Brand: HONDA Model: City
Year: 1997 Miles: 80001-100000
From: จักรทิพย์ จันทร์กอง
สวัสดีครับ ผมพึ่งขอมาเป็นสมาชิกของเว็บคาร์ออนไลน์ครั้งแรกครับ เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์และให้ความรู้มาก โดยเฉพาะกับคนที่ใช้รถใช้รา และตอนนี้ผมก็มีปัญหามาปรึกษาอยู่ 3-4 ข้อครับผม
1. ผมซื้อรถมือสองจากญาติ ยี่ห้อ Honda รุ่น City เกียร์ Auto ปี 97 รถวิ่งน้อย 7 หมื่นเศษๆ ไม่เคยชนหนักเลยมีแต่เฉี่ยวๆเสาบ้านกระจกมองข้างหัก และถอยชนมอเตอร์ไซต์สีถลอกนิดหน่อย แต่ว่าเวลาสตาร์ทรถจะมีเสียงดังมาก คิดว่าน่าจะเป็นเสียงเครื่องยนต์ครับผม เพราะยังไม่เปิดแอร์เลย อยากทราบว่ารถรุ่นนี้ปกติมันเสียงดังอยู่แล้วหรือว่าน่าจะมีอาการอย่างไรครับ
2. เวลาหักเลี้ยวรถ จะมีเสียงดังอี๊ดๆที่บริเวณล้อขวา ด้านหน้า น่าจะเกิดจากอะไรครับผม
3. ผมซื้อรถมาได้ประมาณ 3 เดือนกว่าๆ วิ่งไปแล้วประมาณ 4พันกิโล ยังไม่เคยเข้าศูนย์ตรวจเช็ดอะไรเลย
ควรจะตรวจเช็คอะไรบ้างครับ เพราะที่จะให้การขับขี่ปลอดภัยและรักษารถให้ใช้ได้นานๆ
4. ตั้งแต่ซื้อรถมาผมยังไม่เคยเติมน้ำหม้อน้ำเลย เพราะมันไม่เคยลดลงจากระดับเลยครับ ไม่ทราบว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ เพราะตั้งแต่ซื้อมาผมใช้รถวิ่งกว่า 4 พันกิโล แต่น้ำในหม้อน้ำแทบไม่ลดเลย เคยเปิดดูแต่ก็ยังเต็มทั้งในหม้อพักน้ำและในหม้อน้ำ
5. ถ้าจำเป็นต้องเติมจำเป็นต้องผสมกับน้ำยาหม้อน้ำตามอัตราส่วน 1 : 1 หรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับผม
จักรทิพย์…
1-ความดังของเสียง ที่ว่าดังมากกับดังน้อย ผมให้ความเห็นไม่ได้ครับ เพราะอย่างน้อย คุณก็ไม่มีเสียงมาให้ผมฟังด้วย จริงไหม ฮ่า ฮ่า
ดังนั้น ต้องขอตัวครับ เอารถไปให้ศูนย์บริการฟังดีกว่า ถามผม ผมก็ต้องตอบอย่างนี้แหละ เพราะหากไปบอกคุณว่า ให้ทำอะไร ซ่อมอะไร เดี๋ยวก็จะไปกันใหญ่ เกิดมันไม่ได้ดังเกินไป แต่คุณหูดีเกินกว่าคนอื่นเขา ผมไม่เสียคนหรือ ลองนึกดู
2-เป็นเพราะเสียงยางเบียดพื้นครับ ต้องดูครับ ว่าพื้นที่คุณหักเลี้ยวนั้น เป็นพื้นคอนกรีตแบบขัดมันหรือไม่ ปกติหากขัดมัน จะดังแทบทุกคัน
ลองดูที่อื่น บริเวณอื่นดูก่อน
แล้วสูบลมยางให้ได้ที่ คือราว 30 ปอนด์ จากนั้น ก็ต้องดูเนื้อหน้ายางด้วย ว่าแข็งไปหรือไม่ โดยหยิกดู หากหยิกแทบไม่เข้าแล้ว ก็ใช่เขาละ ยางใกล้หมดอายุ ควรมองหายางใหม่ได้แล้ว
และหากเป็นทุกที่ เราค่อยเอารถไปตรวจตั้งศูนย์ล้อ แต่ต้องหลังจากที่ตรวจเติมลมและดูความแข็งของหน้ายางก่อน
3-ผมว่า ควรจะเปลี่ยนของเหลวในรถให้หมด แล้วนับหนึ่งใหม่ น้ำมันเครื่องเปลี่ยนที่ 10,000 กิโลเมตร น้ำมันเกียร์อัตโนมัติที่ 50,000 กิโลเมตรเปลี่ยนแบบ Flush&Fill ส่วนน้ำระบายความร้อนเปลี่ยนทุกปี ไม่จำเป็นต้องดูกิโลเมตร
สายพาน เปลี่ยนทุกแสนกิโลเมตร หรือหกปีแล้วแต่อย่างไหนจะถึงก่อนกัน
แค่นั้นเองครับ
4-ก็ไม่เป็นไร แต่ก็ควรจะทำอย่างข้อ 3 เพื่อให้หมดเรื่องกันไป จะได้ใช้รถได้อย่างสบายใจ
5-ไม่จำเป็นต้องผสมครับ สำหรับน้ำที่ใช้เติม แต่หากเปลี่ยนน้ำทั้งระบบ ต้องผสม 1:1-ธเนศร์
มาสด้า เซลส์ ปร…
มูลนิธิกลุ่มอีซ…
“มหกรรมยานยนต์ …