บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำภาพผู้นำตลาดรถหรู รุกเต็มสูบไตรมาสสุดท้าย ขนทัพยนตรกรรม 5 รุ่นใหม่ ได้แก่ The new S-Class รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่สุดแห่งความสง่า เติมเต็มประสบการณ์แห่งการขับขี่สำหรับผู้นำให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น The new E-Class Cabriolet รถยนต์เปิดประทุนรุ่นใหม่ที่ผสมผสานดีไซน์หรูหราโดดเด่น เข้ากับความสปอร์ต ปราดเปรียวไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมรถยนต์หรูระดับอัลตร้าลักชัวรี อย่าง Mercedes-Maybach S 560 Premium และรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมจากแบรนด์ Mercedes-AMG อย่าง “GT R” รถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์แรงด้วยเทคโนโลยีแบบมอเตอร์สปอร์ต และ “GT C Convertible” สปอร์ตโรดสเตอร์ที่จะมอบความเร้าใจในทุกการขับขี่ รวมทั้งจัดทัพ นำขบวนยนตรกรรมหรูกว่า 30 คัน ครอบคลุมทุกเซ็กเม้นท์มาจัดแสดงภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป หรือมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยปรัชญาของแบรนด์ ในการมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ให้กับลูกค้าทั้งวันนี้และ วันข้างหน้า เราจึงไม่หยุดนิ่งที่จะนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำหรับปลายปี 2017 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้รุกตลาดกลุ่มสุดยอดรถหรูระดับไฮเอนด์ ครบครันทั้งจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ แบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้า ลักชัวรี อย่าง เมอร์เซเดส-มายบัค และรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม อย่างเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี รวมแล้วทั้งหมดกว่า 5 รุ่น เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์รถยนต์พรีเมี่ยมอันดับ 1 ของเมืองไทย ที่มีรุ่นรถยนต์ให้เลือกสรรมากที่สุด”
“เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงทิศทางการดำเนินงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการนำเสนอรถยนต์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป หรือมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ เราจึงได้สร้างสรรค์บูธที่มีการแบ่งโซนของรถยนต์แบรนด์ต่างๆ อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง อย่าง Mercedes-AMG แบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้าลักชัวรี อย่าง Mercedes-Maybach และแบรนด์เทคโนโลยีกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด อย่าง EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz เพื่อแสดงให้ลูกค้าได้เห็นจุดเด่นและความแตกต่างของรถยนต์แต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น”
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับรถยนต์ไฮไลท์ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในครั้งนี้ นับเป็นการสร้างสีสันให้กับตลาดรถยนต์หรูอีกครั้ง ด้วยการนำยนตรกรรมสุดหรูหลากรุ่นหลายสไตล์ มารวมไว้ในที่เดียว โดยรถยนต์ที่เรานำมาในครั้งนี้ มีทั้ง The S 350 d AMG Premium รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่สุดแห่งความสง่า มาพร้อมกับความหรูหรา ดีไซน์เหนือระดับความสะดวกสบายอัน ไร้ขีดจำกัด และระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย รวมถึงคุณสมบัติอัจฉริยะมากมาย ซึ่งส่งผลให้สมาชิกลำดับล่าสุดของรถยนต์ตระกูล The S-Class ก้าวเข้าใกล้การเป็นรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติเข้าไปอีกขั้น The new E-Class Cabriolet รถยนต์เปิดประทุนรุ่นใหม่ที่ผสมผสานดีไซน์หรูหราโดดเด่นของรถยนต์ซาลูนตระกูล E-Class เข้ากับความสปอร์ตปราดเปรียวและเร้าใจของรถยนต์สไตล์ Coupé ไว้ได้อย่างลงตัว รถยนต์หรูระดับอัลตร้าลักชัวรี อย่าง Mercedes-Maybach S 560 Premium ที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูเหนือระดับ รวมถึงรถยนต์จากแบรนด์ Mercedes-AMG อย่าง ‘GT R’ รถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์แรงด้วยเทคโนโลยีแบบ มอเตอร์สปอร์ต และ ‘‘GT C Convertible‘ สปอร์ตโรดสเตอร์ที่จะมอบความเร้าใจในทุกการขับขี่ ที่มาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอรถยนต์ในกลุ่มสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทยให้ครบครันมากยิ่งขึ้น”
“นอกเหนือจากขบวนรถยนต์มากมายที่นำมาจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34 เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้นำรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury Sedans, Dream Car และ SUV อีกกว่า 30 รุ่นมาจัดแสดง เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกชมกันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังได้เตรียมข้อเสนอพิเศษสุดมากมายเพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้า อาทิ iPhone X จำนวน 1 เครื่อง พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ซื้อ C 350 e ทุกรุ่น ตั้งแต่วันนี้ถึง 11 ธันวาคม โดยเงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯกำหนด รวมถึงแคมเปญสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ ผ่านบัตร MercedesCard รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 6,000 บาททันที พร้อมรับ VIP Code JOOX Music สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และส่งมอบรถภายใน 31 ธันวาคมนี้ นอกจากนี้สำหรับลูกค้าที่สมัครบัตรเครดิตเมอร์เซเดสการ์ดและได้รับ การอนุมัติ จะได้รับโปรแกรมชุดตรวจสุขภาพเครือร.พ.กรุงเทพฟรีมูลค่าสูงสุด 12,000 บาท อีกด้วย” มร.ฟรังค์ กล่าวปิดท้าย
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
The S-Class S 350 d AMG Premium
ยนตรกรรมหรูเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 6 สูบเทอร์โบคู่ สุดยอดนวัตกรรมที่ทำให้เครื่องยนต์ทรงพลังมากขึ้น ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น และปล่อยไอเสียน้อยลง รวมถึงคุณสมบัติอัจฉริยะมากมายที่ส่งผลให้สมาชิกลำดับล่าสุดของรถยนต์ตระกูล The S-Class ถือเป็นอีกขั้นของการพัฒนานวัตกรรมรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ, ระบบช่วยนำรถเข้า-ออก จากที่จอดอัตโนมัติ ทั้งการจอดแบบขนานและการจอดแบบเข้าซอง, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า หรือระบบช่วยหลบหลีกการชนจากด้านหน้า เป็นต้น โดยดีไซน์ภายนอก หรูหราทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ 3 ก้าน งามสง่าด้วยไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ULTRA RANGE ที่ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตรโดยอัตโนมัติหากไม่พบรถยนต์ที่ วิ่งสวนทางมา รวมถึงไฟ daytime สำหรับขับขี่กลางวันแบบ LED 3 เส้น รับกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน รวมถึงบริเวณห้องโดยสารของ The new S-Class สร้างนิยามอีกขั้นของ ความสะดวกสบาย ด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวเป็น ครั้งแรกของโลก โดยเทคโนโลยีนี้จะควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น การปรับโทนสีของไฟภายในห้องโดยสาร Premium Ambient Light ระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง รวมถึงโปรแกรมนวดของเบาะที่นั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 6 แบบ เพื่อช่วยให้ คุณผ่อนคลายตลอดการเดินทาง พร้อมการตกแต่งภายในด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม รวมถึง
ที่นั่งตอนหลังที่มาพร้อมกับ Chauffeur Seat Package ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริหารซึ่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังได้มากยิ่งขึ้น จากการปรับเลื่อนเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าไปด้านหน้าได้อีก 4 ซม. และเลื่อนขึ้นด้านบนได้อีก 3.7 ซม. จากตำแหน่งปกติ ทำให้มีพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มขึ้น
สำหรับเทคโนโลยีและระบบมัลติมีเดีย มาพร้อมกับระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า ระบบแผนที่นำทาง ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย สำหรับที่นั่งด้านหน้า ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ระบบ ความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมจอแสดงผล 2 ตำแหน่ง
The S 350 d AMG Premium มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,925 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 286 แรงม้า ที่ 3,400-4,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,200-3,200 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมีระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (AIRMATIC) พร้อมระบบควบคุมแบบอัตโนมัติ เพื่อมอบการขับขี่ที่นุ่มนวล
The new E-Class Cabriolet
E 300 Cabriolet รุ่นใหม่ล่าสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาในรูปแบบของรถเปิดประทุน 4 ที่นั่งที่ผสานรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่เร้าอารมณ์ โดย ดีไซน์ภายนอก นั้นประกอบด้วยกระจังหน้าแบบ diamond radiator grille, กระโปรงหน้าที่ทอดตัวยาว พร้อมช่องรับลมทั้งบนฝากระโปรงและ ใต้กันชนหน้าเพื่อช่วยเสริมความคล่องตัว และนวัตกรรมไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED อีกทั้งยังมาพร้อมกับหลังคา soft top แบบคลาสสิก ที่สามารถกางเปิดหรือพับเก็บได้ภายในเวลา 20 วินาที และสามารถทำงานได้ขณะรถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับ ดีไซน์ภายใน ใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนังแท้ ที่มีวัสดุเสริมด้านข้างเพื่อลดแรงกระทำต่อตัว ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อขับขี่แบบเปิดประทุน และสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรจุสัมภาระด้านหลังได้, ระบบไฟในห้องโดยสารสามารถเลือกปรับแต่งได้ถึง 64 สี, ระบบเครื่องเสียงไฮเอนท์ Burmerter® surround sound system, ระบบอินโฟเทนเม้นท์แบบ COMAND Online NTG 5.5 รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth® การคุยโทรศัพท์ผ่านลำโพงของรถ สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ และ Android Auto ในด้าน ความปลอดภัยและเทคโนโลยี มีระบบ DYNAMIC SELECT ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับรูปแบบ การขับขี่ได้ตามต้องการ, ระบบป้องกันขณะรถพลิกคว่ำ และระบบ Active Brake Assist ช่วยหยุดรถให้อัตโนมัติ
E 300 Cabriolet AMG Dynamic ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 245 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,300-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
Mercedes-Maybach S 560 Premium
Mercedes-Maybach ที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูเหนือระดับ ที่มาพร้อมกับความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ทั้งภายนอก และภายในที่เลิศหรู ล้ำสมัยในทุกอณู รวมถึงความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ที่มีมากขึ้นกว่าที่เคยด้วยความยาวตัวถัง และระยะฐานล้อที่เพิ่มมากขึ้น โดยรถยนต์รุ่นนี้มีกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ที่กลุ่มผู้บริหารระดับสูง และกลุ่มธุรกิจฟลีทกับโรงแรม ชั้นนำของเมืองไทย สำหรับให้บริการเหล่าลูกค้าคนสำคัญ
Mercedes-Maybach S 560 Premium โดดเด่นด้วย ดีไซน์ภายนอก อันหรูหราสง่างาม โดยการคงไว้ซึ่งการออกแบบบริเวณด้านหน้าให้ยังคงความหรูหราแบบ The new S-Class เอาไว้อย่างครบถ้วน กระจกหน้าต่างสีเขียว กรองแสงรอบคัน พร้อมกระจกนิรภัยด้านหลัง, ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมฟังก์ชั่น Active Light System, ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก, ล้ออัลลอยแบบ forged ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางรถยนต์แบบ Run-flat และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน MAGIC SKY CONTROL, ระบบช่วงล่างแบบ MAGIC BODY CONTROL พร้อมปิดท้ายความสมบูรณ์แบบด้วยโลโก้ “Maybach” บนฝากระโปรงหลังโดย Mercedes-Maybach มาพร้อมกับความยาว ตัวรถประมาณ 5,462 มม. (S-Class ยาว 5,271 มม.) ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
สำหรับ ดีไซน์ภายใน ยังคงเน้นการผสมผสานความหรูหรา ความนุ่มสบายขณะขับขี่ และ ความกว้างขวางเข้าไว้ด้วยกัน โดยรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง designo Exclusive semi-aniline, ด้านบนของคอนโซลหน้า และส่วนกลางของแผงประตูหุ้มหนัง nappa, ผ้าหลังคาและแผงบังแดดหน้าหุ้มด้วย DINAMICA microfibre, นาฬิกา IWC แบบอนาล็อก, พวงมาลัยนิรภัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน หุ้มหนังสลับลายไม้ พร้อมสัญลักษณ์ MAYBACH และปุ่มควบคุมแบบ Touch Control, ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือแบบ Apple Carplay™ & Android Auto, ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย สำหรับที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง และระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester® high-end 3D surround sound system
ห้องโดยสารภายใน ผ่านการออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม เหนือมาตรฐานระดับเฟิร์สคลาส ด้วยชุดเบาะที่นั่งด้านหลังที่สามารถปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องทำงานเคลื่อนที่ ที่ประกอบด้วยโต๊ะทำงาน พับเก็บได้พร้อมปลั๊กไฟ 220 โวลต์ ตู้แช่เย็นบริเวณที่นั่งด้านหลัง (Refrigerated compartment in the rear) พร้อมด้วย Rear Seat Comfort Package บริเวณเบาะด้านหลังที่มีระบบ Multicontour Seats ที่สามารถปรับปีกเบาะและส่วนดันแผ่นหลังให้เข้ากับสรีระเพื่อ ความผ่อนคลายอย่างสูงสุด และระบบ ENERGIZING Comfort Control ที่สามารถนวด ปรับสมดุลอากาศและแสงไฟภายในห้องโดยสารแบบ 64 สี เพื่อมอบความสบายตลอดการเดินทางของคุณ
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย ของ Mercedes-Maybach ได้ถูกออกแบบให้ทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมเพิ่มเติมระบบช่วยการมองเห็นยามค่ำคืน (Night View Assist Plus) และสัญญาณป้องกันการโจรกรรม พร้อมระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในรถ
Mercedes-Maybach S 560 Premium ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 3,982 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 469 แรงม้าที่ 5,250-5,550 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
Mercedes-AMG GT R
Mercedes-AMG GT R เป็นสมาชิกใหม่ ของรถสปอร์ตตระกูล AMG GT โดย ดีไซน์ภายนอก สะท้อนปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ส่วนหน้าของตัวรถมีลักษณะลาดต่ำ และกระจังหน้าแบบ Panamericana Grille (แพนอเมริกาน่า กริล) ยื่นออกไปคล้ายจมูกฉลามช่วยลดแรงกดที่ด้านหลังตัวรถ อีกทั้งยังประกอบด้วยวัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่ และล้อ forged แบบ AMG performance 10-spoke ล้อหน้า 19” และล้อหลังขนาด 20” ที่มีน้ำหนักเบา ในด้าน ดีไซน์ภายใน ใช้เบาะที่นั่งแบบ AMG Sports Bucket seats (เอเอ็มจีสปอร์ตบักเก็ต) หุ้มด้วยหนัง Nappa และเส้นใย DINAMICA Microfibre แต่งด้วยชุดแต่ง AMG Interior Night package (เอเอ็มจีอินทีเรียร์ไนท์) สำหรับ ความปลอดภัยและเทคโนโลยี มีระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยจะทำงานร่วมกับระบบ AMG RIDE CONTROL sport suspension (เอเอ็มจีไรด์คอนโทรล), ใช้นวัตกรรม AMG Lightweight Performance (เอเอ็มจีไลท์เวทเพอร์ฟอร์มานซ์) ที่เลือกสรรวัสดุน้ำหนักเบามาใช้ในการผลิต ทำให้มี ความยืดหยุ่น (ระบบควบคุมการยึดเกาะเอเอ็มจีแบบ 9 ระดับ หรือ AMG TRACTION CONTROL) เสาค้ำยึดล้อคู่หน้าช่วยลดแรงปะทะขณะเกิดอุบัติเหตุ และยางรองแท่นเครื่องยนต์และยางรองแท่นเกียร์ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ
Mercedes-AMG GT R ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ความจุกระบอกสูบ 3,982 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 585 แรงม้าที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,900-5,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 318 กม./ชม.
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C ถือเป็นรถยนต์โรดสเตอร์ที่มีสมรรถนะดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี สำหรับ ดีไซน์ภายนอก มีการเสริมสปอยเลอร์หลังที่ใหญ่ขึ้น, ล้อหลังถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับนวัตกรรมต่างๆ ที่เพลาหลัง, ใช้กระจังหน้าแบบแพนอเมริกาน่า กริล และวัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่, ฝากระโปรงหน้ายาวและทรงพลัง อีกทั้งยังมีช่องรับอากาศที่กว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีหลังคาผ้าใบ 3 ชั้น สามารถกางเปิดหรือเลื่อนปิดได้อัตโนมัติภายในเวลา 11 วินาที และใช้งานได้แม้ขณะรถวิ่งที่ความเร็วสูงสุดที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ ดีไซน์ภายใน มาพร้อมกับเบาะหนัง Nappa, พวงมาลัยเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์หุ้มหนัง Nappa และ เส้นใย DINAMICA Microfibre, แผงหน้าปัดกว้าง และห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลาย ในด้าน ความปลอดภัยและเทคโนโลยี มีระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยจะทำงานร่วมกับระบบ AMG RIDE CONTROL sport suspension (เอเอ็มจีไรด์คอนโทรล), ใช้นวัตกรรม AMG Lightweight Performance (เอเอ็มจีไลท์เวทเพอร์ฟอร์มานซ์) ที่เลือกสรรวัสดุน้ำหนักเบามาใช้ในการผลิต ทำให้มีความยืดหยุ่น, เสาค้ำยึดล้อคู่หน้าช่วยลดแรงปะทะขณะเกิดอุบัติเหตุ และยางรองแท่นเครื่องยนต์และยางรองแท่นเกียร์ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ
Mercedes-AMG GT C ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ความจุกระบอกสูบ 3,982 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 557 แรงม้าที่ 5,750-6,750 รอบ/นาที แรงบิด 680 นิวตันเมตร ที่ 1,900-5,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 316 กม./ชม.
ยนตรกรรมอื่นๆ ในบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เตรียมขนขบวนสุดยอดยนตรกรรมรวมทั้งสิ้นกว่า 30 คัน ใน ทุกเซ็กเมนต์ และรถยนต์รุ่นยอดนิยมอื่นๆ อาทิ
รถยนต์จากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่าง C 350 e Avantgarde, C 350 e AMG Dynamic, E 350 e AMG Dynamic, E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive, CLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic, GLA 200 Urban, GLA 250 AMG Dynamic, E 300 Coupé, C 250 AMG Dynamic, GLC 250 Coupé AMG Plus, GLC 250 d Offroad, GLC 250 AMG Dynamic และ E 220 d Estate
รถยนต์จากแบรนด์เมอเซเดส-เอเอ็มจี อย่าง Mercedes-AMG SLC 43, Mercedes-AMG A 45 4MATIC, Mercedes-AMG C 43 Coupé, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé และ Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupé
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขอเชิญท่านพบกับขบวนสุดยอดยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดและยนตรกรรมหลากหลายรุ่น ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปหรือมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี
###
premsak@caronline.net
มูลนิธิกลุ่มอีซ…
“มหกรรมยานยนต์ …
นายณัทธร ศรีนิเ…