ค่ายเดมเลอร์ แนะนำรถสปอร์ตสองประตู เมอร์เซเดส เอเอ็มจี จีที หวังแย่งชิงส่วนแบ่งรถสปอร์ต และลูกค้าจาก ปอร์เช่ 911 และ จากัวร์ เอฟ-ไทพ์ อาร์ ตั้งเป้าส่งถึงโชว์รูมในเยอรมัน เดือนมีนาคม ปีหน้า ใช้แบรนด์ เอเอ็มจี แยกย่อยออกมาจาก เมอร์เซเดส เบนซ์ หลังประสบความสำเร็จกับยอดจำหน่ายในรุ่น เอส-คลาส, ออฟโรด จี-คลาส และแม้แต่รถบ้านอย่าง เอ-คลาส และ บี-คลาส โดยตั้งเป้าจำหน่ายมากกว่า 40,000 คัน ในปีนี้ และจะนำออกแสดงในงาน ปารีส ออโต้ โชว์ ต้นเดือนตุลาคม นี้
ในตลาดรถสปอร์ต ค่ายโฟล์คสวาเก้น ซึ่งเป็นเจ้าของ ปอร์เช่ สามารถทำกำไรจากรถสปอร์ตได้มากที่สุด ในบรรดาผู้ผลิตรถสปอร์ตของเยอรมัน ทำให้ เมอร์เซเดส ต้องส่งรถระดับ 510 แรงม้า ขึ้นมาประกบแย่งชิงส่วนแบ่ง เพราะปีที่แล้วค่ายปอร์เช่ สามารถทำอัตราผลตอบแทนต่อยอดขายได้ราว 18 เปอร์เซนต์ เมื่อเปรียบเทียบกับ เมอร์เซเดส เบนซ์ ที่รวมเอา เอเอ็มจี เข้าไปด้วย ทำได้เพียง 6.2 เปอร์เซนต์ น้อยกว่า ออดี้ ที่ทำได้ 10.1 เปอร์เซนต์ หรือ บีเอ็มดับบลิว ที่ทำรายได้ก่อนดอกเบี้ยและหักภาษี 9.4 เปอร์เซนต์ แต่ เมอร์เซเดส เบนซ์ ก็ปฏิเสธที่จะระบุว่า ตนเองสามารถทำได้เท่าใด
เอเอ็มจี จีที ตั้งเป้าให้เป็นรถธงของบริษัท มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นคันละ 3,759,000 บาท ไปจนถึงคันละ 4,374,000 บาท ที่ยังถูกกว่า เอสแอลเอส ประตูปีกนก ที่เคยขายอยู่คันละ 7,480,000 บาท และเลิกผลิตไปแล้ว โดยจะแนะนำในตลาดอเมริกา ต่อจากแนะนำในเยอรมันแล้ว 3 เดือน
ยุทธวิธีการขายรถสปอร์ต ก็โดยการใช้นักขับ ลงทดสอบจับเวลาในสนาม เนอร์เบิร์กริง ในส่วนทิศเหนือ อันโด่งดัง ระยะทาง 22.810 กม. ทำเวลาเพียง 7 นาที 32 วินาที ด้วยยางแข่ง
ในปี 2556 ยอดขายของบรรดารถเยอรมันด้วยกันทั่วโลก บีเอ็มดับบลิว นำโด่งด้วยยอด 1.65 ล้านคัน ออดี้ ตามมาเป็นที่สองด้วยตัวเลข 1.57 ล้านคัน เมอร์เซเดส เบนซ์ ตามมาเป็นอันดับสาม ด้วยตัวเลข 1.47 ล้านคัน
เอสแอลเอส เอเอ็มจี สปอร์ตสองที่นั่ง เครื่องยนต์ วี8 4.0 ลิตร รุ่น จีที ให้กำลัง 456 แรงม้า และรุ่น จีที เอส กำลัง 503 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยเกียร์ 7 สปีด คลัทช์คู่ โดยรุ่น จีที เอส ทำ 0-100 ได้ภายใน 3.8 วินาที โครงสร้างตัวถังทำด้วยอลูมิเนียม และมีสปอยเลอร์ทำจาก คาร์บอน ไฟเบอร์ ให้เลือกแต่งได้ตามใจชอบ แต่ไม่มีที่นั่งด้านหลัง ที่ เมอร์เซเดส คุยว่า ห้องเก็บสัมภาระขนาด 350 ลิตร สามารถใส่ถุงกอล์ฟได้ 2 ถุง สบายๆ
บริษัท โตโยต้า …