เมื่อเร็วๆนี้อีซูซุชวนสื่อมวลชนขับรถท่องเที่ยวแบบ วัน เดย์ ทริป เพื่อสัมผัสประสบการณ์กับ “ใหม่! อีซูซุมิว-เอ็กซ์” รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ผสานความสปอร์ตทันสมัย และ รุ่นพิเศษ! “อีซูซุมิว-เอ็กซ์ THE ICONIC” ที่มาพร้อมชุดแต่งพิเศษสปอร์ตเท่รอบคัน พร้อมกับความงามสง่า หรูหรา ภายใต้นิยาม Signature of Privilege เอกลักษณ์แห่งเอกสิทธิ์ ร่วมสนุกกับกิจกรรมแบบไทยสไตล์ อิ่มอร่อยกับอาหารไทยแบบดั้งเดิม เวิร์คช็อปทำขนมไทย เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย พร้อมกับร่วมอิ่มบุญในการเติมเต็มความสุขให้กับเด็กด้อยโอกาส ตามแบบฉบับ The New Isuzu MU-X Privileged Press Trip
เริ่มต้นออกสตาร์ทกันที่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด สู่จุดหมายแรกในซอยสุขุมวิท 32 ณ ร้านอำแดงไต้ฝุ่น ร้านอาหารไทยดั้งเดิมผสานเมนูจีนฮ่องกงสูตรต้นฉบับ ใช้วัตถุดิบพื้นบ้านจากทั่วประเทศไทยมาอนุรักษ์ให้คนรุ่นใหม่ได้รับประทานอาหารไทย และอาหารจีนแท้ ๆ เหมือนได้รับประทานอาหารรสมือคุณย่าคุณยายอย่างแท้จริง
โดยมีเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ปูทะเลยักษ์ผัดไต้ฝุ่น (Spicy Crab) สูตรต้นตำหรับจากเกาะฮ่องกงที่ใครได้ลองก็ติดใจความเผ็ดร้อนผสานกลิ่นหอมจากเคล็ดลับการผัดพริกและกระเทียมเคล้าปูทะเลสด ๆ รสชาติเข้มข้นในสัดส่วนที่พอดี
ตามมาด้วย ปูไข่ดองรสแซ่บ ที่นำปูไข่ดองไซส์ใหญ่ มาเสริฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสจัดจ้านแบบไทย ๆ
เมนูถัดมาคือ น้ำพริกโจร ซึ่งจะเป็นการใช้วิธีการยำ แทนวิธีการตำ ตามสไตล์โจรเวลาออกเดินป่า
และเมี่ยงปลาช่อนทอด ที่นำปลาช่อนมาทอดจนเหลืองกรอบ รับประทานกับเครื่องเคียง และน้ำเมี่ยง
ปิดท้ายกับเมนูอาหารหวานที่มีชื่อเดียวกับร้าน คือ อำแดงไต้ฝุ่น สุดยอดความอร่อยที่ผสมผสานวัตถุดิบไทย-จีน โดยนำเต้าหู้โฮมเมด คลุกกับงาบด ก่อนนำไปทอด โรยด้วยน้ำตาล และเกลือเล็กน้อย อร่อยละมุนลิ้น
พูดแล้วก็อยากจะไปรับประทานอีก
หลังจากอิ่มอร่อยในมื้อกลางวันเป็นที่เรียบร้อย คณะสื่อมวลชน ได้เดินทางต่อไปยังโรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา สังกัดมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขากรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 34 แยก 19 ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และได้เปลี่ยนเป็นโรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
โดยเปิดเป็นสถานศึกษาสำหรับเด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อน แห่งที่ 2 ของมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดำเนินการในรูปแบบโรงเรียนประจำ รับนักเรียนตั้งแต่ เตรียมอนุบาล – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อายุระหว่าง 2 ขวบถึง 16 ปี
โดยคณะสื่อมวลชนได้ร่วมมอบเงิน และสิ่งของ โดยมีนางสาวดวงหฤษฎ์ ภูแพง ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้รับมอบ
จากนั้นจึงนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมการเรียนการสอน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากฝีมือน้อง ๆ เด็กนักเรียนในโรงเรียน
คณะสื่อมวลชนเดินทางต่อไปยัง สยามเจมส์ เฮอริเทจ พิพิธภัณฑ์ แหล่งเรียนรู้อัญมณีไทย ที่คณะสื่อมวลชนจะได้พบกับ คุณทับทิมและคุณพลายน้อย ซึ่งเป็นประติมากรรมช้างทองคำ รูปทรงงามสง่า หุ้มด้วยทองคำ 99.99% ที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของสยามเจมส์ เฮอริเทจ
ได้ตื่นตาตื่นใจไปกับภาพยนตร์กำเนิดอัญมณีภายในสยามเจมส์ สเฟียร์ที่เป็นโดมภาพยนตร์ขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เมตร ที่มีมุมมองแบบ 360 องศา ด้วยเทคนิคการฉายภาพยนตร์ระบบ 4K จากเครื่องฉายถึง 8 ตัว พร้อมแสงสีเสียงที่ได้รับการออกแบบจากทีมงานด้านเทคนิคจากเยอรมนี จนรู้สึกเสมือนเข้าไปอยู่ร่วมในเรื่องราวอย่างแท้จริง
เมื่อออกจากโดมภาพยนตร์ขนาดใหญ่แล้ว จะเข้าไปสู่ส่วนพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 5 โซนย่อย ได้แก่
โซนที่ 1 คือ ห้องมณีนิรันดร์ เป็นส่วนที่ให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์เครื่องประดับของโลก
โซนที่2 คือ ห้องมณีประกาย ที่จัดแสดงและให้ความรู้เรื่องการเจียระไนอัญมณีในแบบต่าง ๆ พร้อมตื่นตาตื่นใจกับการใช้เทคโนโลยี มิราสโคป (Mira Scope) ที่จะสะท้อนรูปทรงการเจียระไนของอัญมณีในรูปทรงต่าง ๆ ให้เห็นรอบด้านแบบ 3 มิติ
โซนจัดแสดงที่ 3 คือ ห้องมณีมงคล จัดแสดงอัญมณีที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของคนไทย 9 ชนิด หรือ นพเก้า อันได้แก่ เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน ไพลิน มุกดา เพทาย และไพฑูรย์
โซนที่ 4 จัดว่าเป็นที่สุดคือ ห้องปัทมราณี จัดแสดงผลงานชิ้นเอก นั่นคือ “สยามเจมส์ เทียร่า” มงกุฎประดับยอดด้วยทับทิมสยาม ขนาด 21.09 กะรัต อันถือเป็น ราชาแห่งอัญมณีทั้งปวง โดยมีทับทิมสีแดงเป็นบริวารอีก 24 เม็ด และรายล้อมมงกฎด้วยเพชรแท้กว่า 1,946 เม็ด
โซนสุดท้ายคือ ห้องมณีวิทยา นิทรรศการที่ให้ความรู้อย่างกระชับในเรื่องการออกแบบการขึ้นตัวเรือนของเครื่องประดับ ที่ทุกคนยังได้ลองออกแบบอัญมณีบนจอทัชสกรีนด้วยตัวเองผ่านโปรแกรมพิเศษอีกด้วย
ปิดท้ายทริปกับการเวิร์คช็อปทำขนม เสน่ห์จันทร์ ขนมไทยชื่อไพเราะ ณ ร้านบ้านดอกพุด คาเฟ่ขนมไทยโบราณสูตรต้นตำรับ ที่ทางร้านมีสโลแกนว่า “หวานกำลังดี มีรอยยิ้ม”
ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 48 ที่ต้องผ่านตรอกซอกซอยอันแสนลึกลับ ก่อนจะมาเจอกับร้านน่ารักที่เงียบสงบที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ให้สื่อมวลชนได้ร่วมแรงร่วมใจลองทำกันเป็นครั้งแรกกันอย่างสนุกสนาน
สำหรับส่วนผสมในการทำขนมเสน่ห์จันทร์ ประกอบด้วย แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว ผงจันทน์เทศป่น กระทิ น้ำตาลทราย นำมาผสมให้เข้ากัน กวนบนไฟอ่อน ๆ จนจับตัวเป็นก้อน ใส่สีผสมอาหารสีเหลืองเข้าไป เพื่อให้ขนมมีสีเหลืองสวยน่ารับประทานเหมือนกับลูกจันทร์ตามชื่อขนม เมื่อได้สีตามที่ต้องการแล้วจึงปั้นให้เป็นก้อนกลมขนาดกำลังดี พร้อมแบ่งส่วนผสมแป้งมาเล็กน้อย เพื่อผสมสีน้ำตาลติดด้านบนลูกจันทร์ ให้เหมือนเป็นขั้วของลูกจันทร์ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ให้สื่อมวลชนได้นำขนมเสน่ห์จันทร์ติดมือไปฝากให้คนที่บ้านได้ชิมอย่างเอร็ดอร่อย
“The New Isuzu MU-X Privileged Press Trip” จบลงด้วยความประทับใจผ่านกิจกรรมสุดพิเศษที่อีซูซุได้คัดสรรมามอบให้สื่อมวลชน พร้อมสัมผัสกับสมรรถนะของ “ใหม่! อีซูซุมิว-เอ็กซ์” รถยนต์อเนกประสงค์สุดหรู เครื่องยนต์ขนาด 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เทคโนโลยีดีเซลยุคใหม่ อัตราเร่งแซงเป็นที่ประทับใจ และประหยัดน้ำมัน ทำงานเงียบ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายนอกโดดเด่น ยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ แบบ Sport 3D ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ แบบ Bi-LED ปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟ Daylight อยู่ในโคมเดียวกัน พร้อมเส้นนำแสง LED Guiding Light โฉบเฉี่ยวทันสมัยแบบรถยนต์นั่งระดับหรู กันชนหน้า – หลังดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ แบบ Sharp Horizon ลงตัวกับห้องโดยสารใหม่สีทูโทน Sandstone Beige เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ดีไซน์ใหม่ Sport Cut โอบกระชับ นุ่มนวลนั่งสบาย พร้อมการออกแบบภายในด้วยแนวคิด Isuzu Universal Design ระบบความบันเทิง iConnect พร้อม Built-in Navigator หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับ Smartphone จุดเชื่อมต่อ USB รองรับทั้ง Smartphone เครื่องเล่น MP3 และ Flash Drive ให้ความเพลิดเพลินตลอดเส้นทาง ตอบโจทย์ทุกด้านของความต้องการในชีวิต และ รุ่นพิเศษ! “อีซูซุมิว-เอ็กซ์ THE ICONIC” ที่เพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยว หรูหรา สปอร์ตเท่รอบคันกับชุดแต่ง ICONIC STYLE ห้องโดยสารโทนเข้ม LAVA BLACK ขับเน้นอารมณ์สปอร์ต ระบบความบันเทิงพร้อม Built-in Navigator และ Digital TV Tuner และล้ออัลลอย 18” ICONIC CROSS ทำให้เป็นยนตรกรรมไลฟ์สไตล์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้รถที่มีสไตล์อันโดดเด่น