กลับมาถึงเจ้าของบ้านบ้าง เชอรี่ นำเสนอ เอ็มพีวี 7 ที่นั่งในชื่อรุ่น อาริโซ่ เอ็ม7 Arrizo M7 สำหรับครอบครัว 7 คน เพื่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ 2.0 ลิตร 137 แรงม้า แรงบิด 182 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์ ซีวีที หรือเครื่องเล็ก 1.8 ลิตร 130 แรงม้า แรงบิด 170 นิวตันเมตร เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
ราคาเริ่มต้น 79,990 หยวน ราว 399,950 บาท ขณะที่รุ่นท้อปราคา 107,900 หยวน ราว 539,500 บาท ต้องยอมรับว่า ทำราคาได้เจ๋งจริงๆ แถมนักข่าวยังชมว่า เนื้อที่ภายในห้องโดยสาร กว้างขวางสมกับเป็นรถ 7 ที่นั่งจริงๆ
ตามมาด้วยค่ายตกแต่ง สตาร์เทค Startech ที่เคยผูกพันกับ บราบัส ที่บุกตลาดประเทศจีนเหมือนกัน คราวนี้มาแปลกด้วยการจับเอา เรนจ์ โรเวอร์ 4×4 มายืดตัว แล้วทำเป็นรถกระบะ ด้วยตัวถังคาร์บอน ไฟเบอร์ สีแดงสด โดยช่วงกระบะด้านหลังยาวเพียง 1.1 เมตร เท่านั้น
เครื่องยนต์ ซูเปอร์ชาร์จ 526 แรงม้า ทำเวลา 0-100 ได้ภายใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โดยสามารถลดความสูงลงได้ 1,19 นิ้ว จากรถมาตรฐาน
ตามมาด้วยค่ายฝรั่งเศส นำเสนอต้นแบบ ซีตรอง แอร์ครอส สีแดง เช่นกัน ใช้พื้นฐานจากรุ่น ซี4 แคคตัส C4 Cactus ด้วยล้อขนาด 22 นิ้ว ความยาว 4.58 เมตร พร้อมโลโก้ นายสิบ เด่นเป็นสง่าด้านหน้า สอดรับทอดยาวไปจรดซ้าย-ขวา อย่างทันสมัย ตัวรถอยู่ในขนาดเดียวกับ ออดี้ ติว5 หรือ บีเอ็มดับบลิว เอ็กซ์3 ต้นแบบคันนี้ ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองยี่ห้อ ซีตรอง ที่สามารถจำหน่ายได้ 50 ล้านคัน นับแต่ก่อตั้งบริษัท
ประตูคู่หน้า เปิดออกกว้างไม่มีเสากลาง เครื่องยนต์ ไฮบริด ไฟฟ้า 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 275 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ขับล้อหลัง ให้กำลัง 95 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็ว 0-100 ได้ภายใน 4.5 วินาที แต่ ซีตรอง ยังไม่ตัดสินใจที่จะนำขึ้นสายการผลิตหรือไม่
อีกคันหนึ่งเป็นของค่ายจีนเต็มตัว กีลี่ แต่เป็นรถประจำกรุงลอนดอน หรือแท็กซี่ สีดำ ที่เคยคุ้นเคย โดยซื้อหุ้นลอนดอน แท็กซี่ ด้วยราคา 600 ล้านบาท เมื่อปี 2555 แต่ช่วงหลังมานี่ถูกค่าย นิสสัน ช่วงชิงตำแหน่งแท็กซี่ประจำกรุงลอนดอนไป พร้อมอาจจะกลายเป็นแท็กซี่ไฟฟ้า ในที่สุด
หนนี้มาโชว์ในบ้าน เลยแปลงโฉมกลายเป็นสีทอง ในชื่อรุ่น เอ็งลอน ทีเอ็กซ์4 Englon TX4 ผลิตจำหน่ายในประเทศจีน และกำลังพยายามหาวิถีทางให้กลายเป็นแท็กซี่ประจำเมืองใหญ่ๆ ในเมืองจีน ด้วยรถรุ่นสีทอง แทนที่จะเป็นสีดำ เพื่อให้เหมาะสมกับวิถีคนจีน แต่รูปแบบของตัวรถแทบจะคงเอกลักษณ์แท็กซี่ลอนดอน เอาไว้เหมือนเดิม เพียงแต่ยืดความยาวของรถ เพื่อเตรียมรับผู้โดยสารที่ใช้รถเข็นและคนชรา เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร แยกตัวถังกับแชสซีส์ ออกจากกัน ทำให้ยังเป็นรถที่กินวงเลี้ยวกว้างถึง 7 เมตร
ต่อมาด้วยค่ายอเมริกัน ฟอร์ด เปิดตัวรถยนต์ 7 ที่นั่งสำหรับ เอเซีย แปซิฟิค ในชื่อ เทารัส Taurus เจเนอเรชั่นที่ 6 มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 แบบ อีโค่บู๊สท์ 2.0 ลิตร, วี6 3.5 ลิตร วีซีที และอีโค่บู๊สท์ วี6 3.5 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรกับนักข่าวมากนัก
โครงสร้างของรถปรับใช้อลูมิเนียม และวัสดุชนิดใหม่ ขยายความกว้างและยาวของตัวรถ มีให้เลือกทั้งแบบขับล้อหน้า และขับเคลื่อนสี่ล้อ
ตามมาด้วยรุ่นใหญ่ คาดิลแลค นำรถไฮบริด ไฟฟ้า ซีที6 CT6 PHEV ซีดานรุ่นใหญ่ มานำเสนอ โดยจับเปลื้องตัวถัง โชว์ให้เห็นการทำงานภายใน เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ล้อหลัง ที่เรียกตัวเองว่า อีวีที EVT electric variable transmission ให้กำลังถึง 340 แรงม้า แรงบิด 586 นิวตันเมตร
ติดตั้งแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน ขนาด 18.4 กิโลวัตต์ เอาไว้ในที่นั่งหลัง
คาดิลแลค จะส่งรถไฮบริดรุ่นนี้ออกจำหน่ายในตลาดอเมริกาด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่มีรายละเอียดทางเทคนิคใดๆ เปิดเผย
ค่ายเมืองจีนอีกค่าย ในยี่ห้อ วอลโว่ นำเสนอห้องโดยสารรุ่นล่าสุดสำหรับ เอ็กซ์ซี90 XC90 ที่ที่นั่งด้านหน้าเหลือเพียงที่นั่งคนขับ พร้อมใส่อุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารด้านหลัง สามารถยืดขามาด้านหน้า หรือจะนั่งดูโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์ โดยไม่รบกวนผู้ขับขี่ก็ย่อมได้
ส่วนตรงที่นั่ง สามารถทำเป็นโต๊ะทำงาน พร้อมที่เก็บของสามารถหมุนได้ 90 องศา กลายเป็นจอทีวีขนาด 17 นิ้ว งานนี้เอาใจผู้มีอันจะกินเต็มที่ แต่น่าจะขายได้ไม่มากนัก
ท้ายสุดสำหรับงาน ออโต้ เซี่ยงไฮ้ หนนี้ ค่ายเชฟโรเลต นำเสนอแนวคิดในอนาคต กลายเป็นรถในหนังแนวอนาคต ที่ร่วมกันพัฒนาในเซี่ยงไฮ้ ด้วยรุ่น เอฟเอ็นอาร์ FNR Find New Roads รถไฟฟ้าที่จะมาแทนที่ โวลต์ สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง หรือปรับให้มีคนขับก็ได้ เพื่อให้ประทับใจบรรดาลูกค้าวัยรุ่น หรือคนรุ่นใหม่ที่สนใจทางด้านยานยนต์
แนวคิดที่ออกแบบรถคันนี้ ให้เป็นเสมือนมังกร พร้อมประตูสวิงที่เปิดเหมือนกับมังกรกำลังจะบิน พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ติดตั้งที่ล้อ และสามาราร์จไฟฟ้าโดยไม่ใช้สายได้ด้วย ติดตั้งเซนเซอร์ และเรดาห์ บนหลังคาเพื่อตรวจสอบการจราจรรอบด้าน ที่เชื่อได้ว่า ถึงอย่างไรก็จะยังคงเป็นรถต้นแบบอยู่เช่นเดิม ไม่สามารถฝ่าฟันขึ้นสายการผลิตได้แน่นอน