อาลองรีวิว ลองขับ Honda Accord Hybrid ใหม่รุ่น Hybrid Tech 2019(มีClip)

ปัจจุบันนี้ทั่วโลกล้วนคำนึงถึงสภาวะแวดล้อมและลดมลพิษ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนล้วนก็เพิ่มมาเรื่อยเรื่อย

รถไฮบริดถึงจะไม่ใช่รถพลังานไฟฟ้า 100 %ก็เป็นรถพลังงานสะอาดที่น่าใช้อีกรุ่นหนึ่ง และเมื่อเพิ่มเทคโนโลยี่ทั้งการขับเคลื่อนและความปลอดภัยด้วยแล้วก็ยิ่งน่าสนใจยิ่งขึ้น นั้นก็คือ ฮอนด้าแอคคอร์ดเจเนอเรชั่นที่ 10 ที่เราจะพูดถึง

โดยเมื่อเร็วเร็วนี้บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัว Honda Accord ใหม่ทั้งรุ่น1.5 Turboและรุ่น 2.0 ไฮบริด ซึ่งรุ่นเทอร์โบเราก็ได้ไปขับมาแล้วเมื่อเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา


และในครั้งนี้ทางฮอนด้าก็ได้ เชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด บนเส้นทางจากอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มุ่งหน้าสู่ อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา รวมระยะทางกว่า 153 กิโลเมตร


ก่อนเริ่มกิจกรรมการทดสอบสมรรถนะ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ก็ได้รับฟังข้อมูลและรายละเอียดของการพัฒนาฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ จาก มร. เท็ตซึยะ มิยาฮะระ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนา ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น

ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ระบบขับเคลื่อนแบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ซึ่งเป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า


ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid ที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเจเนอเรชันที่ผ่านมา

แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ โดดเด่นด้วยไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED กับกระจังหน้าสไตล์ใหม่พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED
เสาอากาศครีบฉลาม

ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้วขนาดยาง 235/45 R18 


และซันรูฟพร้อมระบบ One-Touch
รถจะเป็นลักษณะแบบ Coupe หรือเราเรียกว่าคูเป้ มองจากด้านข้างท้ายลาดลง รู้สึกว่ามองด้านข้างสวยกว่ามองด้านหลัง(ความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียน)

 

การออกแบบภายในห้องโดยสาร
มีฟังก์ชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก อย่างเช่น ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-Up Display: HUD)
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว


ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI


พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่ม รับ-วางสายโทรศัพท์ รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI

 

ไม่มี Paddle  Shift (ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย)

มีแต่ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)


ระบบนำทางเนวิเกเตอร์


ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECTซึ่งเราต้องดาวน์โหลดโปรแกรมมาในมือถิอ เหมือนเป็นเลขาส่วนตัวเลยเปิดดูจะทราบระยะการเข้าศูนย์ เข้าแต่ละครั้งราคาเท่าไหร่ จะมีการคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างคร่าวคร่าวให้ หรือเมื่อรถจอดอยู่ แล้วมีการเคลื่อนย้ายรถเราในโปรแกรมก็จะเตือนขึ้นมาว่ามีการขยับรถของเราแล้ว  เมื่อรู้แล้ก็รีบไปดูเลย

อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)


และช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง เป็นต้น


นอกจากนี้ ยังได้มีการย้ายตำแหน่งของ IPU จากห้องสัมภาระด้านท้ายไปยังใต้เบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง ส่งผลให้ห้องโดยสารและพื้นที่สัมภาระท้ายมีความกว้างขวางเทียบเท่ากับในรุ่นเทอร์โบ รุ่นเทอร์โบใส่ถุงกอล์ฟได้ 4 ใบนะ


แอร์แยกซ้ายขวา เลือกตั้งตามความพอใจของคนขับและคนนั่ง
ที่นั่งด้านหลังก็มีช่องแอร์และช่องเสียบ USBเบาะที่นั่งด้านหลังสามารถพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุก คือพับแบบ ทั้งแผ่นเลย

ส่วนการเก็บเสียงก็ถือว่าดี เพราะมีการใช้อัดโฟมถึง 10 จุด แต่ก็ยังได้ยินเสียงบ้างตอนเร่งเครื่องหรือเสียงยางบดถนน 

ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับทุกรูปแบบการขับขี่ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า(EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด(Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)


ขับในโหมดEcoแล้วยังไม่สะใจ ก็เปลี่ยนไปที่โหมด Sport ก็จะได้อารมณ์สปอร์ตเร้าใจและความสนุกสนานในการขับขี่ได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม Sport Mode บริเวณคันเกียร์


ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถกดสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Mode) เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยจะมีสัญลักษณ์ EV สีเขียวปรากฏขึ้นบนแผงหน้าปัด มีคนลองแล้วบอกว่าขับไปได้ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะปรับไปเป็นไฮบริดโดยอัตโนมัติ เพราะไฟหมดต้องชาร์จใหม่

อีกทั้ง มีเทคโนโลยี่Honda SENSING ได้แก่
-ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
– ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
-ซึ่งฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ได้มีการเพิ่มเติมระบบความปลอดภัยจากเจเนอเรชันก่อนหน้าได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ และเมื่อคันหน้ากลับไปความเร็วสูงก็จะสูงตามด้วยโดยCruis Control ยังไม่หลุด(Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมความปลอดภัย ได้แก่ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System – MVCS) และระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM) พร้อมการทดสอบระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) ผ่านการจำลองสถานการณ์เพื่อการใช้งานจริงอีกด้วยซึ่งพวกเราก็ได้ลองด้วย ก็ช่วยนะในพวกที่ยังไม่อยากคำนวณช่องจอดรถด้วยตัวเองก็ใช้เทคโนโลยี่นี้ได้


แต่ไม่ได้เป็นแบบอัตโนมัตินะ ยังต้องเหยียบเบรกและคันเร่งช่วยอยู่และเข้าเกียร์ด้วยโดยทำตามขั้นตอนที่อยู่บนหน้าจอ และเมื่อจับช่องที่จะเข้าจอดแล้วหน้าจอจะขึ้นว่าเริ่มต้น เราก็กดที่หน้าจอ เพื่อเริ่มต้นและปล่อยมือส่วนเท้าก็ยังเลียเบรกอยู่ถ้าเร็วไปแล้วเจอกำแพงด้านหลังถ้าเราไม่เบรกรถจะเบรกฉุกเฉินให้เราเอง

มี clip

 

 

ช่วงขับจริง
ช่วงแรกขาไปจากกระบี่ไปพังงาจะเป็นคุณกัญญรัช กินนารี(คุณนุช)จาก D-Car ซึ่งให้เกียรติร่วมถ่ายคลิปลองรถไปด้วยกัน


ส่วนขากลับจากพังงาไปกระบี่ก็ถึงคิวต้องขับเองบ้างเมื่อขึ้นขับ ก็ปรับที่นั่งด้านคนขับที่ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางและดันหลัง 4 ทิศทาง ส่วนทางด้านคนนั่งก็ได้ 4 ทิศทาง
ก้าวขึ้นรถที่นั่งนี้ถ้าเราตั้ง memory ไว้เวลาขึ้นไปนั่งเค้าจะปรับที่นั่งให้โดยอัตโนมัติตามที่เราตั้งไว้


แต่เมื่อไม่ได้ตั้งก็ต้องปรับเองค่ะ
ดิฉันก็ปรับที่นั่งขึ้นสูงเลยค่ะ ชินกับการนั่งสูงหน่อย ปรับสูงได้เฉพาะด้านคนขับ

พวงมาลัยไฟฟ้ากระชับมือ เริ่มออกตัวความเร็วยังไม่สูงมากนักพวงมาลัยก็จะยังเบามืออยู่แต่เมื่อความเร็วมากขึ้นก็จะหนึบหนับตามความเร็ว
การเข้าโค้งก็เกาะถนนดี แต่ถ้าเข้าโค้งลึกไป ระบบฮอนด้า Sensing ที่พวงมาลัยก็จะช่วยดึงให้ รู้สึกเหมือนฝืนฝืน จะรู้สึกได้ที่โค้งแคบแคบ เห็นวิศวกรบอกว่าเขาจะปรับพวงมาลัยไว้ค่อนข้างตรง ก็จะเกิดอาการดึงดึงขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าโค้งกว้างก็จะไม่รู้สึกถึงอาการเหล่านี้
หรือถ้าเปลี่ยนเลนด้านขวาโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ก็จะมีไฟขึ้นที่หน้าจอ และอาการดึงที่พวงมาลัย แต่ถ้าเปิดไฟเลี้ยวจะไม่มีปัญหา


อัตราเร่งแซงดี เพราะทั้งมอเตอร์และเครื่องช่วยกัน หรืองบางครั้งก็เป็นเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับเกียร์อย่างเดียว


เมื่อแซงขวาแล้วจะเข้าซ้าย จะมีกล้อง Lane Change ให้เห็นรถด้านซ้ายเพื่อความปลอดภัย
ระบบช่วยเรื่องความปลอดภัยเยอะมาก


และเสา A ปรับเยื้องไปด้านหลีงอีก ประมาณ 100 มม ทำให้ทัศนวิสัยดีขึ้น

 

การกินน้ำมันเราก็ขับแบบที่ใช้ในชีวิตประจำวันเร็วบ้างช้าบ้างเร่งแซงบ้าง ก็ได้ 14.8 กิโลเมตรต่อลิตร


เติมน้ำมัน E85 ได้

 

สำหรับรุ่นไฮบริด มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่
– รุ่น HYBRID ราคา 1,639,000 บาท
– รุ่น HYBRID TECH ราคา 1,799,000 บาท

 

ข้อแตกต่างระหว่งตัว Hybrid ธรรมดากับ Hybrid Tect ก็คือ
-น้ำหนักรถ 1552 กับ 1568(Hybrid Tech)
-ระบบแสดงข้อมูลที่กระจกหน้า
-ซันรูฟพร้อมระบบวันทัช
–ไฟส่องมือจับเปิดประตูด้านนอก
-สปอยเลอร์หลัง
-ปุ่มควบคุม ACC
-ระบบมองกล้องรอบทิศทาง ระบบเตือนเมื่อมีรถวิ่งผ่านขณะถอย ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อม—ระบบช่วยเบรก
-เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุดและหลัง 4 จุด
ราคาทั้ง 2 รุ่นต่างกัน 160,000 บาท ก็คงไม่ยากที่จะตัดสินใจนะคะ

ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา (อาลองรีวิว)

ผู้หญิงขับรถ

Facebook Comments