พัฒนาการในยานยนต์นับเป็นสิ่งที่แต่ละบริษัท แต่ละค่าย ต่างก็ต้องคิดค้นหาสิ่งที่ดีกว่า ใหม่กว่า เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างสะดวกสบายมากขึ้น ค่ายดาวสามแฉก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็เตรียมพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อบรรจุเข้าไปใน อี-คลาส รุ่นปี 2017 เจเนอเรชั่นที่ 5 ที่มีแนวคิดจากยานยนต์ไร้คนขับ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยใหม่ๆ หลายชิ้น
มาดูกันว่า เทคโนโลยีใหม่ 6 อย่าง ที่จะเพิ่มเข้ามา มีอะไรบ้าง เริ่มแต่ การสื่อสารระหว่างยานยนต์ กับ ยานยนต์ด้วยกัน ใช้ชื่อว่า Car-to-X Communication ระบบที่สื่อสารระหว่างยานยนต์คันอื่น ด้วยสมาร์ทโฟน ผ่านเทคโนโลยี คลาวด์ Cloud ของเบนซ์ เอง โดยผู้ขับขี่จะได้รับข้อความจากรถที่จอดกีดขวางอยู่ด้านหน้า ที่สามารถแจ้งเป็นตัวอักษร หรือตรวจจับด้วยเซ็นเซอร์ของตัวรถที่มี ด้วยกล้อง หรือเรดาห์
ระบบที่สอง จะสามารถใช้สมาร์ทโฟน หรือโทรศัพท์มือถือ เป็นเสมือนกุญแจเปิด-ปิด ประตูรถได้ ในชื่อระบบ Smartphone as a Key โดยใช้เทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) เพียงซิมการ์ด ในโทรศัพท์ของคุณ สามารถรองรับเทคโนโลยี NFC นี้ได้ เจ้ามือถือของคุณก็จะทำหน้าที่เสมือนเป็นกุญแจ ยื่นเข้าไปใกล้ๆประตูด้านคนขับ ก็จะสามารถเปิดประตูรถได้ทันที และเมื่อเข้าไปอยู่ในตัวรถ ก็สามารถใช้มือถือของคุณ สั่งกดปุ่มสตาร์ทรถได้ด้วย
ระบบที่ 3 Collision Sound Mitigation พัฒนาเพื่อลดการเฉี่ยวชน กรณีที่เซ็นเซอร์ระบุได้ว่าเกิดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชน ระบบจะส่งเสียงเตือนสั้นๆ ผ่านเครื่องเสียงภายในรถ ที่จะแตกต่างจากเสียงปกติ เพื่อให้หูชั้นในรับรู้ได้ และเตรียมการหรือหลบหลีกจากการเฉี่ยวชนนั้นๆ ที่ เบนซ์ เชื่อว่าจะสามารถลดการเฉี่ยวชนได้พอควร
ระบบถัดไป เป็นระบบช่วยเตือนในการชนจากด้านข้าง Side-impact occupant protection ที่จะปกป้องผู้อยู่ภายในรถจากการชนด้านข้าง กรณีที่เซ็นเซอร์ของรถตรวจสอบว่า จะเกิดการชนจากด้านข้าง ระบบถุงลมที่อยู่ในเบาะนั่งจะทำงาน พองลมในด้านที่ตรวจจับเหตุการณ์ได้ เพื่อป้องกันผลจากการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร ได้รับแรงกระแทกโดยตรง
ตามมาด้วยระบบจอดรถด้วยสมาร์ทโฟน Remote Parking เช่นเดียวกับที่ บีเอ็มดับบลิว แนะนำไว้ใน ซีรี่ส์ 7 รุ่นปี 2016 ของค่ายเบนซ์ก็จะเพิ่มไว้ใน อี-คลาส รุ่นใหม่ โดยแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ จะเชื่อมต่อกับยานยนต์ด้วย บลูทูธ และผู้ขับขี่สามารถสั่งระบบช่วยจอด โดยออกมายืนภายนอกรถ และสั่งงานผ่านมือถือ ให้ยานยนต์เข้าจอดในช่องที่แคบหรือสั่งให้ถอยออกมาจากสถานที่แคบ เมื่อจะใช้งาน โดยสามารถสั่งงานให้จอดขนานกับขอบทาง หรือเข้าจอดในที่แคบ โดยรถยนต์จะสามารถเคลื่อนที่เป็นระยะทางถึง 10 เมตร เดินหน้า หรือถอยหลัง
ระบบสุดท้าย เป็นระบบไฟส่องสว่างหน้า High-resolution LED headlights ที่เป็นไฟ แอลอีดี ที่มีใช้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่พัฒนาขึ้นใหม่ ด้วยหลอด แอลอีดี 84 หลอด ในไฟส่องสว่างแต่ละดวง ที่สามารถควบคุมลำแสงได้อย่างแม่นยำ โดยจะปรับมุม และการส่องสว่างของไฟแต่ละดวง ตามสภาพการจราจร เพื่อเปลี่ยนมุมไม่ให้ส่องรบกวนรถคันที่อยู่ด้านหน้า ไม่ว่าจะเดินทางมาในฝั่งตรงข้าม หรือเดินทางไปในทิศทางเดียวกันก็ตาม
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…