ตามมาด้วยค่ายเกาหลี ฮุนได เปิดตัวในหลากรุ่น เริ่มด้วย ไอ30 i30 ห้าประตู คู่ต่อสู้ของ โฟล์ค กอล์ฟ ปรับโฉมมาใหม่ พร้อมเกียร์ออโต้ 7 สปีด กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม ที่เลียนแบบกันไปเกือบทุกรุ่น แต่มาพร้อมการปรับแต่งเครื่องยนต์ใหม่ รุ่นนี้ใช้ เบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตร ให้กำลัง 813 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ทำ 0-100 ได้ภายใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุด 215 กม./ชม. ที่ดูจะไม่แรงเท่าที่ควร แต่ฮุนได บอกว่า เครื่องยนต์ที่พัฒนาใหม่นี้เพื่อช่วยในการลดค่าไอเสีย และประหยัดเชื้อเพลิง
อุปกรณ์มาตรฐาน ถุงลมนิรภัย 6 ใบ มีกะทะล้ออัลลอย 18 นิ้ว ไฟเดินทางกลางวัน เป็นแอลอีดี ไฟส่องสว่างซีนอน ท่อไอเสียคู่ ระบบเตือนเปลี่ยนเลน ครุยซ์คอนโทรล จอทัชสกรีน 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม ระบบเสียง 6 ลำโพง
เครื่องยนต์ มีให้เลือกเบนซิน 1.6 ลิตร และดีเซล 1.6 ลิตร พร้อมเกียร์ 7 สปีด คลัทช์คู่ ที่เล่นได้เหมือนเกียร์ตัวโชว์ธรรมดาถัดมาเป็น ฮุนได ไอ20 i20 คูเป้ 3 ประตู ตั้งเป้าจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ที่หน้าตาค่อนข้างใกล้เคียงกับรุ่นพี่ใหญ่ แต่ให้ความรู้สึกเตี้ยลงมาหน่อย มาพร้อมกะทะล้อ 17 นิ้ว ที่คุยว่าถึงจะเป็นรถสามประตู แต่พื้นที่ภายในห้องโดยสารขนาดค่อนข้างใหญ่ บอกว่าใหญ่กว่า ฟอร์ด โฟกัส 5 ประตู เสียอีก
เทคโนโลยีสมัยใหม่ มีระบบตรวจจับการเปลี่ยนเลน พวงมาลัยไฟฟ้า ให้เป็นอุปกรณ์พิเศษ มีเครื่องยนต์เบนซิน 1.25 ลิตร และ 1.4 ลิตร กับเครื่องยนต์ดีเซล 1.1 ลิตร และ 1.4 ลิตร และเตรียมแนะนำรุ่น 3 สูบ 1.0 เทอร์โบ ปลายปีนี้ มีให้เลือกทั้งขนาด 99 แรงม้า และ 123 แรงม้า
ค่ายฮุนได ประกาศแผนงานปี 2017 ในงานนี้ด้วย โดยออกแบบรถรุ่นใหม่ๆ ในยุโรป พร้อมส่งประกอบที่โรงงานในตุรกีโดยประกอบทั้งรุ่นคูเป้และ แฮทช์แบ็ค เพื่อจำหน่ายในอังกฤษปีละ 20,000 คัน
รุ่นใหญ่ขึ้นมามีทั้ง ไอ40 ซาลูน และเอสเตท ที่ปรับปรุงทั้งเครื่องยนต์ และภายใน นักข่าวบอกว่าน่าจะเป็นรถที่ดีที่สุดในคลาสนี้ก็ว่าได้ เพราะใช้วัสดุชนิดใหม่ ดูแปลกตา จอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว ที่ตอบสนองเร็วกว่าเดิม พร้อมหน้าจอ แอลซีดี ให้ข้อมูลเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซลที่ปรับปรุงใหม่ 1.7 ลิตร ซีอาร์ดีไอ ให้กำลัง 139 แรงม้า ได้แรงบิดเพิ่มจากเดิมอีก 15 นิวตันเมตร แต่ได้ค่าสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้น รวมทั้งค่าไอเสียดีขึ้นเช่นกัน เพราะเพิ่มระบบ สตาร์ท/สต็อพ ยางลดแรงต้าน อัลเตอร์เนเตอร์พัฒนาใหม่ และกระจังหน้าปิดป้องกันลมปะทะได้เอง ระบบควบคุมการเลี้ยว ที่ช่วยให้ลิมิเต็ดสลิป ทำงานควบคุมได้ดีขึ้น ไม่ลื่นไถล ระบบควบคุมการเปลี่ยนเลน ก็เพิ่มไฟสูงส่องสว่างอัตโนมัติ เพื่อเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนเลน และระบบตรวจอ่านป้ายควบคุมความเร็ว แล้วแสดงให้ผู้ขับเห็น
รุ่นสุดท้าย เป็นเอสยูวี ในโค๊ด ไอเอ็กซ์35 ix35 หรือบ้านเรารู้จักกันในชื่อ ทูซอน Tucson หนนี้ออกแบบใหม่ในยุโรป รวมทั้งโรงงานประกอบเช่นกัน แต่ยังรักษากระจังหน้าขนาดใหญ่ ทรงหกเหลี่ยมเอาไว้ ใช้โครงสร้างเดียวกับ เกีย สปอร์ตเทจ แต่ใช้วัสดุดีกว่า และปรับปรุงระบบเชื่อมต่อโซเชียล มีเดีย มีอุปกรณ์พิเศษ ระบบช่วยจอดที่ทันสมัย ระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบเตือนด้านหลัง ที่ใช้เลเซอร์สแกน 180 องศา เพื่อเตือนผู้ขับขี่หากมีรถเข้ามาขณะถอย
ทูซอน รุ่นใหม่ ยาวกว่ารุ่นเดิม 65 มม. กว้างกว่า 30 มม. และเพิ่มช่วงล้ออีก 30 มม. ทำให้เนื้อที่ห้องโดยสารเพิ่มขึ้น โดยใหญ่กว่าคู่แข่งอย่าง นิสสัน แคชไคว ถึง 85 ลิตร
เครื่องยนต์มีให้เลือก เบนซิน 1.6 จีดีไอ ให้กำลัง 133 แรงม้า และรุ่นเทอร์โบจะได้ 173 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แต่ตัวแรงให้เป็น ออโต้ 7 สปีด คลัทช์คู่ ส่วนเครื่องดีเซล มีตั้งแต่ 1.7 ลิตร 113 แรงม้า, 2.0 ลิตร 133 แรงม้า และ 180 แรงม้า มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ ออโต้ 6 สปีด โดยรุ่นดีเซล 2.0 มีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อด้วย
ตามมาด้วยค่ายจี๊ป มาพร้อมรถพ่วงห้อยท้ายรถครอสโอเวอร์ เรเนเกด ที่เหมือนกับโปรโมท โมพาร์ ค่ายอุปกรณ์ตกแต่ง แต่จุดเด่นอยู่ที่จอทัชสกรีนขนาดใหญ่ ที่ซ่อนอยู่ในรถพ่วง หน้าตาเหมือนกับบั้นท้ายของจี๊ปตัวจริง รุ่น เทรลฮอล์ค Trailhawk แต่เพิ่มสีพ่นเข้าไปให้สวยงาม
ในตัวรถพ่วง จี๊ป ตั้งใจให้เป็นส่วนที่โชว์เทคโนโลยี ยูคอนเน็ค Uconnect ระบบให้ความบันเทิงและข้อมูลรุ่นล่าสุด พร้อมจอทัชสกรีน จุดแพร่สัญญาณไว-ไฟ เข้าถึงวิทยุทางอินเตอร์เน็ต เชื่อมต่อโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค และสภาพการจราจรปัจจุบัน และอื่นๆ พร้อมบันทึกเพลงโปรดที่จี๊ปใช้ในการสื่อสารอีก 25 เพลง เปิดให้ฟังกันทั้งวัน
ถัดมาเป็นค่ายเกาหลี ที่ไม่ค่อยโด่งดังในบ้านเราเท่าไรนัก เกีย มาด้วยรุ่น พิคานโต Picanto ที่ออกแบบใหม่ กระจังหน้าเปลี่ยนไป พร้อมกะทะล้อ 14 นิ้วลายใหม่ ทั้งรุ่น 3 และ 5 ประตู ภายใส เปลี่ยนวัสดุใหม่ มีให้เลือก 3 สี แดง เหลือง และน้ำตาล พร้อมจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว หรือจะเลือกออพชั่น ครุยซ์ คอนโทรล และระบบควบคุมความเร็วก็มีให้เลือก
เครื่องยนต์ 3 สูบ 1.0 ลิตร ปรับให้ผ่านมาตรฐานยูโร 6 แต่ไม่ให้รายละเอียด นอกจากบอกว่า ปรับระบบเบรกใหม่ ด้วยจานเบรกที่ใหญ่ขึ้น สามารถหยุดรถความเร็ว 100 กม./ชม. ภายใน 37 เมตร เรียกว่าบอกกลายๆ ว่า ของฉันแรงนะ
อีกคันหนึ่งเป็นสปอร์ต สเปซ คันสีแดง ออกแบบในแฟรงค์เฟิร์ต ด้วยวิศวกรยุโรป ที่เกีย ตั้งใจจะส่งรถออกตลาดให้ครบรุ่น รวมทั้งให้ถึงเป้าขายในยุโรปให้ถึง 500,000 คัน ภายในปี 2020 หน้าตายังแบบเดิม กระจังหน้าจมูกเสือ เส้นสายเรียบๆ แต่บั้นท้ายเหมือนไปขอยืม ชูตติ้งเบรก มาใช้
เครื่องยนต์ของ ออพติม่า คันนี้ เป็นดีเซล 1.7 ซีอาร์ดีไอ และจะเสริมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน และ ไฮบริด ไฟฟ้า ที่ เกีย ค่อนข้างจะโด่งดังในเรื่องระยะทางที่ได้มากกว่าเพื่อน
อีกคันหนึ่งเป็นซูเปอร์คาร์ ตัวแรง โคนิกเซ็ก Koenigse ประตูปีกนก เรียกตัวเองว่า เมกะคาร์ megacar ที่ตั้งเป้าจะเป็นรถที่แรงที่สุดจากสายการผลิต ด้วยเครื่องยนต์ วี8 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ติดตั้งที่ล้อคู่หลัง และ เพลาข้อเหวี่ยง เพื่อช่วยเพิ่มแรงบิด แบตเตอรี่ขนาด 9.27 กิโลวัตต์/ชม. กำลัง 1,782 แรงม้า แรงบิด 2,000 นิวตันเมตร ชื่อรุ่น เรเกร่า Regera ต่อจากรุ่น อะเกร่า อาร์ ที่โด่งดัง Agera R จากสวีเดน ตั้งเป้าผลิตเพียง 80 คัน
โคนิกเซ็ก บอกว่า นี่จะเป็นรถแรงที่สุดที่เคยผลิตกันมา สามารถทำความเร็วถึง 400 กม./ชม. ได้ภายใน 20 วินาที ถ้ามีถนนให้วิ่ง และถ้าวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าอย่างเดียว จะไปได้ไกล 60 กม.
จอดอยู่คู่กันก็มี อะเกร่า อาร์เอส เครื่องยนต์ วี8 5.0 ลิตร ให้กำลัง 1,144 แรงม้า พร้อมระบบเชื่อมต่อ 3จี และมีแอร์โรไดนามิคเพื่อการขับขี่ในสนามแข่ง สปอยเลอร์ด้านหลัง ยกขึ้นตามความเร็วของรถ รวมทั้งแผ่นผิดส่วนห้องเครื่องยนต์ด้วย ตั้งเป้าผลิตเพียง 25 คันเท่านั้น