สดๆ ร้อนๆ จากงาน เจนีวา มอเตอร์ โชว์ ซึ่งเริ่มเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 5-15 มีนาคม นี้ ที่พาเล็กซ์โป เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ในกรุงเจนีวา ครั้งที่ 85 งานแสดงที่อยู่ยั้งยืนยงมานมนาน ที่ค่ายรถยนต์ระดับโลก ไม่พลาดที่จะเข้าร่วมมาโดยตลอด โดยรอบผู้สื่อข่าว เริ่มกันมาตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม เรามาเริ่มไล่เรียงกันดูว่ามีใคร ยี่ห้อไหน เอาอะไรมาโชว์กันบ้าง ไล่กันตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ เริ่มต้นด้วยตัว เอ ไปเลย
เริ่มกันที่ค่ายอังกฤษ แอสตัน มาร์ติน ที่มีซูเปอร์คาร์ ตัวแรง ในชื่อ วุลคัน Vulcan มาพร้อมเครื่องยนต์ วี12 ความแรง 800 แรงม้า พร้อมเกียร์ซีเควนเชี่ยล เอ็กแทรค 6 สปีด ผู้สื่อข่าวตั้งให้เป็น ไฮเปอร์คาร์สำหรับวิ่งในสนามเท่านั้น ตั้งราคาแค่ 72 ล้านบาทขาดตัว เตรียมพร้อมรับมือกับตัวแรงจากค่ายอื่นอย่าง แมคลาเรน พี1 จีทีอาร์ หรือ เฟอร์รารี่ เอฟเอ็กซ์เอ็กซ์เค โดยกำหนดจะลงสนามแข่งขัน เลอมันส์ 24 ชม. ในเดือนมิถุนายน นี้ ตั้งเป้าผลิตแค่ 24 คัน โดยผู้สนใจสั่งซื้อโปรดแสดงความจำนงได้ เพราะแอสตัน จะนำท่านไปฝึกการบังคับรถใหม่ ด้วยมือระดับแชมป์ เลอมันส์ ดาร์เร็น เทอร์นเนอร์
ไฮเปอร์คาร์คันนี้ ไม่เหมือนกับรุ่นอื่นที่หน้าตาเหมือนกันไปหมด หัวหน้าทีมออกแบบ ใส่ชุดแอโรไดนามิค มาพร้อมสปอยเลอร์ท้ายขนาดใหญ่ เพื่อให้มีแรงกดไม่ให้รถลอยจากพื้นเพราะความแรง ด้วยคาร์บอน ไฟเบอร์ ช่องรับลมกลางฝากระโปรงหน้า รวมทั้งให้ผ่านมาตรฐาน เอฟไอเอ พร้อมลายเส้นตลอดคัน ที่เชื่อว่าจะนำมาใช้กับ ดีบี9 หรือ วี8 แวนเทจ ในอีกสองปีข้างหน้า ด้วยนำ้หนักตัวที่เบาขึ้น เหลือเพียง 1,350 กก.
ส่วนรถโชว์ที่สามารถวิ่งบนถนนหลวง แอสตัน มาร์ติน นำเสนอ แวนเทจ จีที3 Vantage GT3 เครื่องยนต์ วี12 595 แรงม้า ที่บอกว่าจะผลิตแค่ 100 คัน
ตามมาด้วยค่าย ออดี้ โดยนำเสนอในบู๊ธ 4 รุ่น ออดี้ อาร์8, ออดี้ อาร์เอส3, ออดี้ โพรล็อค อะวานท์ และ ออดี้ คิว7 อี-ทรอน รถไฟฟ้าที่มาเป็นคู่ต่อสู้ของ บีเอ็มดับบลิว ไอ8 โดยตัวซูเปอร์คาร์ คือ อาร์8 ใช้เครื่องยนต์ วี10 602 แรงม้า คลัทช์คู่ วางกลาง และขอยืมเกียร์มาจาก ลัมบอร์กินี่ ฮูราคาน เอส โทรนิค ทำความเร็ว 0-100 ได้ภายใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. ใช้โครงสร้างตัวรถจากอลูมิเนียม และคาร์บอน ไฟเบอร์ นำ้หนักตัวน้อยกว่ารุ่นเดิม 50 กก. แต่ความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 40%
รุ่นใหม่นี้ใช้ไฟส่องสว่างหน้า เป็น แอลอีดี แถมด้วยอุปกรณ์พิเศษที่ต้องจ่ายเพิ่ม ไฟสูงที่ส่องได้ไกลถึง 600 ม. ส่วนสปอยเลอร์หลังเป็นแบบยกตัวขึ้น เมื่อถึงระดับความเร็ว ใช้ล้อ 19 นิ้วเป็นมาตรฐาน แต่มีกะทะล้ออัลลอย 20 นิ้ว เป็นอุปกรณ์พิเศษ
และยังมีรุ่นรถไฟฟ้า อาร์8 อี-ทรอน R8 e-tron ให้กำลัง 456 แรงม้า แรงบิด 920 นิวตันเมตร วิ่งได้ระยะทาง 450 กม. ทำความเร็ว 0-100 ได้ภายใน 3.9 วินาที โดยจะออกขายจริงภายในปีนี้ ด้วยราคาที่อังกฤษ 4 ล้าน 8 แสนบาท
อีกคันเป็นเจเนอเรชั่นสอง ของ อาร์เอส3 เครื่องยนต์เทอร์โบ 5 สูบ 2.5 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำความเร็ว 0-100 ได้ภายใน 4.3 วินาที และความเร็วสูงสุดได้ 280 กม./ชม. เพื่อมาปะทะ เมอร์เซเดส เอ45 เอเอ็มจี
ยี่ห้อที่ 3 เป็นของ เบนท์เล่ย์ ซูเปอร์คาร์ไฮบริด ชื่อรุ่น อีเอ็กซ์พี 10 สปีด 6 คู่ต่อกรของ แอสตันมาร์ติน แวนควิช และ เฟอร์รารี่ เอฟ12 ซูเปอร์คาร์ 2 ประตู 2 ที่นั่ง ที่มีกระจังหน้าขนาดใหญ่ ใช้ลายเป็นตะแกรง ด้วยโลโก้ บนฝากระโปรงหน้า ไฟส่องสว่างหน้า ล้อมรอบด้วยไฟกลางวันเป็นแอลอีดี แยกออกจากไฟหรี่ หลังคาด้านหลังลาดลง ไฟเบรกทรงรียาว ล้อกับปลายท่อไอเสียโครเมียมสองด้าน
ภายในตัวรถ พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมาย เบาะหนังอย่างดี ใช้ลายไม้แซมด้วยโครเมียม จอทัชสกรีน ค่ายโฟล์คสวาเก้น วางแผนจะขึ้นสายการผลิตในอีกอย่างน้อย 3 ปีข้างหน้า โดยต้นแบบคันนี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน และระบบไฮบริด วี8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ จาก คอนติเนนตัล จีที
ตามมาด้วยค่ายใบพัดฟ้าขาวจากมิวนิค บีเอ็มดับบลิว นำเสนอ ซีรี่ส์ 1 หน้าใหม่ ที่มีเครื่องยนต์เบนซินทั้งแบบ 3 สูบ และ 4 สูบ กับเครื่องดีเซล และ ซีรี่ส์ 2 แกรนทัวร์เรอร์ 7 ที่นั่ง
ซีรี่ส์ 1 กำหนดออกจำหน่ายในอังกฤษปลายเดือนนี้ โดยปรับโฉมด้านหน้ามากที่สุด เปลี่ยนไฟส่องสว่างหน้า ให้เรียวขึ้น พร้อมไฟกลางวันเป็น แอลอีดี หรือจะส่ังให้เป็นไฟ แอลอีดี ทั้งหมดก็ได้ แบบเดียวกับรุ่น เอ็ม สปอร์ต ที่เป็นมาตรฐาน ด้านหลังก็ปรับไฟท้ายให้เรียวลงเช่นกัน กระจังหน้าเป็นแบบใหม่ ส่วนภายในเปลี่ยนวัสดุหุ้มเบาะใหม่ มีอุปกรณ์พิเศษให้เลือกเป็น ระบบนำทางผ่านดาวเทียม พร้อมจอทัชสกรีน 8.8 นิ้ว แต่ถ้าเป็นรุ่นปกติ หน้าจอแค่ 6.5 นิ้ว ส่วนระบบปรับอากาศ เป็นมาตรฐาน
เทคโนโลยีใหม่ ก็เพิ่มระบบการจอดรถเข้าช่อง การจอดรถขนานขอบทาง ระบบครุยส์คอนโทรล ใช้เรดาร์ ตรวจจับรถคันหน้า ระบบดับเครื่องยนต์เมื่อจอด และติดเมื่อเหยียบคันเร่ง
เครื่องยนต์ในตระกูลใหม่ ที่ใช้ร่วมกับ มินิ รุ่นที่มาตรฐาน 116ดี เอฟฟิเชียล ไดนามิค พลัส 116d EfficientDynamics Plus ดีเซล 3 สูบ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 114 แรงม้า ที่สามารถปล่อยค่าไอเสียได้ 89 กรัม/กม. และมีเครื่องดีเซลใหม่ 4 สูบ 2.0 ลิตร มาใน 3 ระดับ 148ดี ให้กำลัง 148 แรงม้า, 120ดี ให้กำลัง 187 แรงม้า และ 125ดี ให้กำลัง 221 แรงม้า ทำ 0-100 ได้ภายใน 6.3 วินาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ยกเว้นรุ่น 120ดี เอ็กซ์ไดร๊ฟ ที่ได้ ออโต้ 8 สปีด
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…