ผมกลับจากญี่ปุ่นด้วยของเล่นเล็กเล็กน้อยน้อย จากร้าน www.yodobashi.com แห่งย่านชินจูกุ
ของเล่นเหล่านั้น ส่วนมากก็จะเป็นอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์ เช่นไมโครโฟนสเตอริโอ สำหรับเครื่องบันทึกเสียงดิจิตอลตัวจิ๋ว และหูฟังแบบเสียบกับแบบปิดหู สำหรับเครื่อง iPod และอื่นอื่น ที่ไปเดินเล่นอยู่เสียสองวันเต็มเต็มในร้านนั้น
ไม่กล้าซื้อรองเท้า หรือไวน์มามากเหมือนเคย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ขี้เกียจซื้อกระเป๋าเพิ่มอีกเท่านั้นเอง เพราะตอนแรกนั้น คิดกันอยู่นาน ว่าจะเอากระเป๋าใบใหญ่ไปอีกใบหนึ่งดีหรือไม่ ภริยาผมปฏิเสธที่จะเอาไป แต่แล้วก็มาคิดถึงตอนหลัง ต้องไปหาซื้อกระเป๋าลากใบเล็กมาแทนจนได้อีกใบหนึ่ง
ก็เลยไม่ได้ซื้อไวน์ และของใหญ่ใหญ่อะไรทีไหนมาเพิ่ม ทั้งที่หนังสือและเอกสารที่ได้จากงานโตเกียวมอเตอร์โชว์จะแยกส่ง DHL มากรุงเทพฯก่อนแล้วก็ตาม
ได้แค่ไวน์ปี 2005 มาสามขวด กับเหล้าญี่ปุ่นแบบ Single Malt และ Pure Malt อย่างละขวดเท่านั้น
คือผมไม่กินแล้วละครับ เหล้านะ แต่เอามาฝากเพื่อนพ้องน้องพี่ในกลุ่มห้อง BP ของพันทิปดอทคอม ที่บ่นอยากกิน Malt ของญี่ปุ่นเหลือเกินก่อนผมเดินทาง แต่ไม่ได้เอาแบบ 18 ปี เพียงแค่ 12 ปีก็พอแล้วนะเพื่อนนะ
เหล้า Pure Malts นั้น เป็นเหล้าที่ผสมขึ้นจากสุราข้าวมอลท์นานาพันธุ์ และน่าจะปลูกในหลายแห่ง ส่วน Single Malt ก็เป็นสุราจากข้าวมอลท์พันธุ์เดียวตรงไปตรงมา บ้างก็ว่า สุรามอลท์แบบซิงเกิ้ลรสดีกว่า ในขณะที่บางท่านก็บอกว่า เหล้าเพียวมอลท์ซีดีกว่า เพราะคัดเลือกเหล้าจากข้าวมอลท์หลายหลากที่ล้วนแล้วแต่ชั้นยอดทั้งสิ้น
ผมเคยแต่กินเหล้าเพียวมอลท์ยี่ห้อเกรนฟิชดิช ฟาดเข้าไปเพียวเพียว ไม่ผสมน้ำแข็ง เพื่อรักษารสชาติ แต่เห็นคนกินในปัจจุบันเขาผสมโซดาบ้าง น้ำบ้าง กับเหล้ามอลท์ ก็ดูพิกลอยู่นิดหน่อย แต่ไม่ได้ถือสาอะไร ใครจะกินอย่างไหนเมื่อไรก็ได้ทั้งนั้นอยู่แล้ว สำหรับผมไม่มีหลักมีเกณฑ์อะไรยึดถือหรอกครับ
วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ก็จะเอาไปกินกันที่งานถ่ายรูปเพื่อจัดงานแต่งงานของหลานคนหนึ่ง ที่มาขอให้ผมเป็นเจ้าภาพในงานแต่งงานของเขา
ที่ผมไปอยู่ในญี่ปุ่นช่วงหลังจากกลุ่มสื่อมวลชนที่ฮอนด้าพาไปนั้น กลับกันมาแล้วนี่ ฝนตกแทบทุกวัน ไม่เหมือนช่วงแรกที่ไม่มีฝนเอาเลยจนวันสุดท้าย แต่ก็อุตส่าห์บุกบั่นไปโยโกฮามาจนได้ละครับ ไปกินเนื้อราคาถูก กับเดินหาเสื้อลายสก๊อชต์ ที่ Sea Side Outlet แต่ไม่มีขนาดของผมเลยสักร้าน มาได้เอาที่เอกิฮาบารา อัดมาเสียเจ็ดตัวเลยทีเดียว อยากราคาถูกดีนัก ตัวละไม่ถึงสองร้อยบาท สมน้ำหน้า
เราทั้งหมดได้นั่งพูดคุยกับประธานกรรมการของฮอนด้า ญี่ปุ่น ในงานมอเตอร์โชว์ และได้พบกับผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของฮอนด้า ที่บริษัทฮอนด้าในโตเกียวก่อนวันไปชมงานมอเตอร์โชว์ เพื่อทำความเข้าใจกับแนวความคิดของฮอนด้าก่อนการชมของจริง
ก็ได้แนวมาว่า ฮอนด้ากำลังมุ่งมั่นก้าวเข้าไปสู่การควบคุมมลภาวะอย่างจริงจัง
และไม่มองอย่างอื่นนอกจากเดินเข้าหาแนวทางการใช้ไฮโดรเจน เพื่อใช้กับระบบฟิวล์เซลล์ หรือเซลล์พลังงานอย่างมั่นคง
เพราะฮอนด้าเห็นว่า ฟิวล์เซลล์นั้นยากที่สุดแล้ว ถ้าแม้นว่า จะมีการเบรคทรูของแบตเตอรี่ หรือระบบไฟฟ้าใดใดขึ้นมาในระหว่างการเดินทางไปสู่โลกฟิวล์เซลส์ของยานยนต์นั้น ฮอนด้าก็ยังแวะรับเทคโนโลยีที่เปิดให้ได้อยู่แล้ว โดยไม่เสียเวลา ด้วยว่า ฟิวล์เซลส์เป็นเทคโนโลยีที่สูงกว่าระบบอื่นที่ใช้ไฟฟ้าอยู่แล้วนั่นเอง
และเครื่องยนต์ ICE นั้น ไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงใดใดก็ตามแต่ ฮอนด้าก็ยอมรับว่า ความสามารถของเครื่องยนต์ในการแปลงพลังงานความร้อนมาเป็นพลังงานกลนั้น คงทำได้อยู่แถวแถวระดับร้อยละสามสิบห้าสามสิบเจ็ด
และก็จะเป็นอย่างนั้นตลอดไป ไม่ว่าจะมีการเปิดโอกาสให้วิศวกรเครื่องกลอย่างใด ก็ไม่มีโอกาสเขยิบขึ้นมาทำได้สักห้าสิบหรือหกสิบเปอร์เซนต์ เหมือนกับพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น โดยเฉพาะฟิวล์เซลส์
ดังนั้น แทนการพยายามวุ่นวายกับเครื่องยนต์ดีเซล หรือเครื่องยนต์ไฮโดรเจน ฮอนด้ามุ่งหน้าไปขีดสูงสุดอันได้แก่ฟิวล์เซลส์เสียเลย ไม่ดีกว่าหรือ
ซึ่ง ผมก็เถียงไม่ออก
เมื่อเอาแนวความคิดของฮอนด้ามาพิจารณา ร่วมกับเรื่องราวของรถยนต์ยุโรปชั้นนำบางยี่ห้อ เท่าที่ทราบนั้น รถยุโรปหลายยี่ห้อก็ล้วนแล้วแต่ก้าวเลยขั้น Euro 5 ไปถึงระดับ Euro 6 แล้วทั้งสิ้น
แต่ไม่สามารถนำมาใช้ในบ้านเราได้ ด้วยติดขัดเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ไทยไม่ยอมผลิตระดับกำมะถันต่ำออกมาให้กับน้ำมันดีเซล แม้จะทำได้ แต่ก็ยังไม่ยอมทำ จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่
เรื่องพวกนี้ ผมก็รู้ดีอยู่แล้วว่า เป็นนโยบายของพรรคการเมือง ที่จะต้องเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงรายใหญ่ของแต่ละประเทศ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในด้านการเงินการสนับสนุน นับตั้งแต่ประเทศสหรัฐอเมริกา มาจนถึงประเทศเล็กประเทศน้อยในโลกที่สองและที่สาม
อย่างน้อยน้อยก็เห็นชัดเจนในประเทศสารขันต์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่ด้วยเช่นกัน
คนที่รู้เรื่องเหล่านี้ดี ก็คือพวกกลุ่มที่ทำงานอยู่กับผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป อันได้แก่ผู้นำเข้ารถยนต์ยุโรปหลายยี่ห้อนั่นแหละครับ แต่ไม่มีใครกล้าหรือมีใครคิดจะพูดมากปากโป้งออกมา เพราะมีโอกาสเป็นไข้โป้งกันได้ง่ายง่าย
ถึงผมเองก็เถิด พูดอะไรได้แค่นี้ ก็ถือเอาเองว่าดีถมไปแล้วละครับ
—————————————————————–