ประเทศไทยติดอันดับ 4 ของโลกสำหรับสถิติคนเสียชีวิตบนท้องถนน ทั้งการออกแบบถนนและคนขับมีผลต่อความสูญเสียดังกล่าวทั้งสิ้น ในวันนี้เรามาจัดอันดับความเชื่อของเราที่เป็นอันตรายต่อสถิติที่สูงติดเป็นแถวหน้าของโลก
Country | Road fatalities per 100 000 inhabitants per year | Road fatalities per 100 000 motor vehicles | Road fatalities per 1 billion vehicle-km | Total fatalities latest year (adjusted/estimated figures by WHO report) | Year, data source (standard report: The WHO report from 2013,[1] data from 2010) |
---|---|---|---|---|---|
48.4[9] | 4400.0* | n/a | 2009 | ||
41.7 | 151.5 | n/a | 4143 | 2010 | |
40.5[9] | 139.2* | n/a | 2009 | ||
38.1 | 92.4 | n/a | 26 312 | 2010 | |
37.2 | 266.4 | n/a | 10 791 | 2010 | |
34.1 | 96.7 | n/a | 19 969 | 2010/2013[16] | |
33.7 | 425.2 | n/a | 53 339 | 2010 | |
31.9 | 156.4 | n/a | 14 993 | 2011[23] | |
31.5 | 293.8 | n/a | 9962 | 2010 | |
31.2 | 872.5 | n/a | 472 | 2010 |
10. ถึงเร็วบ่งบอกความสามารถในการขับ “ขับเก่งนะกรุงเทพ-เชียงใหม่ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเอง” ความเร็วในการเดินทางไม่ได้บอกความสามารถใด ๆ ของคนขับเลย หากแต่เป็นการเสี่ยงทำความเร็วเกินกว่ากฎหมายที่กำหนดซึ่งเป็นอันตรายทั้งกับตัวเองและเพื่อนร่วมทาง
9. คร่อมเลนเมื่อเข้าโค้ง นอกจากจะการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้วยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากรถที่สวนมา การขับให้ช้าลงไปตามถนนที่กำหนด เป็นการลดอุบัติเหตุและประหยัดน้ำมันโดยการควบคุมความเร็วโดยไม่ต้องเบรกตัวโก่งและเร่งเครื่องโดยไม่จำเป็น
8. เดินทางกลางคืน ขับสบายและปลอดภัยกว่ากลางวัน การร่วมทางกับบรรทุกและรถใหญ่ ในช่วงเวลาที่คุณควรหลับเป็นสองสิ่งที่ไม่ทำให้เกิดความปลอดภัยแน่นอน อีกทั้งเสี่ยงกับสิ่งที่มองไม่เห็นอีกหลายอย่างเช่นจักรยานที่ไม่มีไฟ รถที่ไฟหน้าเสียข้างเดียว คนข้ามถนนในจุดที่มืด และอีกนานาประการ ดังนั้นหากเลือกได้ควรเดินทางในเวลากลางวันเพราะทั้งผู้ร่วมทางและผู้ขับสามารถชื่มชมในเส้นทางพร้อม ๆ กัน ไม่ต้องฝืนง่วงขับอยู่ในเดียว และเมื่อถึงที่หมายก็นอนอยู่คนเดียว
7. เปิดไฟหน้าวิ่งตอนมืดเท่านั้น หลายคนกลัวจะเปลืองไฟ ถนอมรักษาหลอดไฟและเข้าใจว่าไฟหน้านั้นเปิดเมื่อตอนค่ำเท่านั้น แท้จริงแล้ว ไฟหน้าหลายประเทศเป็นกฎหมายว่าต้องเปิดแม้แต่ตอนกลางวันเพราะช่วงลดอุบัติเหตุ การเปิดไฟหน้าไม่ได้มีไว้ให้คนขับเห็นอย่างเดียว แต่เพื่อให้คนอื่นเห็นรถคุณเช่นกัน
6. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อข้ามแยก อย่างที่ชื่อบอกไว้ว่าไฟฉุกเฉิน ไฟฉุกเฉินควรใช้เมื่อยามรถหยุดหรือจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น การเปิดไฟฉุกเฉินข้ามแยก รถทางด้านข้างจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่ารถคุณจะตรงหรือเลี้ยงสร้างความสับสนและอุบัติภัยในข้ามแยกอย่างมาก
5. อุ้มเด็กไว้กับตัวปลอดภัยกว่าให้นั่งเอง เมื่อเกิดแรงจากการปะทะเด็กจะหลุดจากมือและพุ่งออกจากตัวรถเนื่องจากไม่มีเข็มขัดรัดไว้ไม่ว่าจะอุ้มไว้แน่นเพียงใด
4. ยกหิ้งพระมาตั้งหน้ารถ นอกจากจะบดบังทัศนะในการขับขี่และยังเป็นอัตรายอย่างมากหาเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากอาจทำให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน รวมทั้งอาจหลุดออกมาปะทะกับคนในรถอีกด้วย กระจกหน้ารถควรเป็นจุดที่ไร้การบดบังใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นพระหรือตุ๊กตาห้อยหน้ารถก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาแขวนให้เกะกะสายตา
3. ไม่คาดเข็มขัดรอดเพราะหลุดออกจากรถ รถยนต์ไม่ใช่เครื่องบินรบจะได้ดีดตัวออก ร่มกาง ปลอดภัยเมื่อถูกข้าศึกยิง รถยนต์ถูกออกแบบให้ปกป้องชีวิตของผู้โดยสารภายในควบคู่กับเข็มขัดนิรภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครทราบสภาพแวดล้อมภายนอกได้เลยว่าจะหลุดออกไปเจอกับรถที่สวนมา กระเด็นหลุดลงจากทางด่วน หรือตกลงไปให้น้ำ การยึดยิดกับตัวรถที่ถูกออกแบบให้ปกป้องร่างกายคุณจึงเป็นที่ปลอดภัยที่สุด
2. ยกมือไหว้ศาลพระภูมิขณะรถวิ่ง การละจากพวงมาลัยหรือสายตาเพื่อยกมือไหว้ขึ้นมาเป็นอันตรายอย่างมากให้การขับรถ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเสี้ยววินาที การละสายได้จากถนนไปมองศาลพระภูมิหรือทำสิ่งใด ผลที่ตามมาอาจไม่ใช่ชีวิตของคุณแค่คนเดียว
1. ดื่มแค่นิดหน่อยขับได้ อุบติเหตุต่าง ๆ เกิดการที่ไม่ผู้ขับขี่ไม่สามารถขวบคุมรถได้ ซึ่งแอลกอฮอล์เป็นเหตุผลหลัก ไม่ว่าดื่มมากหรือน้อย รู้สึกเมาหรือไม่ จากสภาพถนนและผู้ใช้ถนนในประเทศที่ทำให้สถิติอุบติภัยทางถนนของประเทศสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอย่างที่เห็นแล้ว จะเห็นว่าไม่มีอะไรที่คนขับสามารถไว้ใจได้เลย การเพิ่มแอลกอฮอล์เข้าไป ยิ่งทำให้ตัวเองและคนร่วมทางตกเป็นหนึ่งในสถิตินั้น ๆ ง่ายดายเข้าไปอีก
เห็นแบบนี้กันแล้ว เราต้องตั้งคำถามกับความเชื่อของเราว่ามีผลต่อความปลอดภัยหรือไม่ แน่นอนว่าเราต้องความเชื่อมั่น แต่ความเชื่อมันที่ดีและได้ผลที่สุดคือความมีสติและมั่นใจว่ารถอยู่ในความควบคุมของตนทุกเสี้ยววินาที