รายงานข่าวจากแฟรงค์เฟิร์ต ระบุว่า บรรดาผู้อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ต่างพากันผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อรัฐบาลเยอรมัน ประกาศการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เกิดผลกระทบจากโรคระบาดร้ายแรง แต่ไม่สนับสนุนบรรดาผู้ผลิต ใช้วิธีการในการอุดหนุนเงินสนับสนุนแก่ผู้บริโภค มูลค่า 130 พันล้านยูโร ราว 5,200 พันล้านบาท โดยเพิ่มเงินสนับสนุนแก่ผู้ซื้อรถยนต์ปลอดมลภาวะ เพิ่มจากเดิมเป็น 2 เท่า
เงินสนับสนุนนี้ จะมอบแก่ผู้ซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จากแบตเตอรี่ และ รถไฮบริด-ไฟฟ้า ที่ปล่อยค่าไอเสียน้อยกว่า 50 กรัม/กม. โดยไม่รวมการสนับสนุนรถยนต์เครื่องยนต์ทั้งเบนซิน และดีเซล เข้าด้วย
“เราทำทุกอย่าง เพื่อสนับสนุนอนาคตของสภาพอากาศในบ้านเรา” รัฐมนตรีการคลัง โอลาฟ โซลซ์ Olaf Scholz กล่าว “ซึ่งเป็นความจำเป็น เพราะเราอยู่ในห้วงการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ของอุตสาหกรรมรถยนต์ ไปสู้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า”
ผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 40,000 ยูโร ราว 1,600,000 บาท จะได้รับเงินสนับสนุนคันละ 9,000 ยูโร ราว 360,000 บาท จากภาครัฐ 6,000 ยูโร ราว 240,000 บาท และ จากผู้ผลิตอีก 3,000 ยูโร ราว 120,000 บาท
ส่วนผู้บริโภคที่ซื้อรถไฮบริด-ไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 40,000 ยูโร ราว 1,600,000 บาท เช่นกัน จะได้รับเงิน 4,500 ยูโร จากรัฐบาล ราว 180,000 บาท และอีก 2,250 ยูโร 90,000 บาท จากผู้ผลิต
ทั้งหมดนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้านาดเล็ก จะเป็นค่ายที่ได้เปรียบ อาทิ โฟล์คสวาเก้น อีกอล์ฟ VW eGolf, บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1 ไฮบริด BMW X1 รวมทั้งค่ายเทสล่า ที่หั่นราคา โมเดล 3 ลงเหลือเพียง 39,990 ยูโร
ส่วนรถขนาดใหญ่ ที่ราคาเกิน 40,000 ยูโร แต่ไม่เกิน 65,000 ยูโร ราว 2,600,000 บาท จะได้เงินสนับสนุนราว 9,000 ยูโร ราว 360,000 บาท อาทิ อาวดี้ อี-ทรอน Audi e-tron จะได้เงินสนับสนุน 7,500 ยูโร ราว 300,000 บาท ส่วน เมอร์เซเดส- เบนซ์ จีแอลอี ได้รับ 5,625 ยูโร ราว 225,000 บาท
อีซูซุส่งเครื่อ…