สายๆวันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญให้ไปทดลองขับรถโฟล์ค กอล์ฟ จีทีไอ โดยเดินทางพร้อมกับผู้สื่อข่าวสายรถยนต์กลุ่มเล็กๆ นัดหมายกันที่โชว์รูมวิภาวดีใกล้กับมหาวิทยาลัยเซ็นต์จอห์นเมื่อเดินทางไปถึงก็ได้พบกับผู้บริหารหนุ่มไฟแรง คุณรณชัย จินวัฒนาภรณ์ ซึ่งนั่งพูดคุยอยู่กับพี่ๆนักข่าว เลยได้มีโอกาสสอบถามข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับบริษัทในขณะนี้ ซึ่งให้ทราบว่า หลังจากงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา การตอบรับรถรุ่นอื่นๆที่ไม่ใช่รถตู้ซึ่งขายดีอยู่แล้วนั้นมียอดเข้ามากทีเดียว ซึ่งบางรุ่นต้องรอคิวที่จะส่งมอบรถ และนับจากนี้ไปจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่เข้ามาอีกก็เตรียมดูกันได้ในงานมหกรรมยานยนต์ที่จะถึงนี้แล้วกัน
มาว่ากันถึงรถที่ผมได้มีโอกาสทดลองขับดีกว่า แรกเห็นดูเหมือนรถมันจะธรรมดาไปไม่มีอะไรแตกต่างจากรถทั่วๆไปซึ่งในเรื่องการออกแบบนั้นอย่างที่บอกอยู่เสมอ รสนิยมแตกต่างกันก็ว่ากันไปชอบหรือไม่ชอบนั้นไม่ว่ากัน
รูปลักษณ์ภายนอก โฉบเฉี่ยวด้วยกระจังหน้าแบบรังผึ้งสีดำ พร้อมแถบสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ GTI ไฟคู่หน้าเฉียบคมดุดัน ไฟตัดหมอกหน้าดีไซน์เข้ากับสปอยเลอร์ สปอรต์ขนาดใหญ่ กันชนหลังสีเดียวกับตัวรถพร้อม Diffuser ด้านล่างสีดำ
ภายในนั้นผมชอบดีไซน์แฮะ เสียอย่างเดียวเบาะนั่งน่าจะใช้ด้ายแดงเย็บเหมือนจุดอื่นๆซึ่งจะทำให้ดูดีขึ้นไปอีก ปุ่มควบคุมต่างๆวางอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่าย มาพร้อมกับเบาะหนังแท้ Vienna แบบสปอร์ต แป้นคันเร่งและเบรกเป็นสแตนเลส ปัดเงาพร้อมวัสดุกันการลื่นไถล หัวเกียร์โครเมี่ยมหุ้มหนังแท้ พวงมาลัยหนังแท้พร้อมสวิทช์ควบคุมการทำงาน Multi – function พร้อมด้วยถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง รอบคัน และยังมีถุงลมนิรภัยกันเข่าอีก 1 ตำแหน่ง ห้องผู้โดยสารออกแบบมาสำหรับ 5 ที่นั่ง พร้อมด้วยตะขอ ISO Fix ที่เบาะหลังเพื่อติดตั้งเบาะนั่งสำหรับเด็กเล็กได้อีกด้วย
สำหรับเส้นทางในครั้งนี้ที่เราจะใช้กันนั้นคือออกจากโชว์รูมแล้ววิ่งขึ้นทางด่วนต่อไปยังด่วนลอยฟ้า เส้นบางนาวิ่งตรงไปสุดทาง แล้วไปเลี้ยวขวาเข้าทางบางทรายมุ่งหน้าไปสู่ชายหาดบางแสนไปยังโรมแรมที่เปิดใหม่ไม่นานชื่ออะไรนั้นจำไม่ได้ครับต้องไปดูรูปก่อนนี่คือเส้นทางที่เราจะวิ่งไปกันหรือเอาง่ายๆครับทางทีมงานบอกว่าวิ่งแบบฟรีรัน จะไปทางไหนก็แล้วแต่แต่ไปให้ถึงโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารกลางวันเป็นพอ เชิญขับกันเต็มที่เลย
พร้อมแล้วไปกันเลยครับ รถมาจอดรออยู่หน้าโชว์รูมแล้วมีทั้งหมดห้าคัน สามสีคือ แดง ขาว เงิน ผมได้รถคันสุดท้ายเป็นสีเงินพร้อมผู้โดยสารอีกสองท่านรวมเป็นสามคน โดยผมเป็นผู้ขับเป็นมือแรก ปรับตำแหน่งต่างๆทั้งกระจกมองข้าง มองหลัง เบาะนั่งให้ถนัดเข้าที่เข้าทาง คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วเข้าเกียร์กดคันเร่งเบาๆทำความคุ้นเคยกันเล็กน้อย การออกตัวนั้นแม้เกียร์ที่ใช้เป็นแบบ Dual Cluth 6 จังหวะนั้น ในตอนออกตัวอาจจะมีความรู้สึกว่ามันไม่อยากไปหรือหนืดๆนิดหน่อย แต่พอกดคันเร่งลึกไปนี่รถแทบจะกระโจนออกไปเลย ระวังไว้หน่อยก็แล้วกัน
การจราจรช่วงสิบโมงเช้าในวันนั้นค่อนข้างหนาแน่ แต่มันไม่ใช่อุปสรรคของรถคันนี้เลยสามารถแทรกตัวเข้าไปได้ ให้ความคล่องตัวสูงมากทั้งขนาดของรถเอง และพละกำลังของเครื่องยนต์ที่ให้มาเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับรถแล้ว ทีนี้แหละครับความสนุกมันก็เข้ามาแทนที่ บอกได้ว่าสุดยอด GTI ใหม่ตัวนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.0 TSI 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 Nm ที่ 1,700 – 5,200 รอบ ตอบสนองเท้าขวาได้เป็นอย่างดีเมื่อผ่านจราจรในตัวเมืองที่ค่อนข้างจะติด มาการจราจรที่เบาบางและโล่ง ไม่รอช้าที่จะกดคันเร่ง ลองอัตราเร่งช่วงเวลาสั้นๆนั้นหลังติดเบาะเลยทีเดียว เผลอหน่อยเดียวความเร็วบนหน้าปัทม์ทะลุไปถึง 200 เลยทีเดียว ระบบเบรกนั้นแม้จะเป็นเบรกแบบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าก็ยังให้ความรู้สึกที่เอาอยู่มั่นใจได้ ถึงจะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ส่วนช่วงที่ขับในเมืองโดยใช้ความเร็วต่ำนั้น อาจมีหัวทิ่มกันบ้างในระยะแรกเพราะเบรกค่อนข้างตื้น ช่วงล่างสามารถปรับได้ทั้งหมดสามรูปแบบได้ ไม่เกี่ยวข้องกับความสูงต่ำของตัวรถเลยไม่ว่าจะปรับไปในโหมดไหนก็ตาม ซึ่งระบบนี้เขาเรียกว่าระบบควบคุมการปรับช่วงล่างอัตโนมัติ Dynamic Chassis Control (DCC) สามารถเลือกโปรแกรมปรับการควบคุม ได้ตามความต้องการ นอกเหนือจากโหมดปกติ ยังมีแบบสปอร์ต (Sport) และแบบนุ่มนวล (Comfort) ให้เลือกใช้ได้ โดยหากใช้ความเร็วสูงก็ควรเลือกแบบสปอร์ตซึ่งจะรองรับแรงกระแทกได้ดี อีกทั้งยังให้ความรู้สึกมั่นใจในการเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี แต่หากท่านอยากนั่งแบบนุ่มๆสบายๆก็ปรับไปที่ Comfort ท่านจะได้นั่งแบบชิลๆไม่มีการกระแทกกระทั้น เหมาะกับการขับขี่ในเมือง
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของ Volkswagen ที่ติดตั้งระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ขณะเข้าโค้ง XDS ที่พัฒนาและเสริมต่อจากระบบ Electronic Limited – Slip Differential (EDS) และ Electronic Stabilizations Program (ESP) ทำให้ความมั่นใจสูงสุดในขณะเข้าโค้ง
แม้ว่าบนด่วนลอยฟ้าจะมีกระแสลมแรงและขับด้วยความเร็วสูง รถยังให้ความรู้สึกมั่นคง ไม่มีการโยกโยนไปตามกระแสลมปะทะแต่อย่างใด ในการขับขี่นั้นยังมีโหมดเกียร์ให้เลือกเล่นด้วย ทั้งเกียร์ที่สามารถปรับได้จากหลังพวงมาลัยหรือโหมดบวก ลบ ที่คันเกียร์เองและยังสามารถปรับไปที่ตัว S ซึ่งเป็นโหมดสปอตร์ ลากรอบเครื่องให้สูงขึ้นซึ่งลากไปถึงเกือบเจ็ดพันรอบทีเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกเพราะทุกทีที่มีการลากรอบและเกียร์เปลี่ยน เสียงเครื่องมันจะคำรามเข้ามาภายในห้องโดยสารสร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะในช่วงชิพอัพหรือชิพดาวน์ของเกียร์ ไม่ลองไม่รู้ครับ แต่เสียงนี่สะใจมาก ความสนุกมักจะหมดลงเร็วใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารกลางวันกัน
ในระหว่างนั้นได้พูดคุยกันถึงเรื่องของเสียงเครื่องและท่อไอเสีย ทำให้ทราบว่าได้มีติดไมค์เอาไว้เพื่อดึงเสียงเข้ามาในห้องโดยสารเพื่อเร้าอารมณ์และเพิ่มความเป็นสปอร์ตมากขึ้น
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นผู้โดยสารมั่ง ขากลับไม่รู้น้องเขาแค้นอะไรหรือนึกสนุกก็ไม่ทราบ เขาสามารถเรียกท็อปสปีดของรถได้ ใครว่าผู้หญิงขับรถไม่เก่งมาเจอน้องผมคนนี้ซิครับฮ่าฮ่า เบาะนั่งนั้นทางฝั่งคนขับออกแบบมาเพื่อความสปอร์ต ไม่ว่าจะเข้าโค้งยังไงตัวของผู้ขับขี่ก็จะไม่ไหลลื่นออกจากตัวเบาะเพราะจะมีปีกของเบาะมารองรับอยู่ทั้งฝั่งคนนั่งและคนขับ ก็นั่งสบายดีครับไม่รู้สึกอึดอัดเลย ด้านหลังนั้นถือว่ากว้างพอตัวนั่งสบายๆไม่อึดอัดและแล้วเราก็เดินทางมาถึงจุดสุดท้ายของวันนี้ เรานำรถมาคืนที่โชว์รูมได้อย่างปลอดภัย เก็บไว้เพียงความรู้สึกขับขี่ที่สนุกและไม่อยากจะคืนรถไปเลย
ทั้งนี้ ทางบริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ได้นำเข้า Volkswagen GTI เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย 2 รุ่นด้วยกัน ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2,480,000 บาท
######################################
เรื่อง เปรมศักดิ์ เพียรพานิชย์
premsak@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…