แคมรี่ รุ่นนี้ ออกมาใน 4 รุ่นย่อย รุ่นพื้นฐาน แอลอี LE, รุ่นตกแต่งขึ้นมาเล็กน้อย เอ็กซ์แอลอี XLE, รุ่นสปอร์ตตี้ เอสอี sport SE และรุ่นท้อป เอ็กซ์เอสอี XSE ส่วนรุ่นไฮบริดแยกตัวออกมาต่างหาก พร้อมอุปกรณ์เสริมมากมาย
สำหรับตลาดอเมริกา แคมรี่ ได้รับความนิยมเป็นรถยนต์นั่งที่ขายดีที่สุดมา 15 ปีแล้ว ด้วยขนาดที่กว้างขวาง แม้จะเป็นรถขนาดกลาง พร้อมคู่ต่อสู้มากมายจากหลายค่าย ตั้งแต่ เชฟโรเลต มาลิบู, ฟอร์ด ฟิวชั่น, ฮอนด้า แอคคอร์ด, ฮุนได โซนาต้า, เกีย ออพติม่า และ นิสสัน อัลติม่า
วิศวกรออกแบบให้แคมรี่รุ่นใหม่ มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่าเดิม 1 นิ้ว ทั้งหน้าและหลัง ตัวรถก็ต่ำลงมาด้วย ขณะที่เพิ่มความยาวและความกว้างขึ้น กระจังหน้าแยกเป็นสองส่วน พร้อมเส้นสายโอบล้อมโลโก้ โตโยต้า ขนาดใหญ่ โดยรุ่นไฮบริด จะแนมด้วยสีน้ำเงิน ด้านหลังก็ปรับรูปทรงให้ทันสมัยขึ้น ส่วนรุ่นสปอร์ต เอสอี และ เอ็กซ์เอสอี กระจังหน้าและด้านหน้า จะแปลกออกไป รวมทั้งออกแบบด้านหลังใหม่เช่นกัน มีสปอยเลอร์ทรงก้นเป็ดอยู่บนฝากระโปรงท้ายด้วย
วิศวกรโตโยต้า คุยว่า สำหรับเบาะที่นั่ง ใช้วัสดุที่อ่อนนุ่มเมื่อสัมผัส และแต่งแต้มด้วยสีให้ดูหรูหราขึ้น ในทุกรุ่น รวมทั้งรุ่นมาตรฐานเช่นกัน
เครื่องยนต์รุ่นมาตรฐาน ใช้ 4 สูบ 2.5 ลิตร พร้อมเกียร์ออโต้ 8 สปีด ขณะที่รุ่นท้อปเป็น วี6 3.5 ลิตร เกียร์ออโต้ 6 สปีด ส่วนรุ่นไฮบริด เป็นเครื่อง 4 สูบ 2.5 ลิตร พร้อมมอเตอร์ 2 ตัว โดยรุ่นสปอร์ต ผู้ขับขี่สามารถใช้งานในแบบเกียร์ออโต้ 6 เกียร์ ในรุ่นเกียร์ซีวีที แบบอีเล็คทรอนิคได้ด้วย ชุดแบตเตอรี่ติดตั้งใต้ที่นั่งหลัง ทำให้พื้นที่บรรทุกน้อยกว่ารุ่นเครื่องยนต์ปกติ
โตโยต้า ใช้โครงสร้างรุ่นใหม่ นิวเจอเนอเรชั่น Toyota New Generation Architecture ที่พัฒนาสำหรับรถยนต์ไฮบริด โดยใช้ในรุ่น พรีอุส เมื่อปีก่อน พร้อมช่วงล่างหลังเป็นเทรลลิ่ง อาร์ม ทำให้ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ และสนุกสนานไปพร้อมๆ กัน
แคมรี่ ปี 2018 มาด้วยถุงลมนิรภัย 10 ใบ พร้อมระบบอีเล็คทรอนิค เพื่อรักษาความปลอดภัย ในชื่อ โตโยต้า เซฟตี้ เซ้นส์-ปี Toyota Safety Sense-P ที่จดจำการป้องกันการชนคนเดินถนนที่ระบบติดตั้งไว้ 201 รูปแบบ, ระบบควบคุมความเร็วตามรถคันหน้า, ระบบเตือนการเปลี่ยนเลน และดึงกลับ และระบบไฟส่องสว่างปรับตามไฟรถคันที่สวนมา และยังมีระบบเตือนจุดบอด และเตือนการจราจรด้านหน้าด้วย
รถยนต์โตโยต้าที่จำหน่ายในอเมริกา ผลิตจากสายการประกอบที่โรงงานในจอร์จทาวน์ รัฐเคนตัคกี้ และจะออกสู่ตลาดได้ในปลายปีหน้า