เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอบคุณคนไทยกับความสำเร็จในการจัดแสดงทัพรถยนต์ไฟฟ้า (xEV)ที่มาพร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำภายใต้แนวคิด “Innovation Builds Better Future” ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 พร้อมคว้า 6 รางวัลการันตีคุณภาพจากผู้จัดงาน โดย ORA Good Cat และ HAVAL H6 ขึ้นแท่นรุ่นรถของเกรท วอลล์ มอเตอร์ 2อันดับแรกที่ถูกใจคนไทยมากที่สุด ส่วนกิจกรรม ORA Good Cat Autonomous Drivingได้รับความสนใจมากที่สุด
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้นำทัพรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำสมัยมาจัดแสดงให้ชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42
พร้อมสร้างสรรค์กิจกรรมที่น่าสนใจขึ้นมากมาย เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมงานได้มีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์ที่ดีไปด้วยกันได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้บูธ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และสามารถคว้ากว่า 6 รางวัลโดยเฉพาะรางวัล Best Experience Pavilion Award จากผู้จัดงานไปครอง และจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้มาเยี่ยมชมบูธ พบว่า ORA Good Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ชื่นชอบสูงสุดจากผู้บริโภคชาวไทย อยู่ที่ 48% ตามมาด้วย All New HAVAL H6 Hybrid SUV เป็นอันดับที่สองที่ 35.4% โดยเหตุผลที่ชอบคือ การออกแบบภายนอกที่ 45.6% และการออกแบบภายในที่22.2%
นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย เผยว่า “ในปีนี้เป็นปีแรกที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีโอกาสได้นำทัพรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) โดยเฉพาะ All new HAVAL H6 Hybrid SUV ซึ่งได้เผยโฉมเป็นครั้งแรกของโลกที่งานนี้ รวมไปถึงรถยนต์ไฟฟ้าจากทั้งแบรนด์ ORA และ POER และนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยมาจัดแสดง โดยทุกๆ กิจกรรมภายในบูธ เราได้สร้างสรรค์มาจาก 3 กลยุทธ์หลักของเรา คือ 1) xEV Leader การเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้า 2) Consumer Voice Focus ที่เรายังคงมีการสำรวจความคิดเห็นเพื่อรับฟังเสียงของผู้บริโภคที่งาน และ 3) New User Experience ที่เรามีกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากบูธอื่นๆ ซึ่งเราขอขอบคุณทุกเสียงตอบรับและการสนับสนุนที่ดีจากทั้งทางผู้จัดงานและผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความสนใจมาเยี่ยมชมและร่วมสนุกกับกิจกรรม ที่บูธของเราอย่างล้นหลาม ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวความสำเร็จของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดประเทศไทย อีกทั้งเป็นเหมือนบรรทัดฐานให้เรามุ่งมั่นนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าxEV นวัตกรรม เทคโนโลยี ตลอดจนออกแบบและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคของเราอย่างต่อเนื่องและมั่นคง”
นอกจากทัพรถยนต์ xEV และนวัตกรรมที่จัดแสดงในโซนต่างๆ แล้ว ผู้มาเยี่ยมชมบูธยังสามารถสแกนและดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น GWM Fun เพื่อนำไปร่วมสนุกกับกิจกรรมภายในบูธ โดยผลสำรวจพบว่าตลอด 12 วัน ในการจัดงาน มียอดดาวน์โหลด GWM Fun รวมทั้งสิ้น 2,865 ยอดดาวน์โหลด โดยกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การทดลองนั่งรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ อยู่ที่ 41.8% นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ผู้มาเยี่ยมชมบูธของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดยส่วนใหญ่ 57.3% เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างสนใจเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) อยู่แล้ว และอีก 35.8% เป็นกลุ่มที่สนใจเรื่องรถยนต์ไฟฟ้ามาก โดยปัจจัยอันดับหนึ่งที่ทำให้คนเหล่านี้สนใจรถยนต์ไฟฟ้า คือ เรื่องของนวัตกรรมอันทันสมัย อยู่ที่ 45.2% โดยแบรนด์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นหนึ่งในแบรนด์อันดับต้นๆ ที่ลูกค้าพิจารณาเมื่อต้องการซื้อรถยนต์คันใหม่ในอนาคต อยู่ที่ 38.5% และจากการเข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ ยังทำให้มียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น GWM l More than just a car App เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยมียอดดาวน์โหลดรวมทั้งหมดกว่า 5,336 ยอดดาวน์โหลด[1]
นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังย้ำความมั่นใจด้วยการประกาศลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหรือพาร์ทเนอร์ (Partner) กลุ่มแรกในไทย เพื่อนำร่องเปิด Partner Store ที่มาพร้อมโชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 17 แห่ง
ทั่วประเทศ และยังมีแผนการเปิด GWM Store ซึ่งเป็นโชว์รูมของเกรท วอลล์ มอเตอร์ เอง โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์วางแผนที่จะมีจำนวน Partner Store และ GWM Store รวมกันอย่างน้อย 30 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ความสำเร็จจากงานบางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก (Global Mobility Technology Company)” จะก้าวสู่การเป็น Top of Mind แบรนด์รถยนต์ของคนไทยทีละก้าวอย่างมั่นคง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบยานยนต์ และเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคชาวไทย ควบคู่ไปกับการยกระดับอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไกลและเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน
[1] (ข้อมูลอัพเดท ณ เวลา 10.30 น. วันที่ 5 เมษายน 2564)