มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2565 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2565 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565
มร.ยามาชิตะ กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรก ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศที่อยู่ในภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลน เซมิคอนดัคเตอร์ ที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลโดยตรงต่อยอดการผลิตและต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวสูงขึ้นเพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและการส่งออก รวมทั้งแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังปรับตัวสูงขึ้นและทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เป็นปัจจัยที่มีส่วนทำให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ล้วนส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม
อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยบวกจากการที่ภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์และการดำเนินมาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมถึงสัดส่วนของการฉีดวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตและดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เกือบเป็นปกติ ล้วนเป็นส่วนช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนมายังตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์จากงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ที่ผ่านมา ตลอดจนแรงกระตุ้นจูงใจผู้บริโภคด้วยแคมเปญการขายเชิงรุกของบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย ล้วนมีส่วนผลักดันตลาดรถยนต์โดยรวมให้ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 427,303 คัน เพิ่มขึ้น 14.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว”
สถิติการขายรถยนต์ในประเทศ ม.ค. – มิ.ย. 2565 | ยอดขายปี 2565 | เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564 |
ปริมาณการขายรวม | 427,303 คัน | +14.5 % |
รถยนต์นั่ง | 135,900 คัน | +12.9 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 291,403 คัน | +15.3 % |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 227,842 คัน | +15.7 % |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 198,256 คัน | +17.3 % |
“สำหรับผลการดำเนินงานของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 มียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 21.2% หรือ คิดเป็นจำนวน 142,032 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 33.2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เราสามารถกลับมาดำเนินการผลิตและส่งมอบรถให้ลูกค้าได้มากขึ้นภายหลังจากที่ได้มีมาตรการผ่อนคลายการล็อคดาวน์ ตลอดจนความต้องการรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของลูกค้ามีเพิ่มมากขึ้น และความสำเร็จจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อช่วงต้นปีในรุ่น Toyota Veloz ที่มียอดขายเฉลี่ยกว่า 1,000 คันต่อเดือน ทำให้โตโยต้าสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ได้ทั้ง ตลาดรถอีโคคาร์ และ ตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลาง”
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ม.ค. – มิ.ย. 2565 | ยอดขายปี 2565 | เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564 | ส่วนแบ่งตลาด |
ปริมาณการขายรวม | 142,032 คัน | +21.2 % | 33.2 % |
รถยนต์นั่ง | 38,894 คัน | +30.9 % | 28.6 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 103,138 คัน | +17.9 % | 35.4 % |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 89,232 คัน | +20.4 % | 39.2 % |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 75,766 คัน | +22.5 % | 38.2 % |
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2565 มร.ยามาชิตะคาดการณ์ว่า “จากมาตรการผ่อนคลายและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้น และจะส่งผลบวกต่อทิศทางของตลาดรถยนต์ในปีนี้ ทำให้ความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสามารถฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2565 จะอยู่ที่ 880,000 คัน เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2565 | ยอดขายประมาณการปี 2565 | เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564 |
ปริมาณการขายรวม | 880,000 คัน | +16 % |
รถยนต์นั่ง | 290,500 คัน | +15 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 589,500 คัน | +16 % |
มร.ยามาชิตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับโตโยต้า เรามีเป้าหมายการขายในปี 2565 อยู่ที่ 290,000 คัน เพิ่มขึ้น 21 % จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 33% โดยเราเชื่อมั่นว่าแผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงแนวทางในการทำกิจกรรมทางการตลาดและการบริการที่เราพยายามมุ่งเน้นให้สามารถเข้าถึงและใกล้ชิดกับลูกค้าโตโยต้าได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนความเข้มแข็งของเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ จะมีส่วนช่วยให้เราได้รับความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากลูกค้าเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายของเราได้เป็นผลสำเร็จ”
ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2565 | ยอดขายประมาณการปี 2565 | เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564 | ส่วนแบ่งตลาด |
ปริมาณการขายรวม | 290,000 คัน | +21 % | 33.0 % |
รถยนต์นั่ง | 82,000 คัน | +31 % | 28.2 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 208,000 คัน | +17 % | 35.3 % |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 179,700 คัน | +19 % | 38.8 % |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 152,200 คัน | +18 % | 38.5 % |
สำหรับปริมาณการส่งออกของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทฯได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 179,730 คัน เพิ่มขึ้น 24.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยยอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 308,734 คัน เพิ่มขึ้น 19.5% จากปีที่แล้ว
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้า ม.ค. – มิ.ย. ปี 2565 | ปริมาณปี 2565 | เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564 |
ปริมาณการส่งออก | 179,730 คัน | +24.4% |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 308,734 คัน | +19.5% |
ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 380,000 คัน เพิ่มขึ้น 29.8 % จากปีที่แล้ว จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2565 มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยอยู่ที่ระดับ 659,400 คัน หรือเพิ่มขึ้น 28.3 % จากปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการขายของทั้งในประเทศและส่งออก
เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าปี 2565 | ปริมาณปี 2565 | เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564 |
ปริมาณการส่งออก | 380,000 คัน | +29.8 % |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 659,400 คัน | +28.3 % |
มร.ยามาชิตะ ยังได้กล่าวอีกด้วยว่า “ตามที่โตโยต้าได้มีการประกาศเจตนารมณ์ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ว่าปีนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่โตโยต้าครบรอบ 60 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยเรายังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความสุขให้กับคนไทยและเติบโตเคียงคู่ไปกับสังคมไทย ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่กับการเป็น “ผู้นำพาการขับเคลื่อนยุคใหม่ เพื่อเสริมสร้างความสุขของผู้คน และความยั่งยืนของสังคม” โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เราได้มีการดำเนินงานตามแนวทางพันธกิจใหม่ของเราในรูปแบบต่างๆ เพื่อส่งมอบความสุขให้แก่คนไทย
ในด้านผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับลูกค้า เราได้มีการเปิดตัวโครงการ TOYOTA ALIVE ที่เป็นจุดศูนย์รวมประสบการณ์แห่งความสุข ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีและบริการต่างๆของโตโยต้าได้อย่างครบวงจร เป็นแหล่งรวมกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ร่วมกับลูกค้าให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อนำเสนอการให้บริการในรูปแบบต่างๆแก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยี Connected มาใช้ผ่าน Digital Platform เพื่อสนับสนุนการให้บริการเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในทุกด้าน ในรูปแบบของ “Mobility as a Service” – MaaS ให้กับลูกค้า และนำเสนอเป็นบริการเพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าในทุกด้าน อาทิ ความปลอดภัย ประหยัด สะดวกสบาย และตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
ในด้านสังคม โตโยต้ามุ่งเน้นการขับเคลื่อนสังคมไทย สู่ “ยุคแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมทั้งเสริมสร้างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมที่ดี ตลอดจนความพยายามมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ซึ่งถือเป็นพันธกิจสำคัญของกลุ่มโตโยต้าทั่วโลก ผ่านการดำเนินกิจกรรมในด้านต่างๆ อาทิ เช่น โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะร่วมกับเมืองพัทยา ซึ่งโตโยต้าได้มีการนำรถยนต์พลังงานสะอาดทุกรูปแบบไปทดลองให้บริการเพื่อตอบสนองการเดินทางที่มีความหลากหลายแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา และมีแผนที่จะขยายผลการดำเนินงานเต็มรูปแบบในช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งขยายผลการดำเนินงานของโครงการโตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์ ในการเปิดศูนย์การเรียนรู้แห่งที่ 3 ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ในการปรับปรุงธุรกิจแก่วิสาหกิจชุมชนในภาคเหนือ นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการดำเนินโครงการ “การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย” ในการพัฒนาความรู้ ทักษะ และศักยภาพ ให้แก่บรรดาบุคลากรต่างๆ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ ตลอดจนการกิจกรรมยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนของโครงการ “โตโยต้า ถนนสีขาว” กับแผนการลดอุบัติเหตุทางท้องถนน โดยปรับปรุงจุดเสี่ยงจำนวน 60 จุด ทั่วประเทศ เป็นต้น”
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2565
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 67,952 คัน เพิ่มขึ้น 4.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,026 คัน ลดลง 5.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 20,146 คัน เพิ่มขึ้น 42.9% ส่วนแบ่งตลาด 29.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,815 คัน เพิ่มขึ้น 22.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.1%
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 19,598 คัน ลดลง 13%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 5,884 คัน เพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนแบ่งตลาด 30.0%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 2,518 คัน ลดลง 60.8% ส่วนแบ่งตลาด 12.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,068 คัน ลดลง 34.3% ส่วนแบ่งตลาด 10.6%
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 48,354 คัน เพิ่มขึ้น 13.9%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 20,146 คัน เพิ่มขึ้น 42.9% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 15,142 คัน ลดลง 10.5% ส่วนแบ่งตลาด 31.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,756 คัน เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 5.7%
4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 37,619 คัน เพิ่มขึ้น 13.4%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,640 คัน เพิ่มขึ้น 48.4% ส่วนแบ่งตลาด 49.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 12,629 คัน ลดลง 12.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,756 คัน เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.3%
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 4,186 คัน
อีซูซุ 1,564 คัน – โตโยต้า 1,454 คัน – มิตซูบิชิ 671 คัน – ฟอร์ด 396 คัน – นิสสัน 101 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,433 คัน เพิ่มขึ้น 13.9%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 17,076 คัน เพิ่มขึ้น 49.5% ส่วนแบ่งตลาด 51.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 11,175 คัน ลดลง 12.0% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,360 คัน เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.1%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2565
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 427,303 คัน เพิ่มขึ้น 14.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 142,032 คัน เพิ่มขึ้น 21.2% ส่วนแบ่งตลาด 33.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 109,889 คัน เพิ่มขึ้น 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 25.7%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 40,161 คัน ลดลง 6.0% ส่วนแบ่งตลาด 9.4%
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 135,900 คัน เพิ่มขึ้น 12.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 38,894 คัน เพิ่มขึ้น 30.9% ส่วนแบ่งตลาด 28.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 29,574 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 21.8%
อันดับที่ 3 มาสด้า 12,111 คัน เพิ่มขึ้น 11.2% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 291,403 คัน เพิ่มขึ้น 15.3%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 109,889 คัน เพิ่มขึ้น 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 103,138 คัน เพิ่มขึ้น 17.9% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 16,292 คัน เพิ่มขึ้น 11.8% ส่วนแบ่งตลาด 5.6%
4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 227,842 คัน เพิ่มขึ้น 15.7%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 101,439 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 89,232 คัน เพิ่มขึ้น 20.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 16,168 คัน เพิ่มขึ้น 13.7% ส่วนแบ่งตลาด 7.1%
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 29,586 คัน
โตโยต้า 13,466 คัน – อีซูซุ 9,095 คัน – มิตซูบิชิ 4,154 คัน – ฟอร์ด 2,246 คัน – นิสสัน 625 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 198,256 คัน เพิ่มขึ้น 17.3%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 92,344 คัน เพิ่มขึ้น 22.1% ส่วนแบ่งตลาด 46.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 75,766 คัน เพิ่มขึ้น 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 38.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 12,655 คัน ลดลง 8.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%
Toyota Announces 2022 Mid-Year Business Performance
With Total Car Market Projection at 880,000 Units
Mr. Noriaki Yamashita, President of Toyota Motor Thailand, has announced the company’s business performance during the first half of 2022, along with Thai automotive market projection in 2022, on 25 July 2022.
Mr. Yamashita said, “Thailand’s automotive industry in the first half of the year is still being significantly affected by the domestic economy’s gradual recovery amidst a prolonging semiconductor shortage that has a direct impact on production volume and surging cost of car manufacturing for both domestic and export sales. Furthermore, inflationary pressures that continue to rise, as well as the direction of this year’s interest rates are important factors contributing to the slow recovery of consumer purchasing power. These elements, have a critical impact on the overall business operations as well as consumer confidence in the Thai economy as a whole.
However, there are indeed some positive signs, such as the government’s relaxation of lockdown measures and the implementation of measures to boost the domestic economy and tourism. More notably, vaccination rates in Thailand and around the world are clearly increasing, allowing people to live, work, and resume their normal lifestyles almost in a manner similar to the pre-pandemic period. All these factors contribute to the country’s economic situation gradually returning to normal, which reflects on the car market as well. This can be seen in the sharp increase in car sales in the 43rd Bangkok International Motor Show, as well as a great deal of aggressive promotional campaigns launched by several automakers in a bid to incentivize potential consumers. Essentially, all of these major elements contributed to the automotive market’s overall recovery. As a result, total market sales in the first half of the year are 427,303 units, representing a 14.5% increase over the same period last year.”
Market Result in January – June 2022 | 2022 Sales | Difference compared to 2021 |
Total Sales | 427,303 units | +14.5 % |
Passenger Cars | 135,900 units | +12.9 % |
Commercial Vehicles | 291,403 units | +15.3 % |
1-ton Pickups (Including PPV) | 227,842 units | +15.7 % |
Pure Pickups | 198,256 units | +17.3 % |
“According to Toyota’s performance in the first half of 2022, the overall sales increased by 21.2%, or 142,032 units, making the company a No.1 leader in the total market share, or 33.2% of the total car sales. The achievement is due in part to our ability to resume production and deliver more vehicles to customers following the easing of the lockdown measures, coupled with the increasing consumer demand for passenger cars, and the successful introduction of the new Toyota Veloz during the beginning of the year that has contributed over 1,000 sales volume per month. Consequently, this enables Toyota to occupy the top market share in the eco car the mid-size passenger car markets.”
Toyota Sales Performance in January – June 2022 | 2022 Sales | Difference compared to 2021 | Market share |
Total Sales | 142,032 units | +21.2 % | 33.2 % |
Passenger Cars | 38,894 units | +30.9 % | 28.6 % |
Commercial Vehicles | 103,138 units | +17.9 % | 35.4 % |
1-ton Pickups (Including PPV) | 89,232 units | +20.4 % | 39.2 % |
Pure Pickups | 75,766 units | +22.5 % | 38.2 % |
In light of the automotive industry outlook of the entire year of 2022, Mr. Yamashita projected, “The government’s relaxation measures as well as economic stimulus cause the economic activities to shift into an increasingly positive direction, which will benefit the automotive industry outlook this year. As a result, there is great optimism that the economy will recover in a better way in the second half of this year. Therefore, we firmly anticipate that the number of vehicles sold in 2022 will be 880,000 units, up 16% from the year before.”
2022 Domestic Sales Forecast | 2022 Sales Projection | Difference compared to 2021 |
Total Sales | 880,000 units | +16 % |
Passenger Cars | 290,500 units | +15 % |
Commercial Vehicles | 589,500 units | +16 % |
Mr. Yamashita added, “As for Toyota, our current sales target in 2022 is 290,000 units, or 21% increase from last year, accounting for 33% market share. We are confident in our plan to launch new models in the second half of the year, along with a variety of marketing initiatives and services designed to boost customer engagement and bring us closer to our customers. Additionally, the strength of our nationwide Toyota dealer network will help us win our customers’ trust and support so that we can successfully accomplish our ultimate goal.”
2022 Toyota Car Sales Forecast | 2022 Sales Forecast | Difference compared to 2021 | Market share |
Total Sales | 290,000 units | +21 % | 33.0 % |
Passenger Cars | 82,000 units | +31 % | 28.2 % |
Commercial Vehicles | 208,000 units | +17 % | 35.3 % |
1-ton Pickups (Including PPV) | 179,700 units | +19 % | 38.8 % |
Pure Pickups | 152,200 units | +18 % | 38.5 % |
In terms of export, Toyota’s CBU export volume for the first half of 2022 was 179,730 units, or 24.4% increase from last year. Our total production volume for domestic sales and export for the first half of 2022 is 308,734 units, or 19.5% increase from last year.
Toyota CBU Export and Production Volume in January – June 2022 | 2022 Performance | Difference compared to 2021 |
Export Volume | 179,730 units | +24.4% |
Total Production Volume for Domestic Sales and Export | 308,734 units | +19.5% |
As for the forecast of Toyota CBU export for this entire year, our current target is at 380,000 units, or 29.8 % increase from last year due to the optimistic signs of economic recovery in the trading partners’ markets as seen in the increasing demand of overseas customers. As a result, Toyota’s production volume in 2022 is expected to exceed our prior expectations. Our projection now stands at 659,400 units, up 28.3% from the previous year, and meets both domestic and export sales targets.
Target of Toyota CBU Export and Production Volume in 2022 | 2022 Target | Difference compared to 2021 |
Export Volume | 380,000 units | +29.8 % |
Total Production Volume for Domestic Sales and Export | 659,400 units | +28.3 % |
Mr. Yamashita also added, “As Toyota announced at the beginning of the year that we are marking the 60th Anniversary of Toyota’s business operations in Thailand. We remain firmly committed to delivering happiness to Thai people and growing alongside Thai society with our new vision of being ‘A Mobility Enabler that responds to people happiness and social sustainability’. In the first half of the year, we implemented our new mission in a variety of ways to bring happiness to Thai people.
In terms of products and services for customers, we have debuted TOYOTA ALIVE, which is the center of happiness experience that offers a comprehensive range of Toyota’s leading-edge technologies and services. It is also a center of activities in various forms that provides enriching experiences and closer relationships with customers. Aside from that, we aim to join forces with various partners to introduce a wide range of services to our valued customers. This includes the utilization of Connected Technology through digital platforms in order to enhance “Mobility as a Service” (MaaS) for customers and provide the refined services that give them exceeding satisfaction in virtually all aspects, while also ensuring utmost safety, excellent value for money, and absolute convenience. These efforts have been made in the hope of achieving the ultimate goal of seamlessly addressing customer needs and lifestyles.
As for our contribution to the society, Toyota has been committed to driving Thai society towards ‘Sustainable Development Era’ in a bid to uplift people’s quality of life and foster good environment, economy and society, while also committing to achieving Carbon Neutrality which is the key mission of the global Toyota. To achieve this mission, we actively engage in various activities, such as the development of Decarbonized Sustainable City in Pattaya, in which we have provided a full range of environmentally friendly vehicles for servicesto enhance urban transportation and diverse usage in Pattaya in a bid to meet the diverse travel needs of local residents and tourists. We also intend to expand our project to its full scope by the end of this year. Besides, we aim to build on the success of Toyota Social Innovation project by launching the third Toyota Social Innovation Yokoten Center in Chiang Rai province so as to transfer knowledge and experience in continuous business improvement to the local enterprises in northern communities. Additionally, Toyota has recently collaborated with our key partners to execute the project “Personnel Skill Development in 12 Targeted Industries” with an aim to improve the knowledge, skills, and potential for personnel in the Eastern Special Development Zone (EEC) in order to prepare for the new era of automotive industry. Last but not least, in an effort to minimize traffic accidents, we continue to enhance road safety under “Toyota White Road” project by improving 60 high-risk spots across Thailand.
มาเซราติ FUORIS…
- บริษัท เรเว่ …