เร่งไม่ขึ้น กินน้ำมันผิดปกติ

Brand: MITSUBISHI Model: Lancer
Year: 1999 Miles: 60001-80000
From: Sutee Apichon

คือตอนนี้ผมเพิ่งซื้อ รถมือ2มา
เป็นรุ่น Lancer 1.5 GLXi Limitedท้ายเบนซ์ ปี 99
ผมมีปัญหาดังนี้ครับ คือ
1 รถเติมน้ำมันเต็มถังวิ่งได้ประมาณ 270 กม. เองครับ วิ่งในกรุงเทพ รถติดบ้างไม่ติดบ้าง ตกประมาณเกือบ 7 กม./ลิตร ซึ่งรุ่นนี้มันน่าจะทำได้ไม่น่าต่ำกว่า 10 กม/ลิตร อันนี้ผมเพิ่งเปลี่ยนไส้กรองอากาศพร้อมน้ำมันเครื่องและไส้กรองมาใหม่ อยากทราบว่ามันจะเป็นปัญหาจากอะไรได้บ้างครับ
2 อัตราเร่ง ก้อไม่ได้ครับ เหมือนเร่งไม่ขึ้น ต้อง kick down ถึงจะเร่งขึ้น ซึ่งผมต้อง kick down ในบางจังหวะ (ไม่ได้บ่อย)
3 มันมีสียงเหมือนเสียงหวูด ดังขึ้นมาเป็นพักๆ (อื๊ดดดด….)ทั้งในขณะขับ และหลังจากจอดรถ เหมือนกับว่าพอเครื่องเย็นสนิทเสียงถึงหายไป
4 ตอนนี้ถ้าเปิดแอร์เบอร์2 เวลาคอมตัด จะเหมือนตัดแบบ 4 ครั้งติด ดัง ตึ๊กๆๆๆ เป็นช่วงๆ ไม่ทราบว่าเป็นที่อะไรครับ (เพิ่มไปเติม ฟีออนแอร์มาครับ แล้วพอให้ช่างที่เติมฟัง เค้าบอก วาวแอร์ ตัน หรือ อาจเป็นที่ switch อะไรก้อไม่ทราบ คือก่อนเติมไม่เห็นมีเสียงแบบนี้เลยครับ)

รบกวนทางอาจารย์ช่วยตอบปัญหาให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ

อาจเป็นที่ O2 senser หรือ คลัชหมด หรือ เครื่องหลวมรึปล่าวครับ ที่กินน้ำมันและเร่งไม่ขึ้น


1-คงจะต้องนำรถไปรับการปรับตั้งเครื่องยนต์ ที่ศูนย์บริการ หรืออู่ที่มีประสบการณ์ และมีเครื่องมือเช็กรถรุ่นนี้ก่อนครับ ปรับให้เรียบร้อยก่อน อาจจะเสียเงินบ้าง แต่ไม่น่าจะมากนัก หากไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่แพงแพง แต่ผมยืนยันว่า ต้องปรับตั้งเครื่องยนต์ก่อน
จากนั้น ก็ต้องปรับตั้งศูนย์ล้อ เช็กยาง เช็กกระทะล้อ เช็กเบรก คือเช็กแทบทุกส่วน ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ และดีเสียก่อน
จึงจะพูดเรื่องการกินน้ำมัน หรือไม่กินน้ำมันได้
และรถรุ่นนี้ ไม่จำเป็นจะต้องกินน้ำมัน 10 กิโลเมตรต่อลิตรในเมืองหรอกนะครับ เอาไว้เช็กเครื่อง ปรับตั้งศูนย์ล้อ เช็กเบรก เสร็จเสียก่อน ค่อยหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ถามผม ก็จะได้ความเป็นจริงอย่างนี้
ถามคนอื่น อาจจะเสนอนั่นเสนอนี่ ให้คุณเสียเงินเพิ่มจากที่จะต้องเสียเพราะการเช็กเครื่อง เช็กเบรก และเช็กศูนย์ แต่ก็ห้ามอะไรไม่ได้ ที่ผมพูดนี่ เป็นหลักความจริงอย่างแน่นอน ที่คุณจะต้องทำ ก่อนการหาอัตราสิ้นเปลือง สำหรับรถยนต์ใช้แล้วที่เพิ่งซื้อมาครับ
อย่าเพิ่งมองอย่างอื่นเลย หากจะถามผมนะ ผมตอบได้อย่างนี้
2-3 ก็คือคำตอบเดียวกับข้อ 1 นั่นแหละครับ
ส่วนข้อ 4 เรื่องแอร์ คงจะเติมน้ำยามากเกินไป และวาล์วอาจจะเริ่มเสื่อมแล้ว อย่างใดอย่างหนึ่งครับ-ธเนศร์

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts