หลังจากที่ได้เผยโฉมปิกอัพพันธุ์ดุรุ่นล่าสุดไปไม่นาน อีซูซุจึงได้จัดทริปพาสื่อมวลชนจำนวน 2 กลุ่มขับ “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ ไฮ-แลนเดอร์ รุ่นพิเศษ! สเทลธ์ (STEALTH)” ทะยานเหนือชั้น ดุดันทุกองศา ชมแง่มุมความงามของเมืองเก่า “หริภุญชัย” หรือลำพูน เพื่อสนับสนุนเมืองท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ไม่เป็นรองใคร
โดยบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดเชียงใหม่ โดยนัดเปลี่ยนมือรับรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮ-แลนเดอร์ รุ่นพิเศษ! สเทลธ์” กับคณะสื่อมวลชนที่มาทริปกลุ่มแรกที่ร้านอาหาร “เฮือนใจ๋ยอง” หลังลิ้มรสอาหารเหนือรสชาติดั้งเดิมร่วมกันเป็นที่เรียบร้อยจึงได้เวลาแยกย้ายขับรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ ไฮ-แลนเดอร์ รุ่นพิเศษ! สเทลธ์ (STEALTH)” พร้อมเพิ่มเติมชุดแต่งดีไซน์พิเศษ STEALTH BLACK PACKAGE ทั้งภายนอกและภายใน สะท้อนภาพลักษณ์ความแข็งแกร่ง ดุดันสมกับที่มีแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ STEALTH ที่มาพร้อมชุดกระจังหน้าที่ดูเท่ โฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่งสเกิร์ตหน้า กับกรอบไฟหน้าตัดหมอกสีดำ กับล้ออัลลอยทูโทน ขนาด 18 นิ้ว และกันชนท้ายก็ดีไซน์ใหม่ ห้องโดยสารภายในก็ดีไซน์ใหม่ด้วยสีทูโทน เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำพร้อมสัญญลักษณ์ STEALTH ที่แผงข้างประตู
อีซูซุดีแมคซ์ สเทลธ์ มีเฉพาะเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เสริมส่งความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีสีให้เลือก ได้แก่ สีดำออสเตรเลียนโคล (Australian Coal Black) และ สีขาวมุกเอเวอเรสต์ (Everest Pearl White)
และเราก็มุ่งหน้าสู่อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เพื่อไปยัง “บ้านหนองเงือก” แหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม และสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนคนยอง ชาวพม่าที่มาตั้งถิ่นฐานในลำพูนตั้งแต่เมื่อ 200 ปีก่อน หรือที่เรียกแบบภาษาถิ่นว่า “จาวยอง” เริ่มด้วยการต้อนรับด้วยน้ำลำใยสดใบเตยและขนมจ๊อกหรือขนมเทียนไส้หวาน
หลังจากนั้นก็ไปไหว้พระที่วัดหนองเงือก วัดเก่าแก่ในชุมชนที่มีไฮไลต์ คือ “คะตึก” หรือหอธัมม์ เป็นอาคารที่เก็บคัมภีร์โบราณเก่าแก่ภาษาล้านนา ซึ่งชั้นล่างมีภาพเขียนสีจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ส่วนตรงข้ามกับคะตึกนั้น เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุบรรรจุพระแก้วมรกตและพระบรมสารีริกธาตุ 101 องค์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2467 เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ของวัดและของชุมชน
จากนั้นจึงไปแวะเวียนเรียนรู้ศิลปหัตถกรรมกลุ่มต่าง ๆ อาทิ กลุ่มผ้าฝ้ายทอมือที่สืบสานภูมิปัญญามากว่า 100 ปี ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทอผ้า ซึ่งมีทั้งหมด 12 ขั้นตอน กลุ่มงานจักสานที่ทำจากไม้ไผ่แบบดั้งเดิมที่หาชมได้ยาก มีทั้ง ตาแหลวมงคล ตุงใจ ฯลฯ
นอกจากนี้ยังแวะอุดหนุน “รองเท้าจาวยอง” ที่นำยางรถยนต์มาผลิตเป็นรองเท้าดีไซน์เก๋ และมีความทนทาน จนกลายเป็นสินค้า OTOP คู่บ้านหนองเงือกมากว่า 40 ปี
ปิดท้ายด้วยการแวะร้านปิ่นฝ้าย ร้านค้าท้องถิ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากการนำเศษผ้าฝ้ายทอมือที่เหลือจากการทอผ้าในชุมชนมาตัดเย็บเป็นกระเป๋ารูปนกฮูกสีสันสดใส ดังนั้นกว่าจะออกจากบ้านหนองเงือกไปยังร้านอาหารเย็นและเข้าที่พักในโรงแรมกลางตัวเมืองลำพูน แต่ละคนจึงมีของติดไม้ติดมือกันไปคนละหลายชิ้น
เช้าวันที่สองเป็นการเที่ยวเจาะลึกย่านเมืองเก่า โดยขับเป็นขบวนไปจอดหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยเพื่อต่อรถรางนำเที่ยวของชุมชน ซึ่งกำลังมีงานเทศกาลถวายโคมแสนดวงถือเป็น 1 ใน 10 มหัศจรรย์ล้านนาที่ลำพูน จึงมีการแขวนโคมหลากสีสวยงามประดับประดาตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุเจ้าหริภุญชัย
และสักการะพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งเมืองลำพูน อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของงานประเพณีลอยกระทงหรือประเพณียี่เป็ง ซึ่งชาวล้านนาเชื่อว่าการทำโคมเป็นการบูชาพระพุทธเจ้าที่ประทับบนสรวงสวรรค์ และแสงประทีปจากโคมจะช่วยส่องประกายให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง อยู่เย็นเป็นสุข
การนั่งรถรางนำเที่ยวเริ่มจาก พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมือง อาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ซึ่งเดิมเป็นคุ้มของเจ้าราชสัมพันธ์วงษ์ กับเจ้าหญิงส่องหล้า ซึ่งบอกเล่าประวัติความเป็นมาอันยาวนานของเมืองลำพูน ผ่านภาพถ่ายของบุคคล เหตุการณ์ สถานที่ เครื่องใช้และของสะสม ซึ่งที่นี่ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยที่มีชีวิต
ผ่าน คุ้มเจ้ายอดเรือน อาคารเก่าแก่ที่สุดหลังหนึ่งในเขตกำแพงเมืองลำพูน เป็นเรือนพักอาศัยที่เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้ายสร้างขึ้นเพื่อมอบให้แก่เจ้ายอดเรือน ชายาองค์สุดท้าย ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดแสดงอาคารโครงสร้างบ้านเก่า สิ่งของ เครื่องใช้พื้นบ้าน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าผู้ครองนครลำพูน
จากนั้นได้แวะสักการะอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ซึ่งพระนางเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรม ความสามารถ และกล้าหาญ ได้นำพุทธศาสนา และศิลปวัฒนธรรมมาเผยแพร่ในดินแดนหริภุญชัยนี้จนรุ่งเรือง ต่อด้วยกิจกรรมไหว้พระทำบุญ ณ วัดจามเทวี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดกู่กุด ซึ่งตามหลักฐานจากศิลาจารึกที่พบเชื่อว่า พระราชโอรสของพระนางจามเทวีโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อถวายพระเพลิงพระนาง และบรรจุอัฐิในพระเจดีย์สุวรรณจังโกฏ เจดีย์เหลี่ยมมียอดหุ้มด้วยทองตามแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย หากแต่ต่อมาสมัยใดไม่ทราบแน่ชัด ยอดพระเจดีย์ได้หักหายไป ชาวบ้านจึงเรียกว่ากู่กุดพระเจดีย์ ซึ่งถือเป็นแบบสถาปัตยกรรมที่มีความสําคัญในศิลปกรรมสมัยหริภุญชัย
และที่ไม่ควรพลาด คือ วัดสันป่ายางหลวง ที่ติด 1 ใน 5 วัดที่สวยที่สุดในประเทศไทย ภายในวัดมีการแกะสลักลวดลายปูนปั้นไว้อย่างวิจิตรงดงาม โดยเฉพาะวิหารพระโขงเขียว ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2548 เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธอัญญรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย หรือพระหยกเขียว ซึ่งนำมาจากแม่น้ำโขง
จบท้ายที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ปูชนียสถานสำคัญในภาคเหนือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองลำพูนมาอย่างยาวนานมากกว่าพันปี และยังเป็นองค์พระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีระกา ซึ่งหากได้มากราบไหว้ขอพรก็จะเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต
หลังมื้อกลางวันที่ร้านขนมจีนหม้อดิน คณะสื่อได้จัดขบวนรถเดินทางลัดเลาะผ่านเส้นทางทุ่งที่คดเคี้ยว ซึ่งเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ของ ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ “สเทลธ์” ยังคงให้พลังแรงเต็มประสิทธิภาพ เพื่อไปร่วมทำ Workshop พิซซ่าเตาถ่านกลางไร่ ณ ทาปันรักษ์ Workshop & Farm Stay ของคุณกรรณิการ์ ตันเส้า หรือ ก้อย นักวิชาการที่มาใช้ชีวิตพอเพียงด้วยการสร้างบ้านดินเพื่อเปิดเป็นที่พักแนวฟาร์มสเตย์ ปลูกและจำหน่ายผลผลิต ตลอดจนทำอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากเกษตรอินทรีย์ โดยคณะสื่อมวลชนได้ร่วมสนุกทำพิซซ่าเตาถ่านท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ
อิ่มอร่อยกับพิซซ่าฝีมือตัวเองจนม่วนอกม่วนใจ๋กันถ้วนหน้า ถึงเวลาต้องอำลาลำพูนกันแล้ว
โดยขับรถปิกอัพกลับเชียงใหม่ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง นับเป็นทริปส่งท้ายปีของอีซูซุที่ทำให้ความสุขทะยานต่อไม่รอใครด้วยขบวนรถ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮ-แลนเดอร์ รุ่นพิเศษ! สเทลธ์” ที่ช่วยได้ค้นพบเสน่ห์และความประทับใจใหม่ ๆ จากการท่องเที่ยวทางรถยนต์ในเมืองลำพูนที่มีพระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำใยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวีศรีหริภุญชัย