Brand: TOYOTA Model: Corolla
Year: 1992 Miles: 40001-60000
From: เกรียงไกร สันตยากร
: 1992
ผมขอรบกวนสอบถามปัญหาดังนี้ครับ ขณะนี้รับราชการอยู่ที่บังกลาเทศ
ได้ซื้อรถยนต์มือสอง โตโยต้า โคโรลลา รุ่นปี 1992 ใช้เครื่อง 2E ขนาด
1,300 ซีซี รถวิ่งมาแล้วเพียง 59,223 กิโลเมตร แต่มีปัญหาดังนี้ครับ
1. เวลาเครื่องเย็นแล้วสตาร์ทจะสะดุดและสั่นมาก ต้องวิ่งไปอย่างน้อย
สามหรือสี่กิโลเมตรจนเครื่องร้อนแล้วจึงจะหาย จึงได้นำรถเข้าศูนย์โตโยต้า
เปลี่ยนสายคอยย์ไปหนึ่งเส้นครับ อาการก็ดีขึ้นเล็กน้อยอยู่หนึ่งอาทิตย์
จากนั้นเครื่องก็สะดุดและสั่นมากไม่มีแรงเลย
2. รถมีควันสีขาวออกมากที่ท่อไอเสียและมีกลิ่นน้ำมันเบนซินด้วย
3. ได้นำรถเข้าศูนย์โตโยต้าอีกครั้งหนึ่้งแต่ปรากฏว่าช่างเปลี่ยนหัวเทียน
ให้หัวเดียวและบอกว่าหากไม่หายจะต้องเปลี่ยนแหวนลูกสูบ
4. จะเป็นไปได้หรือครับที่ว่ารถวิ่งเพียงเกือบหกหมื่นกิโลเมตรจะชำรุด
ที่แหวนลูกสูบ ช่างไม่ได้ตรวจละเอียดเลยเพียงแต่เปลี่ยนหัวเทียนแล้วก็บอก
เช่นนั้น (ช่างที่บังกลาเทศไม่มีความรู้ความชำนาญใด ๆ เลยครับแม้นว่าจะเป็น
ช่างของศูนย์เอง และไม่สามารถหาช่างที่ไหนได้ด้วย เพราะเป็นเมืองที่ยากจน
ที่สุดในโลกครับ)
5. จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาการทั้งหมดเกิดจากทองขาว และคอนเดนเซอร์
ไม่ดีครับ
6. ขอคำแนะนำด้วยครับว่าจะซ่อมอย่างไรดีเพราะไม่สามารถพึ่งช่าง
ที่ไหนได้เลย จะต้องหาอะไหล่มาเปลี่ยนด้วยตนเองครับ
ตอนที่เข้าศูนย์ต้องเปลี่ยนสายพานไดชาร์จไปหนึ่งเส้นเนื่องจากแตกมากครับ
ถ้าสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ช่างยนต์ในแถวที่คุณอยู่ ไม่ค่อยรู้เรื่องรถยนต์ เครื่องยนต์เลย ตามที่คุณบอกไป ผมขอตอบอย่างนี้ครับ
1-อาการแรก น่าจะเกิดเพราะหัวเทียนบอด เนื่องจากน้ำมันเครื่องเข้าห้องเผาไหม้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาการก็ฟ้องมากเหลือเกินว่า สายหัวเทียนหมดอายุแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดทุกเส้น น่าจะดีขึ้น แต่ เมื่อข้อสอง บอกว่าควันขาวมาก ก็ต้องดูกันก่อนว่า รถกินน้ำมันเครื่องหรือไม่ น่าจะกินเพราะน้ำมันเครื่องเข้าห้องเผาไหม้ ซึ่งน่าจะผ่านจากยางตีนวาล์วลงไปครับ
2-ยางตีนวาล์วน่าจะรั่ว ไม่ต้องยกเครื่อง เพราะไม่ถึงแหวนลูกสูบแน่นอน ถ้าถึงแหวนลูกสูบสึกมาก น่าจะเห็นจากการมีควันออกทางท่อหายใจของห้องข้อเหวี่ยง หรือเปิดฝาเติมน้ำมันเครื่องออกก็จะเห็นมีควันพลุ่งขึ้นมาเป็นระลอกระลอก แต่นี่ คุณไม่ได้บอก ก็น่าเชื่อว่า จะเป็นแค่ยางตีนวาล์ว น้ำมันรั่วเช้าไป และเข้ามากด้วย ทำให้หัวเทียนบอด จุดระเบิดไม่ดี จึงมีกลิ่นน้ำมันเบนซินออกมาทางท่อไอเสียด้วย
เสียดายนิดเดียว ว่าคุณไม่ยอมบอกว่า เป็นเครื่องคาร์บิว หรือหัวฉีด เพราะบ้านเรา มีทั้งสองแบบ ในระหัสเดียวกัน ผมก็ไม่ทราบเสียด้วยว่าที่บังคลาเทศนั้น จะเป็นอย่างไร น่าจะบอกไปให้ครบ จะได้วินิจฉัยอาการได้ดีกว่านี้ครับ คือถ้าเป็นคาร์บิว ก็อาจจะนมหนูคราก หรือปรับตั้งผิด แต่หากเป็นหัวฉีด ก็เหลืออยู่อย่างที่ผมบอก และอาจจะเป็นเพราะหัวฉีดรั่ว เออ เป็นได้หลายอย่างเช่นกัน ที่ทำให้เหม็นน้ำมันเชื้อเพลิง คุณไม่บอกไป ผมก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร บอกไม่ได้หมดหรอกครับ สำหรับเรื่องกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงนี่ เดี๋ยวผิดไปไกล เพราะหากบอกในแบบคาร์บิว เครื่องของคุณผ่าเป็นหัวฉีด ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
3-หาประแจแหวนตัวใหญ่ใหญ่ ฟาดกระบานช่างสักโป๊กเถิดครับ แหม แล้วกัน จะดูอาการง่ายเกินไปกระมังช่างเอ๋ย ทำไมไม่วัดแรงอัดกระบอกสูบดูก่อนละครับ
4-เป็นได้ เท่ากับไม่น่าเป็นไปได้ คือพูดง่ายง่ายว่า คำถามของคุณ ไม่ได้ให้โอกาสคนตอบเลยครับ พูดกันอย่างนี้ดีกว่า คงไม่โกรธกัน เพราะอ่านคำถามดูเอาเองซีครับ แล้วจะเห็นเลยว่า ผมจะตอบได้อย่างไร เพราะเหตุการณ์อย่างนี้ เกิดได้เสมอ ช่างก็อาจจะถูก ในเวลาเดียวกัน ช่างก็อาจจะผิด แต่คุณจะพิสูจน์อย่างไร ถ้าไม่วัดกันอย่างถูกต้อง ผมเองก็ไม่เห็นรถ จะไปรู้ได้อย่างไรว่าช่างผิด จริงไหมครับ อย่าถามอย่างนี้ดีกว่าครับ มีอะไรเป็นปัญหาทางเทคนิค ก็ถามไปได้ทุกอย่าง แต่ปัญหาของความรู้สึกนึกคิด จะถามทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีประโยชน์ทั้งกับคุณ และผมเลยครับ ตอบก็เสี่ยง ไม่ตอบก็ไม่ดี เฮ้อ
5-ไม่น่าเป็นไปได้ทั้งหมด เพราะขั้นแรก รถคุณไม่น่าจะใช้ทองขาวในจานจ่ายแล้ว เพราะเป็นรุ่นปี คศ.1992 น่าจะเป็นสตาร์ หรือเป็นแบบอีเล็กทรอนิกแล้ว ส่วนคอนเดนเซอร์ โอกาสเสียยากมาก และเสียก็จะไม่มีอาการควันไอเสียเป็นสีขาวอมฟ้าแบบกินน้ำมันเครื่องด้วย เออ ว่าแต่ว่า รถกินน้ำมันเครื่องหรือเปล่า หรือกินน้ำหล่อเย็นล่ะครับนี่ ผมไม่ทราบเสียด้วย ว่ากินอะไรแน่ คุณไม่ให้รายละเอียดเลยนี่ครับ ขอรายละเอียดหน่อยครับ จะได้ช่วยกันได้ดีกว่านี้
6-ยังไม่รู้เลยว่า จะให้ซ่อมที่จุดไหน แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่า ควรซ่อมอย่างไรดี เอาใหม่ครับ ขอรายละเอียดแยะแยะหน่อยครับ อย่างที่ผมตั้งข้อสงสัยไว้น่ะครับ แล้วค่อยว่ากันอีกที
จะได้ลงมือกันเลย หากคุณสามารถซ่อมเองได้นะครับ ขอข้อมูลอีกทีครับ-ธเนศร์
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…