โตโยต้า ทำกำไร 18 พันล้านเหรียญ
โตโยต้า ประกาศผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2557 ซึ่งสิ้นสุดรอบทางบัญชีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 สามารถสร้างความเจริญเติบโต 6% คิดเป็นเม็ดเงิน 227 พันล้านเหรียญ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 23 พันล้านเหรียญ หรือ 20% และมีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 18.1 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 19% เป็นผลมาจากการสามารถลดทอนค่าใช้จ่ายได้ตามนโยบาย รวมทั้งค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลง แม้ว่าจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อพัฒนาสายการผลิต และโครงสร้างตัวรถ เพื่อคงความเป็นผู้นำในตลาด
ประธานบริษัท อะกิโอะ โตโยดะ กล่าวว่า โตโยต้า สามารถทำกำไรได้ในทุกภูมิภาค ขณะที่ยอดการจำหน่ายลดลงเล็กน้อยเหลือเพียงเกือบ 9 ล้านคัน ลดจากปีก่อน 144,149 คัน จำนวน 8,971,864 คัน โดย อเมริกาเหนือ เป็นภูมิภาคที่จำหน่ายได้มากที่สุด 2,715,173 คัน มูลค่าค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน 4.5 พันล้านเหรียญ ในยุโรปขายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน 859,038 คัน ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นเอง ที่แม้ว่าจะเป็นตลาดที่โตโยต้า ครองตำแหน่งผู้นำอยู่ ก็ยังขายลดลงราว 200,000 คัน เหลือเพียง 2,153,694 คัน แต่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานพุ่งสูงขึ้นสองเท่า 13.1 พันล้านเหรียญ
โตโยต้า สามารถทำยอดการขายในตลาดเอเซีย ได้ 1,488,922 คัน และประมาณการผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2558-2559 ว่าจะสามารถทำยอดขายรถยนต์ได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 8.9 ล้านคัน และจะสามารถทำกำไรได้เล็กน้อย โดยการประกาศผลการดำเนินงานนี้ ยึดถือหลักการทางบัญชีของสหรัฐเมริกา
ในประเทศญี่ปุ่น โตโยต้า ประกาศจ่ายเงินปันผลนอัตรา 125 เยน ต่อหุ้น
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวการตกลงเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยี ระหว่าง โตโยต้า และ มาสด้า หลังจากเคยประกาศความร่วมมือมาก่อนหน้านี้ โดยหนังสือพิมพ์ นิกเกอิ ในประเทศญี่ปุ่น ใช้คำพูดว่า “intend to reach an accord on principle soom” โดย มาสด้า ประเมินว่าจะสามารถผลิตออกจำหน่ายได้ในปี 2563 ด้วยโลโก้ มาสด้า อันจะทำให้ได้รับเทคโนโลยีรถไฮบริด เพื่อนำมาผลิตในรถรุ่นอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ขณะที่ โตโยต้า เอง ก็จะได้รับเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ผลงานรางวัลเครื่องยนต์ระดับโลก เป็นการแลกเปลี่ยน ที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องยนต์ได้เพิ่มขึ้น
โตโยต้า และ มาสด้า ได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนารถ ไซค่อน ไอเอ ของโตโยต้า และ มาสด้า2 กันมาก่อนหน้านี้แล้ว
ข่าวความร่วมมือกันหนนี้ ผู้บริหารของทั้งสองค่ายปฏิเสธที่จะแถลงอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า ผู้บริหารระดับสูง จะแถลงให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ในโอกาสต่อไป