หลังจากการเปิดรับสมัครลูกค้าของซูซูกิที่ใช้รถรุ่น เซเลริโอ้ ให้เข้าร่วมแข่งขันการขับประหยัดน้ำมัน ที่ทางซูซูกิจัดขึ้นโดยเฟ้นพานักขับฝีมือดี ทั่วประเทศ โดยแบ่งออกตามภูมิภาคทั่วไทย จนได้ผู้เข้ารอบมาทั้งสิ้นจำนวน 21 ท่าน เพื่อเข้าร่วมชิงชัยในระดับประเทศ ซึ่งมีเงินรางวัลถึง 100,000 บาท
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วยกับงานนี้ละ ก็ขอบอกว่าผมได้รับเชิญไปในสองฐานะ อย่างแรกคือให้ไปคอยสังเกตการณ์ หรือ พูดง่ายๆว่าไปเป็นสักขีพยานนั้นละครับ และ อย่างที่สองให้ไปแข่งขับประหยัดน้ำมันด้วยแต่ไม่ใช่แข่งกับทางผู้เข้าร่วมการแข่งขันนะครับแต่แข่งกับทางสื่อมวลชลด้วยกันเอง ซึ่งมาจากสื่อต่างๆจาก 3 แห่ง
โดยการแข่งขัน“SUZUKI CELERIO Eco Champion” ในรอบสุดท้าย เริ่มต้นนัดหมายกัน ณ โรงแรม Balios Resort เขาใหญ่ ในช่วงเที่ยงก่อนการแข่งขัน 1 วัน เพื่อประชุมกฎกติกาการแข่งขัน และให้นักแข่งทุกคนได้ทดสอบเส้นทางสร้างความคุ้นเคยก่อนการแข่งขัน
หลังจากนั้นก็จะมีการนำรถของผู้มาแข่งขันเข้ามาให้คณะกรรมการตรวจสภาพ เริ่มจากเติมน้ำมัน E20 จนถึงคอถัง ซึ่งกรรมการทำการโยกรถทุกคัน 5 ครั้ง เพื่อไล่อากาศ เติมลมยางตามค่าของโรงงาน ล้อหน้า 39 ปอนด์ ล้อหลัง 36 ปอนด์ และส่งมอบรถทุกคันให้คณะกรรมการ และทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจาก ซูซูกิ ตรวจสอบอย่างละเอียด โดยกำหนดให้ใช้เครื่องยนต์มาตรฐานจากโรงงาน ไม่มีการปรับแต่งเพิ่มเติม เพื่อให้การแข่งขันอยู่ภายใต้ กฎ กติกา มีความยุติธรรม ตามเจตนารมย์ของ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเสร็จแล้ว ทีมวิศวกรจึงทำการปิดผนึกฝากระโปรงหน้าพร้อมลงลายเซ็นยืนยันว่ารถทุกคันผ่านการตรวจสอบ และเก็บรถแข่งทุกคันโดยห้ามมิให้มีการสัมผัสรถก่อนจะถึงเวลาการแข่งขัน
มาถึงเช้าวันแข่งขันทางผู้จัดการแข่งขันนั้นให้ปล่อยรถของสื่อมวลชลทั้ง 3 คันออกมาโดยก่อนออกมานั้นก็จะมีกรรมการตรวจสอบรถและย้ำกฎกติกาอย่างเข้มงวดอีกครั้ง พร้อมทั้งมีการเติมหยอดน้ำมันจนถึงคอถังอย่างเท่าเทียมทุกคันแล้ว กรรมการจึงผนึกสติ๊กเกอร์พร้อมลงลายเซ็นที่ฝาถังน้ำมัน
โดยเส้นทางที่ใช้นั้นเริ่มออกสตาร์ทจากโรงแรม Balios Resort เขาใหญ่ มุ่งหน้าไปยังเส้นชัย ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขา บายพาส สระบุรี ระยะทางรวม ประมาณ 77 กิโลเมตรให้ใช้เวลาไม่เกิน 100 นาที
เมื่อแข่งขันเริ่มขึ้นผมได้ปล่อยตัวออกมาเป็นคันแรก รถนั้นยังไม่วอร์มหรืออุ่นเครื่งก่อนเมื่ออุณหภูมิของเครื่องยังไม่ได้ที่ เกียร์อัตโนมัต แบบ CVT มันก็ไม่ยอมเปลี่ยนทดเกียร์ให้ ต้องรอจนไฟรูปปรอทดับลด คืออุณหภูมิเครื่องได้ที่แล้วเกียร์ก็จะทดเกียร์ลดให้ทำให้รอบเครื่องนั้นลดลงมาด้วยโดยSuzuki Celerio มาพร้อมเครื่องยนต์ K10B 12 วาล์วขนาด 998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 68 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
โดยความเร็วนั้นผมได้คำนวณดูแบบง่ายๆคือ ต้องขับประมาณ 77 กม./ชม. เป็นอย่างต่ำเผื่อเหลือเผื่อขาด เพราะไม่รู้ว่าระหว่างที่วิ่งนั้น จะมีอุบัติเหตุ หรือ ด่านตรวจอะไรอยู่ข้างหน้ารึเปล่า เพราะไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรต้องห้ามใช้เวลาเกิน 100 นาที
ในการขับขี่นั้นผมต้องพยายามเลี้ยงคันเร่งให้รอบเครื่องไม่เกิน 1,500 รอบ ป้วนเปี้ยนอยู่แถว 1,250 – 1,400 รอบต่อนาที จะเป็นช่วงที่ประหยัดที่สุดโดยสังเกตจาก หน้าปัดของรถที่ขึ้นอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ระหว่างเส้นทางที่ขับนั้นในช่วงเช้าๆ อากาศยังเย็นสบายรถราบน ถนนยังบางตาอยู่ขับอย่างสบายไม่ต้องคอยพะวงกับเพื่อนร่วมทางเท่าไรนัก เมื่อพ้นจากเขาใหญ่เข้าสู่ ถนนพหลโยธินรถก็ยังคงน้อยอยู่แถมยังเป็นเส้นที่มุ่งหน้าเข้าเมืองรถก็ยังไม่เยอะเท่าไร แต่น่าเสียดายเพราะพี่ๆรถบรรทุกคันใหญ่แบบแทรลเลอร์ยังไม่มีมาก หรือ ที่มีนั้นก็ขับซะเร็วจนขอเกาะรถแบบจ่อท้ายพ่วงไปด้วยไม่ได้เลย อันนี้ถือเป็นเทคนิคในการแข่งขันอย่างนึงในการขับประหยัดน้ำมัน เพื่อลดแรงลมปะทะโดยมีพี่รถบรรทุกนั้นขับนำหน้ารถ
ขับไปครึ่งทางก็เจอทั้งโค้ง ทางขึ้นเขา ลงเขา และสภาพอากาศที่เริ่มร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ บวกกับการจราจรที่เริ่มหนาแน่นขึ้นและแล้วผมก็เข้ามาถึงจุดหมายปลายทางเป็นคันที่ 3 ของกลุ่มผู้สื่อข่าว ส่วนผู้เข้าแข่งกันก็เริ่มทะยอยเข้ามายังเส้นชัย
เมื่อรถที่ร่วมการแข่งขันนั้นมาครบกันแล้วก็เริ่มเติมน้ำมันกลับเข้าไปเพื่อหาผู้ชนะในการแข่งขันในครั้งนี้ก่อนจะมีการรับรางวัลกันต่อไปซึ่งผลของผู้ชนะ สุดยอดนักขับประหยัดผู้สร้างสถิติให้แก่การแข่งขัน “SUZUKI CELERIO Eco Champion” ในครั้งนี้ คือ คุณวุฒิศักดิ์ คำสุด นักขับจากภาคตะวันออก ที่คว้ารางวัลชนะเลิศไปได้ โดยใช้น้ำมันไปเพียง 0.549 ลิตร หรือ คำนวณเป็นสถิติอัตราสิ้นเปลืองเท่ากับ 134.37 กิโลเมตร/ลิตร อันดับ 2 ได้แก่ คุณพิศลย์ รัตนา นักขับจากภาคเหนือตอนล่าง โดยใช้น้ำมันไปเพียง 0.704 ลิตร หรือ อัตราสิ้นเปลือง 109.23 กิโลเมตร/ลิตร และอันดับ 3 ได้แก่ คุณมีชัย สุภาลี นักขับจากภาคเหนือตอนล่าง โดยใช้น้ำมันไปเพียง 0.787 ลิตร หรือ อัตราสิ้นเปลือง 92.73 กิโลเมตร/ลิตร โดยสนามนี้สามารถสร้างสถิติอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากทั้ง 19 ขุนพลได้ถึง 73.035 กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนของสื่อมวลชนนั้นไม่อยากจะคุยเลยครับผมนั้นได้ตำแหน่งที่ 1 ไปครองได้สำเร็จอีกครั้งโดยใช้น้ำมันไปเพียง 1.264 ลิตร ส่วนอันดับ 2 นั้นใช้ไป 1.423 ลิตร ที่ 3 ใช้ไป 1.597 ลิตร กับระยะทาง 77 กิโลเมตร เฉลี่ย54.28 กิโลเมตร/ลิตร
ซึ่งหลังจากการแข่งจบก็ได้มีโอกาสคุยกับผู้ชนะในครั้งนี้คือ คุณวุฒิศักดิ์ คำสุด โดยบอกว่า “…ก่อนมาแข่งขันในวันนี้ มีการฟิตซ้อมในเส้นทางของตัวเองมาก่อนบ้างแล้ว แต่เมื่อได้ศึกษาเส้นทางจริงก่อนวันแข่งขัน ด้วยเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ผนวกกับรถบรรทุกที่หนาแน่น และเส้นทางที่ต้องผ่านด่านตรวจต่าง ๆ อีกทั้งคู่แข่งฝีมือดีที่มาจากทั่วประเทศ ทำให้ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก หลักที่ใช้ในวันนี้คือ กินให้อิ่ม นอนให้หลับ ขับสบาย ๆ ด้วยความเร็วคงที่ตามกฎกติกาการแข่งขัน มีการปล่อยเกียร์ว่างบ้างตามความเหมาะสม รางวัลที่ได้มาถือว่าเป็นความภูมิใจ และเซอร์ไพร์สมาก และอยากให้ ซูซูกิ มีกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ให้กับลูกค้าบ่อย ๆ ครับ”
รางวัลสำหรับรอบระดับประเทศ
ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 : เงินรางวัลจำนวน 100,000 บาท
ผู้ชนะอันดับ 2 : เงินรางวัลจำนวน 50,000 บาท
ผู้ชนะอันดับ 3 : เงินรางวัลจำนวน 30,000 บาท
#####################################################
Premsak@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…