นายอภิจิณ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชียแปซิฟิค บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เดนโซ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในงาน “ครบรอบ 10 ปีรถยนต์โตโยต้าไฮบริดและพิธีเปิดโครงการบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร” เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการวางรากฐานการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวต่อไป เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ณ บริษัท ทีทีเค โลจิสติคส์ จำกัด จังหวัดฉะเชิงเทรา
บนเส้นทางความสำเร็จ 10ปี กับการแนะนำรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย
โตโยต้ามีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและริเริ่มโครงการต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้พันธสัญญาที่จะร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม จนนำไปสู่การแนะนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฮบริด (Hybrid Synergy Drive) สู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2540 และ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ถือเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายแรกในประเทศไทย เป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียนอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้นำรถยนต์ไฮบริดมาผลิตและจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2552 โดยมีความมุ่งหวังที่จะปลุกกระแสความนิยมในการเลือกใช้รถยนต์ไฮบริดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น พร้อมให้ประเทศไทยเป็นฐานในการบุกเบิกตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป
ตลอดระยะเวลา 10ปี ที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รู้สึกขอบคุณการสนับสนุนของภาครัฐในการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก ทั้งในแง่ของการสนับสนุนเชิงนโยบายและสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ทางโตโยต้าได้รับจากการดำเนินโครงการรถยนต์ไฮบริด ทำให้โตโยต้าสามารถพัฒนารถยนต์ไฮบริดที่สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า เริ่มจากการแนะนำรถยนต์รุ่น คัมรี ไฮบริด ด้วยเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะแห่งอนาคต ที่ให้สมรรถนะอันดีเยี่ยม เงียบและนุ่มนวล ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากนั้น เทคโนโลยีไฮบริดได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ 4 ในรุ่น C-HR และ คัมรี ไฮบริด ใหม่ ที่แบตเตอรี่ไฮบริดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาแก่ลูกค้า นอกจากนี้โตโยต้ายังได้สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีไฮบริดให้กับลูกค้ามาโดยตลอด รวมถึงความใส่ใจในบริการดูแลลูกค้าหลังการขายตั้งแต่วันแรกที่ครอบครองถึงตลอดระยะเวลาการใช้งาน รวมถึงการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ทำให้รถยนต์ไฮบริดโตโยต้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย จนมียอดขายรวมแล้วทั้งสิ้นกว่า 78,000 คัน ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นและความนิยมของรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยที่เติบโตขึ้นได้เป็นอย่างดี
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า “จากความสำเร็จตลอด 10 ปี ที่ผ่านมาของการแนะนำรถยนต์ไฮบริดสู่ตลาดรถยนต์ในไทย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมแล้วที่จะก้าวสู่ความท้าทายครั้งใหม่ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาเทคโนโลยีและตอบสนองนโยบายของภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ตลอดจนเตรียมความพร้อมในการขยายการรองรับการใช้งานรถยนต์ไฮบริดในอนาคต หนึ่งในปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด และการบริหารจัดการแบตเตอรี่อย่างครบวงจร โตโยต้าจึงได้ก่อตั้ง สายการผลิตแบตเตอรี่ รถยนต์ไฮบริด ขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า เกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นโรงงานโตโยต้าที่ประกอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการนำเทคโนโลยีจักรกลระดับสูง ตลอดจนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการผลิตแบตเตอรี่ไฮบริดจาก โตโยต้าที่ประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในมาตรฐานเดียวกันในระดับสากล และพร้อมสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ไฮบริดเพื่อใช้ในรถยนต์รุ่นคัมรี ไฮบริด และ C-HR รวมถึงรถยนต์ไฮบริดรุ่นอื่นๆในอนาคต”
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวว่า “นอกเหนือจากการเปิดสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดแล้ว เรายังตระหนักถึงความสำคัญของแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ต้องการหมุนเวียนเอาทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจนครบเกิดเป็นวงจร ตั้งแต่ภาคการผลิต การบริโภค ไปจนถึงกระบวนการจัดการของเสียอย่างเหมาะสม (Proper Waste Management) ด้วยกระบวนการใช้ซ้ำ (Reuse) หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการผลิตใหม่ (Rebuilt) อันจะนำไปสู่ความยั่งยืนของทั้งระบบ จนนำไปสู่ความร่วมมือกันระหว่างโตโยต้ากับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง บริษัท โตโยต้า ทูโช (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เดนโซ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด ในการดำเนินโครงการ “การบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร (3R Scheme)” ซึ่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ถือเป็นบริษัท โตโยต้า แห่งแรกในโลกนอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ให้สามารถดำเนินงานในโครงการดังกล่าวได้อย่างครบวงจร”
สำหรับ โครงการ “การบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร (3R Scheme)” โตโยต้ามุ่งเน้นให้ทุกองค์ประกอบของแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดที่ผ่านการใช้งานแล้ว ได้เข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมทั้งในด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีและผู้ชำนาญการเฉพาะทางของโตโยต้า ตลอดจนนำทรัพยากรที่ได้จากกระบวนการดังกล่าวกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยมีรายละเอียดในการดำเนินการ ดังนี้
1) กระบวนการตรวจสอบและประเมินคุณภาพอย่างรวดเร็ว (Rapid Diagnosis Process)
เริ่มจากการนำแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดที่ใช้แล้ว มาเข้ากระบวนการตรวจสอบโดยเครื่องมือและโปรแกรมตรวจสอบประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีศักยภาพในการตรวจสอบประเมินได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ก่อนที่จะทำการคัดประสิทธิภาพของโมดุล(เซลล์) ที่อยู่ในแบตเตอรี่ (ประสิทธิภาพตามความเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละวัตถุประสงค์) เพื่อส่งไปดำเนินการต่อในกระบวนการถัดไป
2) การผลิตแบตเตอรี่เกรดใช้งานแล้ว ลูกใหม่ (Rebuilt)
การนำโมดุล (เซลล์) ที่ยังคงมีประสิทธิภาพในระดับสูง มารวบรวมและประกอบขึ้นเป็นแบตเตอรี่ลูกใหม่ เพื่อจำหน่ายในราคาย่อมเยา ในราคาประมาณ 1ใน3 ของราคาแบตเตอรี่ใหม่ พร้อมการรับประกันคุณภาพ ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเพื่อลดภาระความกังวลใจในราคาแบตเตอรี่ และสามารถตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดได้ง่ายยิ่งขึ้น
3) การใช้ซ้ำ (Re-use)
การนำโมดุล (เซลล์) ที่มีประสิทธิภาพในระดับปานกลาง มีความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้าได้มาประกอบขึ้นเป็นแบตเตอรี่เก็บพลังงานไฟฟ้าสำรอง (Energy Storage) สำหรับการใช้งานภายในอาคารสถานที่และโรงงาน ตลอดจนสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้า โดยสามารถนำไปใช้ในการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่เหลือจากแหล่งพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลม (Wind turbine) เป็นต้น ถือเป็นการต่อยอดการนำพลังงานมาหมุนเวียนใช้ได้อย่างคุ้มค่า
4) การหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)
การนำโมดุล (เซลล์) ที่มีประสิทธิภาพในระดับต่ำ ส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยการนำไปเผาในเตาเผาแบบ Gasification เพื่อกำจัดสารที่เป็นอันตรายในอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งเป็นเตาเผาแรกของประเทศไทยที่สามารถเผาแบตเตอรี่ได้ทั้งแบบนิเกิล-เมทัล-ไฮไดรด์ (NiMH) และ แบบลิเธียมไอออน (Li-Ion) โดยภายหลังการเผาจะถูกส่งไปสกัดแร่โลหะที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำ นิกเกิล (Ni) และ โคบอลท์ (Co) กลับมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตเป็นแบตเตอรี่ใหม่อีกครั้ง ถือเป็นการช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสำเร็จของรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คงไม่อาจเกิดขึ้นได้หากเราไม่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนลูกค้าโตโยต้าที่ได้ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฮบริด ทั้งนี้โตโยต้ายังถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในประเทศไทย ที่เริ่มระบบการจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะพร้อมรองรับแบตเตอรี่ไฮบริดใช้แล้วจากผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น หากแต่เรายังพร้อมเปิดรับให้บริการกับลูกค้าทุกประเภทในอุตสาหกรรมอื่นๆอีกด้วย เราเชื่อว่านอกจากโครงการนี้จะมีส่วนช่วยในการลดค่าใช้จ่ายของตัวแบตเตอรี่ไฮบริด รวมถึงลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังจะมีส่วนช่วยในการสร้างรากฐานการบริหารจัดการเพื่อรองรับตลาดรถยนต์ EV ที่กำลังเติบโตขึ้นในอนาคตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม โตโยต้าคงไม่สามารถทำให้สิ่งนี้ประสบความสำเร็จได้เพียงลำพัง ดังที่คุณอากิโอะ โตโยดะ ประธานบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า เราจำเป็นต้องมีความคิดแบบนอกกรอบ พร้อมที่จะเปิดรับแนวร่วมพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์และแนวคิดตรงกัน เพื่อก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมายในอนาคต กับความต้องการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกให้เป็นศูนย์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ท้าทายของโตโยต้าที่ต้องการจะสร้างการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (Ever Better Mobility) และสร้างสรรค์สังคมที่ดียิ่งขึ้น (Ever Better Society)”
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้ารถยนต์โตโยต้าไฮบริดที่ศูนย์บริการโตโยต้า และ โตโยต้า ชัวร์
เพื่อเป็นการขอบคุณ และ ตอบแทน ทุกๆ ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในการร่วมเป็นครอบครัว โตโยต้าไฮบริด ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ารถยนต์โตโยต้าไฮบริดทุกรุ่น ที่ศูนย์บริการโตโยต้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2562 โดยมีสิทธิพิเศษ ดังนี้
1. บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้ารถยนต์ไฮบริดทุกรุ่น ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ปัญหา GTS โดยช่างผู้ชำนาญการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. บริการตรวจสอบระบบและทำความสะอาดกรองฝุ่นแบตเตอรี่ เพื่อยืดอายุการใช้งาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
3. สนับสนุนส่วนลดพิเศษ ค่าอะไหล่รถยนต์ไฮบริดทุกรุ่น สำหรับน้ำยาล้างกระจก, อะไหล่กลุ่มที่ปัดน้ำฝน และยางปัดน้ำฝน, อะไหล่กลุ่มผ้าเบรกและโช๊คอัพ ส่วนลด 20% และแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด 12 โวลท์ ส่วนลดสูงสุด 700 บาท
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์โตโยต้าไฮบริดใช้แล้วจาก โตโยต้า ชัวร์ ทั่วประเทศ (ตามรุ่นที่กำหนด) จะได้รับสิทธิพิเศษ ในการขยายเวลารับประกัน แบตเตอรี่ไฮบริด (High Voltage Battery) ทันทีอีก 5 ปี* (จากเดิม 10 ปี เป็นสูงสุด 15 ปี) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2562 โดยมีรถยนต์โตโยต้าไฮบริดที่ได้รับสิทธิ์ดังนี้
1. รถยนต์โตโยต้า Camry AHV40 (รุ่นปี 2552 – 2555)
2. รถยนต์โตโยต้า Camry AVV50 (รุ่นปี 2555 – 2561)
3. รถยนต์โตโยต้า Prius ZVW30 (รุ่นปี 2553 – 2558)
*หมายเหตุ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์อนุมัติการรับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดเพิ่ม 5 ปี ให้เฉพาะรถยนต์โตโยต้าไฮบริด ที่การรับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีของรถใหม่ ยังไม่หมดอายุ
———————————————————————————–
Toyota Hosts Celebration of 10th Anniversary of Hybrid
And “Battery Life Cycle Management Introduction”
Mr. Aphijin Chotikasathira, Deputy Permanent Secretary of Ministry of Industry, and Mr. Michinobu Sugata, President of Toyota Motor Thailand Company Limited, together with top executives from Toyota Motor Thailand Company Limited, Toyota Daihatsu Engineering & Manufacturing Company Limited (TDEM), Toyota Motor Asia Pacific (TMAP), Toyota Tsusho (Thailand) Company Limited, Denso (Thailand) Company Limited, and Siam Waste Management Company Limited have honored their presence in the “Celebration of 10th Anniversary of Hybrid and Battery Life Cycle Management Introduction” to express the absolute determination in establishing solid foundation towards the promising growth of electrified vehicles and contributing to the advancement of Thailand as the key production hub of environmentally-friendly vehicles in the long run. This memorable event has been held on 30 August 2019, at TTK Logistics (Thailand) Company Limited, Chacheongsao province.
10-Year Journey of Success in Hybrid Electric Vehicle Introduction in Thailand
Toyota is deeply committed to actively developing and pioneering a comprehensive array of environmentally-friendly initiatives, specifically in terms of product development. We have been strongly adhered to our promise to contribute our part in every possible way in an attempt to support the environmental preservation, leading to the introduction of Hybrid Synergy Drive to the global market in 1997. On top of that, Toyota Motor Thailand is the first carmaker in Thailand and Thailand is the first country in Asia after Japan that officially produced hybrid electric vehicles by introducing Camry Hybrid in 2009, in an attempt to make hybrid electric vehicles an increasingly popular alternative for customers and eventually pave way for Thailand to serve as the key pioneer of electrified vehicle market in Southeast Asia.
Thanks to the government’s policy regarding the active promotion of alternative energy vehicles and the excise tax privilege that the government has granted to support Toyota’s investment in the hybrid electric vehicle project, Toyota is capable of developing hybrid electric vehicles that offer ultimate satisfaction to Thai customers. Starting with the first-ever introduction of Camry Hybrid, customers were tremendously amazed by its intelligent automotive environmental technology for the future that gives exceptional performance, sheer smoothness and quietness, unmatched fuel efficiency, as well as a high degree of environmental friendliness. Now, the technology has been advanced to the Fourth Generation Hybrid Synergy Drive as seen in the C-HR. The hybrid electric batteries demonstrate much greater efficiency and longer life, offering peace of mind to customers who used to be worried about the maintenance fee offering best HEV ownership experience. Toyota has been deeply focused on the need to educate customers in the market in order to make them fully understand and trust in the hybrid electric technology. Furthermore, the company has deemed it important to offer first-rate customer care throughout the life cycle of the vehicle ownership by providing customers with the unlimited mileage and 10-year hybrid electric vehicle battery warranty. This is why the Toyota’s hybrid electric vehicles have been very well received by the Thai customers throughout the past decade and enjoyed the accumulated sales volume of as many as 78,000 units, reaffirming the growing confidence among Thai customers and increasing popularity of the hybrid electric vehicles.
Mr. Michinobu Sugata, President of Toyota Motor Thailand Company Limited, disclosed, “Over the past 10 years, we have enjoyed considerable success in the hybrid electric vehicle introduction in the Thai auto market. Now, Toyota Motor Thailand is ready to take on the new challenge to realize our ambition in the environmental technology development and to support the government’s policy to make Thailand the environmentally-friendly vehicle production hub in the long run. On top of that, it is our significant mission to make fundamental preparations for the expansion of hybrid electric vehicle usage in the near future. In order to achieve such ambitious goal, hybrid battery production and life cycle management will absolutely be one of the core contributing factors. Therefore, in May this year, Toyota has established the first-ever Hybrid Electric Vehicle Battery assembly line in Southeast Asia at Gateway Plant, Chacheongsao province. We have adopted advanced technology as well as the knowledge and knowhow of hybrid electric battery production from Toyota Motor Corporation in Japan to our assembly line ensuring global standards. Consequently, we are now ready to produce hybrid electric vehicle batteries for C-HR, Camry Hybrid and more of the upcoming models in the future.”
Mr. Michinobu Sugata added, “On top of the hybrid electric vehicle battery localization line-off, we realize the importance of Circular Economy as we aim to maximize the use of resources throughout the process, ranging from production and consumption to proper waste management consisting of 3 main procedures, including Re-use, Recycle, and Rebuild, all of which will contribute to the sustainable development of the whole system. This has led to the establishment of a unique collaboration between Toyota and our key business partners – Toyota Tsusho (Thailand) Company Limited, Denso (Thailand) Company Limited, and Siam Waste Management Company Limited. Together, we have conducted Hybrid Electric Vehicle Battery Life Cycle Management under the project called “3R Scheme”. Apart from Japan, Toyota Motor Thailand is officially the first to acquire the knowledge and technology transfer for the holistic project operation.”
Under the “Hybrid Electric Vehicle Battery Life Cycle Management (3R Scheme)”, Toyota intends to bring all used hybrid electric vehicle batteries to undergo proper management to ensure utmost safety and minimize environmental impact. The process is thoroughly executed by Toyota’s advanced technology and highly proficient specialists, aiming to utilize the resources gained from 3R Scheme to the maximum. Details of the implementation are as follows:
After collecting used hybrid batteries from our certified partners, we utilize the advanced technology imported from Japan to operate quality inspection and evaluation through “Rapid Diagnosis Process”. This process performs quick and accurate assessment of the battery performance level. The modules of the used batteries will be carefully checked and then classified into 3 grades (i.e. high efficiency, moderate efficiency, and low efficiency) so as to clearly determine which of the following processes the battery modules will be sent to in the next step.
High efficiency modules will be re-assembled and sold as alternative Hybrid Rebuilt batteries at an affordable price, which is approximately one third of the new batteries. Furthermore, the batteries will come with a warranty. This will help ease customer’s concerns in terms of the battery price and make it easier for them to own a hybrid electric vehicle.
Moderate efficiency modules that are still capable of restoring electric charge are Re-Used as energy storage in order to reserve and supply energy source for buildings, factories and charging stations. They can be used to store electricity gained from alternative energy resources, such as Solar Cell, Wind Turbine, and so on. This offers cost efficiency as the used batteries will be treated as renewable energy.
Low efficiency modules will be sent to Recycle process. The gasification furnace can destroy toxic substance in the controlled temperature and can recycle both Nickel Metal Hydride and Lithium ion batteries. After proper heat treating, they will be sent to Japan to collect valuable mineral elements in which the Nickel (Ni) and Cobalt (Co) will be utilized as raw materials to re-produce new hybrid batteries. This process largely helps reduce the use of natural resources and minimizes negative environmental impacts as well.
Mr. Aphijin Chotikasathira, Deputy Permanent Secretary of Ministry of Industry, said, “I would like to congratulate Toyota Motor Thailand Co., Ltd. and its partners as the originator of the production and distribution of hybrid electric vehicles in Thailand which is the starting point for leading Thai automotive industry into electrified vehicles era. It’s one of the 10 industries target (First S-Curve) under the Thailand 4.0 policy. Hybrid Electric Vehicle technology were developed from driving with an internal combustion engines to an electrified vehicle which helps Thailand to reduce the amount of exhaust pollutants, fuel consumption and carbon dioxide emissions. During the past 10 years, Toyota has played an important part in investment, creating added value, employment and technological development. These are also in line with the government policy that recognizes the importance of promoting and supporting various policies that help entrepreneurs in developing advanced technologies, delivering high quality and environmentally friendly products, while also have a positive impact on the economy, industry, society and the quality of life for Thai people.
This is a great opportunity for Toyota Motor Thailand Co., Ltd. and its partners to launch the first Hybrid Electric Vehicle Battery Life Cycle management project in Thailand, to be reused and maximize benefits in the use of renewable resources, as well as reducing the amount of waste from the industrial sector in an environmentally friendly way. It can be regarded as the foundation for the development of electrified vehicles, while also adhere to the guidelines for sustainable business operations and social responsibility. Especially focus on minimizing negative impact on environment and natural resources”
“The success of hybrid electric vehicles in Thailand throughout the past 10 years would not have been possible without the tremendous support from all concerned parties, including the government sector, relevant business partners, and our valued customers who have constantly placed absolute trust on Toyota’s hybrid electric vehicles. Toyota is the first carmaker that initiates the Battery Life Cycle Management system in Thailand. More importantly, our business will be open to all kinds of customers. In other words, we are pleased to take used hybrid batteries from not only automakers but also other industries. We believe that the 3R Scheme will significantly reduce the cost of hybrid batteries, mitigate negative environmental impact, and establish a solid foundation in preparation for the future growth of electrified vehicle market.
However, it would be impossible for Toyota to accomplish this alone. Mr. Akio Toyoda, President of Toyota Motor Corporation, once advised that Toyota should look beyond existing frameworks and seek to collaborate with like-minded partners in order to achieve ambitious targets, such as Zero Emission on a global scale. This is one of Toyota’s challenging goals towards the achievement of Ever Better Mobility and Ever Better Society,” Mr. Michinobu Sugata concluded.
“ไพรม์มัส พัทยา…
บริษัท โตโยต้า …