป็น ดับเบิ้ลวิชโบน โดยมีรัศมีวงเลี้ยงแคบเพียง 5.2 ม.
โคโรลล่า ครอส มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร และระบบไฮบริด พร้อมระบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ อี-โฟร์ อีเล็คตริค E-Four electric 4WD ที่ช่วยให้การขับรถในเมืองหนาว ที่มีหิมะ หรือถนนลื่น เป็นไปอย่างสะดวกสบาย
โคโรลล่า ครอส มาในแบบ 5 ที่นั่ง แต่ได้เนื้อที่บรรทุกสัมภาระถึง 487 ลิตร และสามารถพับเบาะหลัง เพื่อเพิ่มเนื้อที่ได้โดยสะดวก รวมทั้งประตูด้านหลัง เมื่อเปิดสุดแล้ว สูงกว่าพื้นถึง 720 มม. ช่วยเพิ่มความสะดวกในการบรรทุกสัมภาระ มาพร้อมระบบแฮนด์ฟรี เพียงถือกุญแจไว้ในมือ และกวาดเท้าไปใต้กันชนหลังเท่านั้น ก็สามารถเปิด-ปิด ได้อย่างสะดวก
โคโรลล่า ครอส ทุกรุ่น มาพร้อมระบบเซฟตี้ เซนส์ Safety Sense ช่วยเหลือผู้ขับขี่ มาพร้อมระบบสนับสนุนเบรกในการจอด และจอภาพด้านหลัง เป็นมาตรฐาน ช่วยให้ขับขี่ในที่แคบหรือที่จอดรถได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งระบบป้องกันการเร่งกระทันหัน โดยไม่ตั้งใจ
ในรถรุ่นไฮบริด โคโรลล่า ครอส มาพร้อมช่องต่อไฟภายนอก เอซี 100 โวลต์/1,500 วัตต์ ในโหมด อีเมอร์เจนซี่ พาวเวอร์ ซัพพลาย Emergency Power Supply Mode สามารถนำพลังงานไฟฟ้าจากภายในรถออกมาใช้งานภายนอกได้
ราคาจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นคันละ 1,999,000 เยน ราว 579,000 บาท จนถึง 3,199,000 เยน ราว 927,000 บาท