สืบเนื่องจากกระทู้ครั้งที่แล้ว เลยมาบอกต่อ

Brand: TOYOTA Model: Corolla
Year: 1996 Miles: 80001-100000
From: สุ อ

สืบเนื่องจากกระทู้ครั้งที่แล้ว
http://www.caronline.net/QuestionDetail.aspx?QuestionID=9052#head

เรียน อ.ธเนศร์

ตามที่ได้รับคำแนะนำเรื่องของเกจ์ความร้อนตก และได้ทดลองแตะท่อน้ำร้อน แต่เครื่องยนต์ยังปกติอยู่ค่ะ
และขับออกถนนใหญ่จากจุดจอดรถประมาณ 10 นาที เข็มเกจ์ความร้อนจึงจะไต่ขึ้นมาถึงระดับปกติ
แต่เมื่อวานมีอาการดับกลางถนนอีกแล้ว ขณะที่กำลังจะขับออกข้ามไปอีกเลน รถคันอื่นหยุดให้เข้าแล้ว แต่รถเราไม่ยอมไปซะงั้น ดับไปโดยไม่มีอาการอะไรชี้นำเลย ก็สตาร์ทใหม่หนแรกไม่ติด แต่หนสองก็ได้ปกติ ก็เลยขับเข้าศูนย์ TM –พหลโยธิน ใกล้ที่ทำงานหน่อย ทางศูนย์ฯ ก็จับเช็คระยะที่ 90,000 กม. (ระยะจริงที่โชว์ที่หน้าปัดอยู่ที่ 93,000 โดยประมาณ) แถมสำเนากระทู้ที่ อ.ธเนศร์ ได้ให้คำแนะนำไว้ด้วย ไปให้ศูนย์ฯ ดูด้วยค่ะ แต่พอเช็คไปเช็คมา อาการเพิ่มเติมที่ทางศูนย์ฯ แจ้งมา คือ มีรอยรั่วซึมที่ด้านหน้าของอ่างน้ำมัน, ให้เปลี่ยนคอยล์จุดระเบิด แถมที่สาหัสกว่านั้นคือให้เปลี่ยนหน้าปัดเกจ์ความร้อน รวมรายการค่าเสียหายประมาณการที่ 1 หมื่นบาท อึ้งไปเลยค่ะ
แล้วเช้านี้ก็มีอาการอีกแล้วค่ะ คือสตาร์ทไม่ติด ก็เลยเอาสเปรย์ไล่ความชื้นมาฉีดที่ขั้วแบตและรอยต่อฝาครอบหัวนกกระจอก สตาร์ทหนแรกก็ไม่ติด แต่หนสองก็ติด เลยไม่รู้จะทำยังไงดีกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นดี
สุดท้ายเอารถเข้าอู่แบบบ้านๆ ค่ะ บอกปัญหาเค้าตามนี้เลย ช่างเค้าก็เลยเจอปัญหาวาล์วน้ำเสีย มันเปิดอย่างเดียว ตอนนี้เกจ์กลับมาอยู่ที่ระดับปกติแล้วค่ะ ไม่งั้นเสียค่าโง่ เปลี่ยนหน้าปัด รวมทั้งจัดการรักษาอ่างน้ำมันซึม แล้วก็เปลี่ยนคอยล์ ทั้งหมดไม่ถึง 4 พัน แต่ศูนย์ฯ กะฟันทีเป็นหมื่น เคยแต่คิดว่าศูนย์ฯ น่าจะดี รถใช้มากว่า 10 ปี เข้าศูนย์ฯ โดยตลอด แต่ช่างศูนย์ฯ กลับทำอะไรไม่เป็นเลย ทำได้แค่ตรวจเช็คระยะตามรอบเวลา เสียความรู้สึกกับศูนย์ฯ ไปเลย ทีนี้มีคำถามว่า แล้วต่อไปไม่อยากเข้าศูนย์ฯ ควรจะเอารถไปตรวจเช็คระยะที่ไหนดีคะ ไม่เชื่อฝีมือช่างศูนย์ฯ แล้วค่ะ


เช้าๆ จะมีปัญหาสตาร์ทไม่ค่อยติด ใครต่อใครบอกให้บิดกุญแจทิ้งไว้ซักพัก ก่อนบิดสตาร์ท จนสตาร์ทไม่ติดในที่สุด เรียกช่างข้างๆ บ้านมาดู เปิดตัวหัวนกกระจอก แคะตะกรันที่อุดตามขั้วออก ก็ใช้งานได้สตาร์ทชึ่งเดียวติด แต่ก็ยังมีปัญหาสตาร์ทไม่ติดบ้างวันที่ฝนตกอากาศชื้น
แต่คราวนี้ขับออกถนน วิ่งมาได้ประมาณ 2 ป้ายรถเมล์ รถมีอาการเหยียบเร่งไม่ขึ้น รู้สึกว่าเหมือนจะดับ เพราะเคยเจออาการนี้มาหนนึง เลยรีบขับเข้าข้างทาง แล้วดับเครื่องสตาร์ทใหม่ก็ติด ครั้งแรกที่ดับกลางถนน อยู่ใกล้ศูนย์โตโยต้า แต่ไม่ได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ เพราะเค้าบอกว่าตรวจสอบไม่พบ แล้วอาการไม่เห็น เลยไม่รู้จะแก้ตรงไหน
อีกปัญหาคือเกจ์วัดความร้อนตก เช็คที่ศูนย์ฯ บอกว่ามีปัญหาที่ตัวเซ็นเซอร์เกจ์วัดความร้อน เปลี่ยนตัวใหม่แล้ว ก็ยังมีอาการเหมือนเดิม คือวิ่งถนนล่างเกจ์อยู่ระดับปกติ แต่พอช่วงที่วิ่งอยู่บนทางด่วนไม่เกิน 100 เกจ์จะเริ่มตก พอลงจากทางด่วน อาการก็จะกลับมาที่ระดับปกติ เคยเปลี่ยนช่วงฝาหม้อน้ำด้านบนมาด้วยค่ะ เพราะมีรอยรั่ว รบกวนแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

สุ อ
________________________________________

อาการแรกนี่ ช่างข้างบ้านน่าจะถูกต้องครับ แต่คงไม่ทันคิดว่า หรือไม่ได้ถามคุณว่า เป็นในช่วงใดบ้าง
แต่เผอิญคุณบอกผมชัดเจนว่า เกิดอาการนี้ในวันที่ฝนตก อากาศชื้น ก็เป็นอันว่า โปร่งเลยครับ
อาการนี้ เกิดจากความชื้นในฝาจานจ่าย ในตัวจานจ่ายเองนั่นแหละ ทำให้ไฟแรงสูงลัดวงจร เพราะไฟแรงสูงเป็นไฟฟ้าสลับ ที่เดินผ่านน้ำหรือความชื้นเข้มข้นได้ หากจะป้องกัน ก็ต้องเอาจานจ่ายออกมาทำให้แห้ง หรือไม่เอาออกมาก็ได้ แต่ฉีดน้ำยาไล่ความชื้นเข้าไปในตัวจานจ่ายหลังเปิดฝา แล้วเอาฝามาตากแดดให้ร้อน ไล่ความชื้น กับไล่ความชื้นที่สายไฟแรงสูงและปลั๊กหัวเทียนให้หมด อาการก็จะหายไปจนกว่าจะเกิดความชื้นอีกเท่านั้นแหละครับ

อาการที่สอง ขับออกถนนได้ไม่ไกล เร่งไม่ขึ้นอีก เหมือนจะดับ ก็จอดแล้วดับเครื่อง สตาร์ทใหม่ก็ติด อันนี้หินหน่อย เพราะต้องดูอาการข้างเคียง ที่คุณไม่ได้บอกอะไรมา ก็ต้องคาดเอาเองว่า ไม่แสดงอาการอะไรอีก ตอนที่ทำท่าจะดับ ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร เช่นสะอึก ซึ่งจะบอกว่า น้ำมันเข้าไม่พอได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้บอกไป
ก็ต้องเดาว่า ไม่มีอะไร แต่เป็นสาเหตจากความชื้นในจานจ่ายอย่างที่บอกแต่แรกเอาไว้ก่อน แก้ไขเรื่องจานจ่ายเรียบร้อยแล้ว หากมีอาการเกิดขึ้นอีก ค่อยจับให้ออกว่า อาการเป็นอย่างไรแน่ชัด แล้วบอกไปใหม่อีกครั้ง ดูให้ดีด้วยครับ ว่ามีควันดำออกปลายท่อไอเสีย หลังติดเครื่องยนต์ได้ใหม่อีกครั้งหรือเปล่า ข้อมูลพวกนี้สำคัญสำหรับผู้วิเคราะห์ครับ

อาการที่สาม เกจ์ความร้อนตกเมื่อวิ่งบนทางโล่ง ความเร็วสูง หากคุณบอกกับศูนย์บริการ และช่างที่ศูนย์บริการเป็นช่างชั้นดีหน่อย ไม่ใช่ช่างเปลี่ยน ก็จะยังไม่เปลี่ยนตัวจับสัญญาณอุณหภูมิเครื่องยนต์ แต่จะตรวจดูก่อนว่า วาล์วน้ำของคุณยังติดตั้งอยู่หรือถูกถอดออกไปโดยช่างที่อื่นแล้ว และหากยังติดตั้งอยู่ ก็จะต้องตรวจดูว่า วาล์วน้ำทำงานปกติหรือไม่
หรือวาล์วน้ำเปิดค้างตลอดเวลา ที่อาจจะถามคุณก็ได้ว่า ตอนแรกติดเครื่องยนต์จากเครื่องเย็นนั้น ใช้เวลานานประมาณใด เข็มวัดความร้อนจึงขึ้นมาอยู่ในระดับ แบบนี้ก็พอจะมองเห็นปัญหาที่แท้จริงได้ใกล้เคียงบ้าง

แต่นี่ รีบเปลี่ยนอะไหล่เสียเหลือเกิน แล้วก็ผิด เพราะช่างใหม่ใหม่ มักจะมองอะไรในสิ่งแพงแพงเสมอครับ ยังไม่เปลี่ยนนิสัยกันสักที เกือบสี่สิบปีมานี่แล้ว ที่ผมต้องเคี่ยวเข็ญพวกนี้ให้คิด คิด และคิด ก่อนจะลงมือซ่อม

เอาละ เปลี่ยนแล้วก็แล้วกันไป ศูนย์รวยขึ้นไม่เท่าไร ช่างก็ไม่ได้ดีอะไรขึ้นมา
เอาเป็นว่า ตอนคุณติดเครื่องยนต์ช่วงเช้า เปิดฝาครอบเครื่อง ปล่อยให้เครื่องยนต์ติดไปสักสองนาที แล้วเอามืออังดูที่ท่อน้ำตัวบน จับความร้อนดูครับ จากนั้น ก็เอามือไปอังที่เครื่องยนต์ ว่าอะไรร้อนกว่ากัน ระหว่างเครื่องยนต์กับท่อน้ำ
คุณอาจจะพบว่า เครื่องยนต์กับท่อน้ำร้อนพอพอกัน ก็แสดงว่า วาล์วน้ำเปิดค้างอยู่ หรือไม่มีวาล์วน้ำ ก็ไปใส่วาล์วน้ำเสียเท่านั้น ก็จะหมดเรื่องกันไป
หรือหากพบว่า เครื่องยนต์ร้อน แต่ท่อยังเย็นอยู่ ก็แสดงว่า วาล์วน้ำปิด และยังดีอยู่ คราวนี้ ก็ต้องไปดูที่มาตรวัดความร้อนของคุณกันละครับ
ลองดูครับ ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนมาตรวัด บอกผมอีกทีอย่างละเอียด ถึงการตรวจสอบแบบที่ว่าข้างบน จะได้แนะนำกันได้อย่างถูกต้องต่อไปครับ-ธเนศร์
———————–
ผมก็ตอบคุณไปถูกต้องตรงปัญหาหมดทุกอย่างแล้วนี่ครับ ทำไมช่างศูนย์ถึงได้มองปัญหาเป็นอย่างอื่นไป ผมคิดว่า เป็นเพราะช่างศูนย์เชื่อในความรู้ของตัวเองมากเกินไป ไม่ฟังคนอื่นเลย ทั้งที่ ผมเองก็เคยเป็นผู้จัดการฝ่ายบริการของโตโยต้ามาแล้ว แต่เขาคงไม่ทราบ ก็เลยคิดว่า ไอ้คนตอบปัญหานี่ คงเป็นพวกไม่รู้ประสาอะไรเลยก็ได้

ช่างเขาเถิดครับ ช่างแบบนี้ อย่างไรก็ไม่รุ่งหรอก

แต่คุณข้ามความคิดเห็นผมไปข้อหนึ่ง ทำให้เกิดปัญหาอยู่เรื่อยเรื่อยอีก นั่นก็คือ การเปิดฝาจานจ่ายขึ้นมา แล้วไล่ความชื้นให้หมดไป แต่คุณและช่างไม่ได้ทำ การไล่ความชื้นจากฝาจานจ่าย เป็นสิ่งที่ควรทำมากครับ ระหว่างที่เราเอาฝาจานจ่ายไปตากแดด ตัวจานจ่ายเองที่เราฉีดน้ำมันไล่ความชื้นไว้ ก็จะแห้งไปด้วย เมื่อเอาฝาจานจ่ายกลับมาปิดครอบไว้อย่างเดิม ความชื้นก็จะหมดไป ปัญหาก็แก้ได้หายขาด ซึ่ง คุณ/ช่าง ยังไม่ได้ทำนะครับ จึงยังมีปัญหาอยู่บ้าง

ควรรีบทำครับ

ส่วนการซ่อมบำรุงด้วยศูนย์บริการนั้น ผมเสนอศูนย์บริการโตโยต้า SPI ที่หัวหมาก บางแค และถนนเสรีไทย สวนสยามครับ เพราะศูนย์ของ SPI นั้น ผมเคยเป็นผู้จัดการฝ่ายบริการของเขามาก่อน เชื่อว่า ช่างเก่าหลายคนยังจำผมได้ และยังคงใช้วิธีการคิดก่อนทำ ดูก่อนซ่อม อย่างที่ผมสอนไว้ ลองดูนะครับ-ธเนศร์

Facebook Comments