บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย รถยนต์ไฟฟ้า VOLT CITY EV แต่ผู้เดียวในประเทศไทย ส่งมอบรถ VOLT CITY EV ล็อตแรกจำนวน 10 คันให้แก่บริษัท ฮ้อปคาร์ จำกัด (HAUP) เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าให้กระจายไปสู่กลุ่มลูกค้าที่นิยมใช้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในใจกลางเมือง
นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ประธาน บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด เปิดเผยว่าจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่าง อีวี ไพรมัส กับ ฮ้อปคาร์ อีวี ไพรมัส ได้มีการปิดดีลความร่วมมือ เสริมทัพส่งรถยนต์ไฟฟ้า VOLT CITY EV เข้าร่วมใน PLATFORM ของ แอพพลิเคชั่นคาร์แชร์ริ่งของ HAUP CAR โดย VOLT CITY EV เป็นรถไฟฟ้าแบบใช้ในเมือง เดินทางระยะสั้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่นิยมใช้รถยนต์ไฟฟ้า ขนาดเล็กในใจกลางเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ แบบไม่มีข้อผูกมัด โดยใช้บริการแบบเช่าระยะสั้น
“เรามีความยินดีอย่างมากที่ ฮ้อปคาร์ ตัดสินใช้ VOLT CITY EV ใน PLATFORM HAUP CAR ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าเราและฮ้อปคาร์ โดยตรง เพราะ VOLT CITY EV สามารถทำราคาเช่าระยะสั้นที่น่าดึงดูด และ คุ่มค่าได้กว่ารถรุ่นอื่นๆที่ใหญ่กว่าในตลาด ในส่วนของเรานั้น ฮ้อปคาร์ ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับลูกค้าที่กำลังรอคอยการส่งมอบรถ VOLT CITY EV สามารถสัมผัสและขับขี่รถของเราได้อย่างง่ายดายด้วยการจองผ่าน Application ของ ฮ้อปคาร์ ตามระยะเวลาที่ต้องการที่เริ่มต้นเพียง 30 นาที และระยะจองนานที่สุดไม่เกิน 7 วัน” นายพิทยา กล่าว
นายพิทยา กล่าวด้วยว่าขณะนี้ มีลูกค้าจำนวนมากรอการส่งมอบรถ VOLT CITY EV จาก อีวี ไพรมัส ขณะเดียวกัน คนไทยอีกไม่น้อยที่ให้ความสนใจรถ VOLT CITY EV แต่ยังไม่มีโอกาสสัมผัสตัวรถจริง จึงยังไม่ได้จองรถ VOLT CITY EV ดังนั้นระบบคาร์ แชร์ริ่ง ของ ฮ้อปคาร์ จึงเป็นบริการที่ตอบโจทย์ ลูกค้าที่ได้จองรถ แต่ยังไม่ได้รับรถ และกลุ่มที่ยังไม่ได้จองรถกับอีวี ไพรมัส ได้มีโอกาสสัมผัสรถ VOLT CITY EV ที่ใช้งานจริง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง
ทางด้านนายกฤษฎิ์ วิชัยวัฒนาพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮ้อปคาร์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริการคาร์แชร์ริ่งของ บริษัทฯ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่เน้น ความสะดวกสบายในการใช้รถเพื่อการเดินทางในภารกิจในแต่ละวัน โดย ฮ้อปคาร์ มีจุดให้บริการลูกค้า มากกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศและมีรถพร้อมให้บริการมากกว่า 2,000 คัน โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตั้งแต่ขนาดเล็กกระทัดรัดไปจนถึงรถขนาดใหญ่ เพื่อตอบสนอง ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในปัจุบัน
บริษัทฯ เล็งเห็นความต้องการในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขยายส่วนธรุกิจให้เช่ารถยนต์ ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในแอพพลิเคชั่น โดยการใช้เทคโนโลยี เช่น IoT และ embeded technology solutions เพื่อความปลอดภัยในการให้เช่ารถยนต์ อีกทั้งยังสะดวกและรวดเร็วในการใช้บริการ ตามวิถีการใช้ชีวิตใน เมืองของคนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า equal access to mobility.
“เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลกซึ่งกำลังรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนก้าวไปสู่สังคม Zero Carbon ซึ่งตอนนี้เรามีรถยนต์ไฟฟ้าให้บริการแล้ว 300 คันและเราจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 600 คันในปี พ.ศ. 2568” นายกฤษฎิ์ กล่าว
ฮ้อป คาร์ เป็นแอพลิเคชั่นที่ให้บริการเช่ารถยนต์ส่วนตัวแบบคาร์แชร์ริ่ง (Car Sharing) ช่วยให้เดินทางสะดวก ทันใจ และปลอดภัย ไร้สัมผัสทุกขั้นตอน ดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน HAUP ได้ง่าย ๆ เพียงแค่สมัครลง ทะเบียน กดเลือกวันเวลา จุดรับรถ และรุ่นรถยนต์ที่ต้องการใช้งาน เมื่อไปถึงรถตามเวลาที่จองไว้สามารถ ปลดล็อกรถผ่านมือถือหรือบัตร HAUPCARD ได้ด้วยตนเอง
HAUP มีบริการรถยนต์ในแอพลิเคชั่นอยู่หลากหลายประเภท อาทิ รถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า EV Scooter และหลากหลายแบรนด์ ประกอบด้วย MG ZS EV, MG EP EV, MG 4 EV, Nissan Leaf, BMW iX3, BMW 530e, BMW X3e, Lexus UX 300e, Toyota Prius PHEV, Toyota C-pod, BYD Atto3 และล่าสุด VOLT CITY EV
ปัจจุบันมีจุดรับรถทั่วกรุงเทพและและปริมณฑล พร้อมให้บริการในจุดจอดใกล้ BTS/MRT และที่พัก คอนโดต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการใช้งาน สามารถเลือกเช่ารถจากจุดจอดที่ใกล้ท่าน หรือที่ทำงาน โดยสามารถจองล่วงหน้าเพียง 15 นาทีเท่านั้น มีบริการเช่ารถระยะสั้นตั้งแต่ 30 นาที และระยะยาวไม่เกิน 7 วัน โดยคิดค่าบริการตามเวลาและแพ็กเกจระยะทางที่เลือกเอง ไม่มีค่าใช้จ่าย อื่นเพิ่มเติม
“เรามีปรัชญาการให้บริการลูกค้าที่ชัดเจนเรื่อง Mobility for Everyone เราอยากให้การเดินทางเป็นเรื่องง่าย และสะดวกที่สุดสำหรับทุกคน ซึ่งเราต้องยอมรับว่าการเดินทางเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับบ้านเรา และเราคิดว่าคนไทยควรเข้าถึงรถยนต์ได้ ดังนั้น บริการของเราจึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับ คนไทยที่จะเข้าถึงรถยนต์ตามหลักการ access economy และ equal access to mobility โดยไม่จำเป็น ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการเป็นเจ้าของรถยนต์ แต่ใช้บริการของเราที่เปรียบเสมือนการเข้าถึงรถยนต์ แต่สามารถนำเงินก้อนใหญ่ดังกล่าวไปลงทุนในทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นที่อยู่อาศัยหรือที่ดิน แทนที่จะลงทุนครอบครองทรัพย์สินที่เสื่อมค่า” นายกฤษฎิ์ วิชัยวัฒนาพาณิชย์ กล่าว