เมื่อเร็วเร็วนี้ บริษัทฮอนด้าออโตโมบิลประเทศไทยจำกัด ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ซึ่งเป็น เจเนอเรชันที่ 10 รุ่นเทอร์โบ บนเส้นทางภาคเหนือ จากตัวเมือง จ. เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่อ.ดอยสะเก็ด จ. เชียงใหม่ รวมระยะทางกว่า 172 กิโลเมตร
ก่อนเริ่มกิจกรรมทดสอบสมรรถนะ Honda Accord 1.5 Turbo ELก็ได้รับฟังข้อมูลและรายละเอียดของรถ จาก มร. เท็ตซึยะ มิยาฮะระ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนา ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น
รถที่เราไปขับในครั้งนี้ เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 243 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 5,500 รอบต่อนาที และรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
ภายนอก
ดูโฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายอันเฉียบคม ด้วยรูปทรงแบบคูเป้ Coupe คือท้ายลาดเพื่อให้รถลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสต์ ชอบนะ มองด้านข้างทันสมัย สวยดี
ไฟหน้าและไฟท้าย LED ที่ดีไซน์ดูลงตัวกับกระจังหน้าสไตล์ใหม่ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
มือจับเปิดปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ ระบบปรับน้ำฝนแบบอัตโนมัติ
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ
เสาอากาศแบบครีบฉลาม
ท่อไอเสียคู่ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว
ภายใน
พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ดูสปอร์ตการจัดวางดูลงตัว
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่ม รับ-วางสายโทรศัพท์ รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เป็นต้น มี Paddle Shift ที่พวงมาลัย
แอร์แบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมแยกอิสระซ้ายขวา มีช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
มีช่อง USB ด้านหน้า 2 ช่อง และในกล่องตรงคอนโซลกลางระหว่างคนขับกับผู้โดยสารอีก 1 ช่อง แต่ที่นั่งด้านหลังไม่มีช่อง USB มีแต่แอร์
ถึงเวลาขับจริง
Honda Accord 1.5 Turbo EL เพื่อการเดินทางในครั้งนี้มีรถทั้งหมด 4 คัน ไปคันละ 2 คน บนเส้นทางจากตัวเมืองจ. เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ อ.ดอยสะเก็ด จ. เชียงใหม่
โดยดิฉันไปกับคุณประกาศิต ปริญญาชัยศักดิ์ (คุณแชมป์) บรรณาธิการนิตยสาร WhatCar?Thailand โดยคุณแชมป์ขับไปก่อน ส่วนดิฉันเป็นผุ้โดยสารนั่งข้างคนขับ
เมื่อเปิดประตูก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารก็จะรู้สึกถึงความกว้างของตัวรถ ที่นั่งฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง คือเลื่อนเข้าเลื่อนออก เอนหน้าเอนหลัง แต่ไม่สามารถปรับสูงต่ำได้
ช่วงล่างที่นั่งไปด้านหน้ารู้สึกเฟิร์มดี คือช่วงล่างไม่ได้นิ่มนวลมากหรือแข็งเกินไป รู้สึกถึงความแน่นของช่วงล่างแบบรถสปอร์ต
ภายในห้องโดยสารเงียบนะคะ เสียงจากภายนอกเข้ามารบกวนน้อยมาก เพราะว่าเขาบอกว่า อัดโฟมเก็บเสียง ถึง10 จุดในจุดที่เสียงสามารถลอดเข้ามาได้
เมื่อถึงจุดเปลี่ยนคนขับ ก็ถึงคิวของดิฉันแล้วละคะ ก้าวขึ้นรถที่นั่งนี้ถ้าเราตั้ง memory ไว้เวลาขึ้นไปนั่งเค้าจะปรับที่นั่งให้โดยอัตโนมัติตามที่เราตั้งไว้
เมื่อไม่ได้ตั้งไว้ขึ้นไปก็ต้องปรับที่นั่งด้านคนขับที่ปรับด้วยไฟฟ้าได้ถึง 8 ระดับและที่ดันหลังปรับได้ถึง 4 ระดับ เอาใจคนขับมาก
ดิฉันปรับที่นั่งสูงเลยแบบที่ชอบ
แล้วก็ออกเดินทาง สตาร์ทเป็นแบบ Push Start เหยียบคันเร่งลงไปครั้งแรกก็รู้สึกว่ารถตอบสนองได้ดีแต่ไม่ออกตัวปรู๊ดปร๊าดนะคะ มีโหมดให้เลือกในการขับขี่ 2 โหมดคือ Eco และSport ซึ่งจะอยู่ตรงคอนโซลกลางหลังเกียร์ ก็ถ้าอยากให้แรงมากกว่าเดิมก็เปลี่ยนเป็น Sport โหมดได้เลย
เกียร์ CVTและ Turbo ทำงานร่วมกันอย่างดี ความเร็วมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มออกตัวถนนสายนี้ขึ้นเขาเ ลงเขาเยอะเป็นทางคดเคี้ยว และส่วนใหญ่จะ 2 เลน และช่วงนี้กำลังทำถนนกันหลายช่วงมาก รถค่อนข้างเยอะ และต้องขับด้วยความระมัดระวัง
รถคันนี้เวลาเราแซงจะมี ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนของกระจกมองข้างด้านซ้าย(Honda LaneWatch)ทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ซึ่งเราต้องใช้อัตราเร่งแซงบ่อยมากเลย เพราะส่วนใหญ่ถนนจะเป็นแบบ 2 เลน และเป็นทางคดเคี้ยวด้วย ก็ทำให้เห็นพละกำลังของรถคันนี้ว่าเมื่อเรากดคันเร่งลงไป แรงก็มาอย่างต่อเนื่องทันที อัตราเร่งแซงดี การเกาะถนนดี
ช่วงล่างกำลังดีไม่นุ่มหรือกระด้างจนเกินไป ให้ความรู้สึกแบบรถสปอร์ต
พวงมาลัยกระชับมือมี Paddle Shift ที่พวงมาลัย รวมถึงโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต(Sport Drive Mode) ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงอารมณ์สปอร์ตได้อย่างแท้จริง
เบรกมือจะเป็นแบบกดปุ่ม
เป็นรถที่ขับสนุก และเมื่อถึงที่พักริมทาง ดิฉันก็เปลี่ยนให้คุณChamp ขับซึ่งคุณแชมป์ก็ยินดีขับให้นั่งโดยดิฉันไปเป็นผู้โดยสารที่เบาะหลัง
ที่นั่งเบาะหลังกว้างนั่งสบาย ถ้ามองจากภายนอกอาจจะคิดว่ารถแบบ Coupe ด้านหลังจะแคบ แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด ที่นั่งด้านหลังกว้างค่ะ มีแอร์ด้วย แต่ไม่มีช่อง USB ต้องเสียบจากคอนโซลกลาง
เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุก
ที่เก็บสัมภาระะด้านหลังก็กว้างมากอยู่แล้ว เพราะสามารถใส่ถุงกอล์ฟได้ถึง 4 ใบ
ในส่วนของอุปกรณ์ความปลอดภัย
ก็มีถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง
ระบบป้องกันล้อล็อคและระบบกระจายแรงเบรก ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวเมื่อเข้าโค้ง ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ ระบบช่วยออกตัวเมื่ออยู่บนทางลาดชัน
ระบบล็อคอัตโนมัติเมื่อกุญแจห่างจากตัวรถ
สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหันและอีกหลายอย่าง
ที่เพิ่มเติมมาเป็นพิเศษก็คือ
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ที่ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยจะใช้กล้องในการจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 8 นิ้ว
กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย
ในจังหวะที่เกียร์ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน (เฉพาะรุ่น TURBO EL และ รุ่น HYBRID)
ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) โดยระบบจะตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัย และแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT หากประสิทธิภาพในการควบคุมรถของ
ผู้ขับขี่ลดน้อยลงจนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ระบบจะส่งสัญญาณเสียงและทำการสั่นเตือนที่พวงมาลัย
ซึ่งคันที่ขับนี้กินน้ำมันอยู่ที่ 13.4 กิโลเมตร/ ลิตรโดยขับแบบใช้งานจริงเร็วบ้างช้าบ้างแซงด้วย
ซึ่งทางฮอนด้าได้บอกไว้ว่าคันนี้ประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตรต่อลิตรซึ่งดีกว่าเครื่องยนต์ 2.0 ในรุ่นเก่า
เติมน้ำมัน E 85 ได้
ยางขนาด 225/50/R17 มียางอะไหล่ให้ด้วยซึ่งส่วนใหญ่รถปัจจุบันนี้จะให้เป็นอุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว ความจุถังน้ำมัน 56 ลิตร
ราคา ก็ 1,475,000
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือ Honda Accord 1.5 Turbo EL
เครื่องเล็กแต่ก็แรงนะเพราะมีเทอร์โบ เป็นรถที่ขับสนุก ภายในกว้างขวาง บรรทุกได้เยอะช่วงล่างแน่น เกาะถนนดี
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา (อาลองรีวิว)
ผู้หญืงขับรถ
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…
บริษัท มิตซูบิช…