Yaris Ativ รถยนต์ซับคอมแพคซีดาน (4 ประตู )รุ่นใหม่ล่าสุดเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 โดยมีทั้งหมด 5 รุ่นคือ J ECO, J,E,G และ S
หลังเปิดตัวก็ได้ให้สื่อมวลชนได้มีโอกาสทดลองขับยาริส 4 ประตูคันนี้ โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ- จันทบุรี ระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตร
รถที่ให้ทดลองขับในครั้งนี้จะเป็นรุ่น ท็อป ก็คือรุ่น Sทั้งหมด
ยาริสเอทีฟ เครื่องยนต์ขนาด 1,197 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-I แรงม้า 86 แรงม้าที่ 6,000 รอบ /นาที แรงบิด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ ระบบเกียร์แบบอัตโนมัติ Super CVT-I พร้อม Shift lock
รองรับน้ำมัน E 20 ถังน้ำมันจุ 42 ลิตร
นอกจากนี้ยังมีถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 7 ตำแหน่ง โดยให้มากับรถทุกรุ่น
รุ่น S คันที่ขับมีกล้องมองหลังขณะถอยหลัง ส่วนรุ่นอื่นเป็นแบบสัญญาณเสียงกะระยะถอยหลัง
กระจังหน้าแบบโครเมี่ยมรมดำ พร้อมตกแต่งด้วยแถบสีแดงบริเวณกระจังหน้าด้านล่าง
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบรมดำตกแต่งด้วยวงแหวนสีแดง พร้อมระบบเปิดปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติพร้อมด้วยไฟ LED ซึ่งเป็น Day Time Running Ligh มีไฟตัดหมอกหน้าให้ด้วย
ไฟท้ายรมดำแบบ LED Light Guiding มีไฟเบรกดวงที่ 3 มีรีเฟล็กเตอร์ท้ายซึ่ง มองเห็นระยะไกลเพื่อความปลอดภัย
กระจกมองข้างเป็นสีดำ เปียโนแบล็ค พร้อมไฟเลี้ยวตกแต่งด้วยแถบสีแดง ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า
มือจับประตูโครเมี่ยมพร้อมระบบเปิดประตูแบบอัจฉริยะ
ล้ออัลอยขนาด 15 นิ้ว ยางขนาด 185/60 R15
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบจอสี แจ้งเตือนเมื่อประตูปิดไม่สนิท สรุปอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันในแต่ละทริปการเดินทาง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ประหยัดได้ ความเร็วในการขับขี่และระยะทางที่สามารถขับขี่ได้จากปริมาณน้ำมันที่อยู่ในถัง
เครื่องเล่นวิทยุDVD ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องต่อ USB HDMI Micro SD Card ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth รองรับบริการพิเศษจาก T-Connect
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมจอ LCD
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start
พวงมาลับหุ้มหนังตกแต่งด้วยด้ายสีแดงพร้อมแถบเมทัลลิก พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์และควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่
โดยในช่วงเช้าก็นัดเจอกันที่ Toyota Driving Experience Park เพื่อที่เราจะได้ทดลองระบบควบคุมการทรงตัว VSC และ TRC
ซึ่งมีให้มาในรถคันนี้ และระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน ซึ่งก็เพิ่มความอุ่นใจให้ในการขับขี่
ได้ทดสอบการขับขี่แบบสลาลอมก็คือการวิ่งแบบโยกซ้ายโยกขวาผ่านกรวยที่วางเป็นช่องๆก็ได้เห็นการทรงตัวที่ดี
และในช่วงที่เป็นทางตรงก็ให้เหยียบลงไปสุดๆแล้วเหยียบเบรกเมื่อสิ้นสุดทางตรง ก็ได้เห็นว่าระบบเบรกหยุดได้ดั่งใจ เพราะมี ABS และ TRC มาช่วยด้วย ซึ่งระบบความปลอดภัยเหล่านี้ให้มาทุกรุ่น
และในส่วนของถนนที่ขรุขระ จะเห็นถึงความหนักแน่นหนึบหนับของช่วงล่างในรถ อีโค่คาร์คันนี้
เมื่อเสร็จจากการขับในสนามแล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะออกเดินทางไปยังจังหวัดจันทบุรีกันแล้วด้วยระยะทางประมาณ 240 กิโลแมตรโดยออกเดินทางจากบางนาไปทางมอเตอร์เวย์ และออกไปทางแกลงมุ่งหน้าไปจันทบุรีโดยดิฉันเป็นผู้โดยสารไปก่อนโดยนั่งข้างคนขับ ภายในรถเป็นสีดำ ที่นั่งปรับด้วยมือ เป็นเบาะผ้าสีดำ เพิ่มลวดลายให้มีสีสันแบบสปอร์ตมากขึ้น
เปิดที่บังแดดมีกระจกส่องหน้าทั้งด้านคนขับและด้านผู้โดยสาร ผู้หญิงชอบอยู่แล้ว
มีช่องเสียบ USB อยู่ตรงด้านขวาของหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ซึ่งเราก็หากันไม่เจอ ดีนะที่คุณแขผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์นั่งมาด้วยในที่นั่งด้านหลังชี้ให้เราดูถึงหาเจอ
ที่นั่งด้านหลังกว้างนั่งสบายนะคะ เพราะมองไปด้านหล้งที่คุณแขนั้งอยู่ยังมีช่องว่างระหว่างคนด้านหน้ากับหลังเยอะพอควร ที่นั่งด้านหลังพื้นจะเรียบนะคะ
ที่นั่งด้านหน้าทั้ง สองตัวมีกระเป๋าหลังเบาะหน้าทั้งคู่เลยนะคะ สาวๆชอบละมีที่เก็บของมากขึ้น
และเราก็เลี้วยเข้าเส้นทางที่จะไปแกลงเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งหลังจากนั้นเราจะมีช่วงที่ขับประหยัดน้ำมันขับไปอีกประมาณ 90 โดยใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
คันของดิฉันซึ่งเป็นคันผู้หญิงคันเดียวที่ไปในทริปนี้ ไม่ได้แข่งประหยัดน้ำมันกับเขาด้วย ช่วงที่สองนี้ดิฉันเป็นคนขับ ที่นั่งด้านคนขับปรับด้วยมืออย่างที่บอกไว้นะคะ แต่สามารถปรับสูงต่ำได้ค่ะ ดิฉันสูง 155 ซม .ก็เลยต้องปรับที่นั่งให้สูงขึ้นค่ะ ไม่งั้นที่นั่งจะต่ำเกินไปสำหรับดิฉัน
เราวิ่งด้วยความเร็วหลายระดับ ทั้ง 120 และเกินบ้างในช่วงที่ต้องแซงและเหยียบคันเร่งสุดสุด ขอบอกว่าความเร็วของเกียร์ CVT จะค่อยๆมาอย่างต่อเนื่องไม่ปรู๊ดปร๊าดแต่ก็เป็นที่น่าพอใจเมื่อมาแล้วก็มาเลยก็เพื่อการประหยัดน้ำมันด้วยค่ะเพราะเป็นอีโค่คาร์ เครื่องยนต์ขนาด 1,200 ซีซี ก็ไม่ได้เล็กนะคะ ขับไปเหยียบคันเร่งเพลินไปเลยลืมไปเลยว่าเป็นรถอีโค่คาร์ 1,200 ซีซี.คิดว่าเครื่องใหญ่กว่านั้น
น้ำมันคันที่ดิฉันขับวิ่งได้ 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งดิฉันว่าประหยัดแล้วนะจากการใช้งานจริงความเร็ว110-120 เร็วกว่านั้นในบางครั้งเมื่ิเร่งแซง
แต่คันที่ชนะประหยัดน้ำมันทำได้ 26.5 กิโลเมตรต่อลิตร
พวงมาลัยของยาริสจะหนักแน่นขึ้นตามความเร็วที่เราขับ ช่วงล่างเฟิร์มค่ะ
ขับออกต่างจังหวัดก็ไปได้สบายๆค่ะ ที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็กว้างมากใส่ของได้เยอะ ผู้โดยสารด้านหลังก็นั่งได้ไม่อึดอัด
เครื่องเสียงลำโพง 6 ตัวฟังเพลงเพลินไปเลย
อีกเรื่องที่ต้องยอมรับว่าช่วงไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงรถเก็บเสียงได้ดีทีเดียว เห็นบอกว่าใช้กระจกหน้าแบบซับเสียงและมีจุดซับเสียงอีกหลายจุด คนที่กังวลเรื่องเสียงก็น่าจะพอใจนะคะ
ส่วนเรื่องของยางอะไหล่จะไม่มีให้นะคะ แต่จะให้เป็นชุดซ่อมยางฉุกเฉินพร้อมที่ปั๊มลม สะดวกรวดเร็วด้วยน้ำยาอุดรอยรั่ว ไม่ต้องเปลี่ยนยางอะไหล่ ผู้หญิงอย่างเราเราสบายเลยถ้ายางมีปัญหา ไม่ต้องใช้แม่แรงยกล้อเพื่อเปลี่ยนยางอะไหล่ สามารถทำเองได้เลยนะ หากต้องเดินทางคนเดียว หรือคนในรถเปลี่ยนยางไม่เป็น
ส่วนราคาคงต้องบอกนะคะเพราะหลายท่านอยากทราบ
รุ่น S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 619,000 บาท
รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 599,000 บาท
รุ่น E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 549,000 บาท
รุ่น J เกียร์อัตโนมัติ ราคา 519,000 บาท
รุ่น J ECO เกียร์อัตโนมัติ ราคา 469,000 บาท
(ราคานี้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2560นี้ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2560 จะปรับราคาขึ้น)
ท่านที่กำลังตัดสินใจซื้อรถลองไปขับ YARIS ATIV ดูนะคะ รถอีโค่คาร์ที่คุณขับแล้วคุณอาจจะลืมไปเลยว่าเป็นอีโค่คาร์
ซื้อแล้วขับแล้วมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ
บริษัท โตโยต้า …