Categories: ข่าว

โตโยต้า คาดตลาดรถยนต์ในประเทศ ปี 2555 ขายมากกว่า 1 ล้านคัน มั่นใจ ลงทุนเพิ่ม เปิดโรงงานอีก 2 แห่งในไทย


ข่าวแวดวงรถยนต์ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2555 มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ประจำปี 2554 มีปริมาณการขาย 794,081 คัน ลดลง 0.8% คาดตลาดรถยนต์ไทยปี 2555 ขาย 1,100,000 คัน เพิ่มขึ้น 38.5% พร้อมตั้งเป้าหมายการขายรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น 450,000 คัน เพิ่มขึ้น 55.1% ครองส่วนแบ่งตลาด 40.9%

มร.ทานาดะ กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีแห่งการฟันฝ่าอุปสรรคจากภัยธรรมชาติ นับตั้งแต่เหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น และเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ในประเทศ แต่อย่างไรก็ตามด้วยความต้องการของตลาดที่มีอย่างสูงและต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายรถยนต์รวม ในประเทศปี 2554 ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขายที่ประมาณ 794,081 คัน ลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

สถิติการขายรถยนต์ ในปี 2554

ยอดขายปี 2554 เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับ ปี 2553

ปริมาณการขายรวม 794,081 คัน* -0.8%

รถยนต์ นั่ง 360,444 คัน + 4.0%

รถเพื่อการพาณิชย์ 433,637 คัน -4.4%

รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 365,636 คัน -5.7%

รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 327,463 คัน -5.7%

หมายเหตุ *ไม่รวมยอดจำหน่ายของ Mercedes-Benz, BMW, MINI, VOLVO ในเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2554

โดยโตโยต้ามียอดขาย 290,061 คัน ลดลง 11.0% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 138,104 คัน ลดลง 2.6% รถเพื่อการพาณิชย์ 151,957 คัน ลดลง 17.5% และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 134,970 คัน ลดลง 18.1%

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2554

ปริมาณการขายโตโยต้า 290,061 คัน ลดลง 11.0% ส่วนแบ่งตลาด 36.5%

รถยนต์นั่ง 138,104 คัน ลดลง 2.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.3%

รถเพื่อการพาณิชย์ 151,957 คัน ลดลง 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%

รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 134,970 คัน ลดลง 18.1% ส่วนแบ่งตลาด 36.9%

รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 121,887 คัน ลดลง 15.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.2%

ด้านการส่งออกในปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 250,823 คัน ลดลง 25% คิดเป็นมูลค่า 107,483 ล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 54,233 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยเป็นเงินทั้งสิ้น 161,716 ล้านบาท สำหรับยอดขายในประเทศและการส่งออกที่ลดลงนั้น เป็นผลมาจากการขาดแคลนชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์”

สำหรับแนวโน้มของตลาดรถยนต์ของปี 2555 มร.ทานาดะ กล่าวว่า “สำหรับในปี 2555 ตลาดรถยนต์ในเมืองไทยยังคงมีความต้องการอยู่อย่างมาก และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องจากค่ายรถยนต์ต่างๆ ด้วยการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ตลอดจนนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้เราคาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์ในเมืองไทย จะมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.1 ล้าน คัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยจะมียอดขายรถยนต์เกิน 1 ล้านคันต่อปี

ประมาณการยอดขายรถยนต์ ในปี 2555

ปริมาณการขายรวม 1,100,000 คัน เพิ่มขึ้น 38.5%

รถยนต์นั่ง 570,000 คัน เพิ่มขึ้น 58.1%

รถเพื่อการพาณิชย์ 530,000 คัน เพิ่มขึ้น 22.2%

รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 469,600 คัน เพิ่มขึ้น 28.4%

รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 422,600 คัน เพิ่มขึ้น 29.1%

สำหรับโตโยต้า ในปีนี้ เราตั้งเป้าหมายการขายที่ 450,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 214,000 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 236,000 คัน โดยรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 214,100 คัน

ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2555

ปริมาณการขายรวม 450,000 คัน เพิ่มขึ้น 55.1% ส่วนแบ่งตลาด 40.9%

รถยนต์นั่ง 214,000 คัน เพิ่มขึ้น 55.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%

รถเพื่อการพาณิชย์ 236,000 คัน เพิ่มขึ้น 55.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%

รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 214,100 คัน เพิ่มขึ้น 58.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.6%

รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 185,100 คัน เพิ่มขึ้น 51.9% ส่วนแบ่งตลาด 43.8%

สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้อยู่ที่ 375,000 คัน เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 157,000 ล้านบาท และชิ้นส่วนมูลค่า 64,700 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้นประมาณ 221,700 ล้านบาท”

มร.ทานาดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ในปีที่ผ่านมา คุณอากิโอะ โตโยดะ ท่านประธานบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เดินทางมาประเทศไทยและได้กล่าวไว้ว่า เราจะไม่ทิ้งประเทศไทย เราจะอยู่เคียงคู่กับชุมชน พร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขและฟันผ่าไปด้วยกัน ทั้งยังมุ่งขยายกิจการของโตโยต้าในประเทศไทยต่อไป ด้วยความเชื่อมั่นในด้านความพร้อมและฝีมือของคนไทย

ดังนั้นผมขอยืนยันเจตนารมณ์ดังกล่าว โดยขอแจ้งให้ท่านทราบว่าโตโยต้าจะก่อตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่เพิ่มขึ้นอีก หนึ่งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเกตุเวย์ ในชื่อ “โรงงานผลิตรถยนต์เกตุเวย์ 2” พร้อมกับการเริ่มเปิดสายการผลิตอีกครั้งของโรงงาน TAW ที่เคยผลิตรถฟอร์จูนเนอร์ โดยทั้งสองโรงงานมีกำลังการผลิตรวมกันอยู่ที่ 88,000 คัน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 8,200 ล้านบาท นอกจากนี้โรงงาน STM โรงงานผลิตเครื่องยนต์ของโตโยต้าได้ทำการขยายกำลังการผลิตเช่นกัน ทั้งหมดนี้เพื่อตอบ สนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น”

“นอกจากนี้ในเดือนตุลาคมปีนี้ โตโยต้าจะครบรอบ 50 ปีสำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยด้วยความห่วงใยและอยู่เคียงข้างกันมาโดย ตลอด เราขอแสดงความขอบคุณคนไทย และประเทศไทยที่สนับสนุน โตโยต้าเป็นอย่างดีผ่านโครงการต่างๆ ทั้งในด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการนำนวัตกรรมใหม่ๆสู่สังคมไทย เช่น โครงการ Smiling Road, Road Safety Road Show, Eco network, ระบบ G-book นวัตกรรมอันทันสมัยระดับโลกที่ใช้เทคโนโลยี เทเลเมทิกส์ในการสื่อสารและรับส่งข้อมูลต่างๆ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต การค้นหาสถานที่ต่างๆ หรือสภาพการจราจร โดยสามารถควบคุมได้อย่างสะดวกสบายผ่านสมาร์ทโฟน และ Eco โชว์รูม ที่นำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้กับโชว์รูมโตโยต้า เพื่อลดการใช้พลังงาน ดังปณิธานในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของโตโยต้า “ร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป” มร.ทานาดะ กล่าวในที่สุด


ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนธันวาคม 2554

1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 54,575 คัน ลดลง 41.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 14,796 คัน ลดลง 60.2% ส่วนแบ่งตลาด 27.1%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 8,241 คัน ลดลง 52.7% ส่วนแบ่งตลาด 15.1%

อันดับที่ 3 นิสสัน 7,419 คัน เพิ่มขึ้น 21.2% ส่วนแบ่งตลาด 13.6%

2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 25,826 คัน ลดลง 33.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,939 คัน ลดลง 56.2% ส่วนแบ่งตลาด 26.9%

อันดับที่ 2 นิสสัน 6,244 คัน เพิ่มขึ้น 105.0% ส่วนแบ่งตลาด 24.2%

อันดับที่ 3 มาสด้า 4,755 คัน เพิ่มขึ้น 58.9% ส่วนแบ่งตลาด 18.4%

3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 21,083 คัน ลดลง 54.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 7,507 คัน ลดลง 53.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.6%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 6,135 คัน ลดลง 68.1% ส่วนแบ่งตลาด 29.1%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,854คัน เพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนแบ่งตลาด 23.0%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 2,260 คัน

โตโยต้า 1,092 คัน – มิตซูบิชิ 1,022 คัน – อีซูซุ 83 คัน – ฟอร์ด 63 คัน

4.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 6,924 คัน ลดลง 80.2%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 7,424 คัน ลดลง 50.1% ส่วนแบ่งตลาด 39.4%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 5,043 คัน ลดลง 70.3% ส่วนแบ่งตลาด 26.8%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,832คัน เพิ่มขึ้น 15.7% ส่วนแบ่งตลาด 20.4%

5.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 28,749 คัน ลดลง 46.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 8,241 คัน ลดลง 52.7% ส่วนแบ่งตลาด 28.7%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,857 คัน ลดลง 63.1% ส่วนแบ่งตลาด 27.3%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,854 คัน เพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนแบ่งตลาด 16.9%

p สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2554

1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 794,081 คัน ลดลง 0.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 290,061 คัน ลดลง 11.0% ส่วนแบ่งตลาด 36.5%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 132,194 คัน ลดลง 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 16.6%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า 83,952 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 10.6%

2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 360,444 คัน เพิ่มขึ้น 4.0%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 138,104 คัน ลดลง 2.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.3%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า 77,933 คัน ลดลง 25.4% ส่วนแบ่งตลาด 21.6%

อันดับที่ 3 นิสสัน 47,830 คัน เพิ่มขึ้น 59.1% ส่วนแบ่งตลาด 13.3%

3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 365,636 คัน ลดลง 5.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 134,970 คัน ลดลง 18.1% ส่วนแบ่งตลาด 36.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 120,392 คัน ลดลง 15.1% ส่วนแบ่งตลาด 32.9%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 58,160 คัน เพิ่มขึ้น 86.3% ส่วนแบ่งตลาด 15.9%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 38,173 คัน

มิตซูบิชิ 17,547 คัน – โตโยต้า 13,083 คัน – อีซูซุ 6,553 คัน – ฟอร์ด 990 คัน

4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 327,463 คัน ลดลง 5.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 121,887 คัน ลดลง 15.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.2%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 113,839 คัน ลดลง 14.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.8%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 40,613 คัน เพิ่มขึ้น 99.6% ส่วนแบ่งตลาด 12.4%

5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 433,637 คัน ลดลง 4.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 151,957 คัน ลดลง 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 132,194 คัน ลดลง 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 30.5%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 58,161 คัน เพิ่มขึ้น 86.3% ส่วนแบ่งตลาด 13.4%

thunyaluk@caronline.net

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts