หลังจากเปิดตัวไปเมื่อ วันที่ 21 มกราคม 2564 มาสด้าเซลส์ประเทศไทยก็นำสื่อมวลชนร่วมกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถปิกอัพ ALL NEW MAZDA BT-50 รถที่ออกแบบตามเอกลักษณ์ของมาสด้า คือ โคโดะ ดีไซน์
มาด้วยเครื่องยนต์ดีเซล สองขนาดคือ 3.0 และ 1.9 ลิตร มีทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
โดยในครั้งนี้พวกเราได้เดินทางจากกรุงเทพเดิมเริ่มต้นที่ มาสด้า เจพี ถนนกาญจนาภิเษก บางแค ไปยังจังหวัดราชบุรี ระยะทางไปกลับกว่า 350 กิโลเมตร
ตลอดการเดินทางก็ได้ทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ทั้งสองแบบได้แก่
เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร
และเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ และรองรับน้ำมันได้ถึง B20
มีเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android สามารถใช้งานMiracast ผ่าน Wifiและรองรับการเชื่อมต่อ แบบ MirrorLink และลำโพงที่มากถึง 8 ตำแหน่ง (เฉพาะบางรุ่น)
มาสด้า BT -50 รุ่น 1.9 รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มี 3 รุ่นคือ สแตนดาร์ดแค็ป ฟรีสไตล์แค็ป และ ดับเบิ้ลแค็บ มีทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ
รุ่น 3.0 แบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ รุ่น ดับเบิ้ลแค็ป มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ
การเดินทางครั้งนี้จะขอพูดถึงเฉพาะคันที่ขับ
ซึ่งก็คือรุ่น FSC (Free Style Cab) 1.9 S HI-RACER 6 AT เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 1,900 ซีซี 150 แรงม้า แรงบิด350 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ
คันนี้คือรถยกสูง ประตูเปิดช่วงแค็ปได้ด้วยเป็นแบบที่ก่อนนั้นเรียกว่าเปิดแบบตู้กับข้าว ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนดี แต่ไม่ใช่แบบ Double Cab 4 ประตู (ดูจากคลิปวีดีโอได้เลย)
ภายนอก
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติ และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
มีDaytime Running Lamp แบบ LED
กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ วัสดุตกแต่งกระจังหน้าสีเงิน กันชนหลังสีเดียวกับตัวรถ
กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยว เป็นแบบปรับและพับไฟฟ้า
บันไดข้างสีเงิน
ล้อยางขนาด 255/65/R17
ภายใน
เบาะนั่งเป็นวัสดุผ้าสีดำ ลายสปอร์ต ระบบปรับอากาศแบบหมุนธรรมดา
ที่นั่งด้านคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง ด้านคนนั่งปรับได้ 4 ทิศทาง
แผงบังแดดคู่หน้ามีกระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่างทั้งด้านคนขับและผู้โดยสาร
ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์และช่องจ่ายไฟ USB
กุญแจ Smart Keyless Entry ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start
หน้าจอแบบสัมผัส 7 นิ้ว
รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและระบบ Android ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ
ระบบความปลอดภัย
ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4จุด
ไฟตัดหมอกหน้า LED กล้องมองหลัง ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติระบบเตือนเมื่มีรถอยู่ในจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาเมื่อถอยหลัง
ระบบความปลอดภัยอีกหลายอย่าง ทั้ง ABS BA EBD ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย
การเดินทางครั้งนี้ด้วยคอนเซ้ปต์ “LIFE PARTNER”
-My Business Partner ,My Advanture Parter,My Passion Parter,และ My Inspiration Parter ที่มีพื้นฐานมาจากเอกลักษณ์ของรถที่จะเติมเต็มทุกด้านของชีวิต เปรียบเหมือนเพื่อนคู่คิดที่พร้อมจะพาไปสู่จุดหมายปลายทางโดยผ่านสถานที่ที่เป็นตัวแทนดังกล่าวในการบอกเล่าเรื่องราว
ช่วงอาลองของ
คันที่ขับคือรุ่น FSC 1.9 S HI-RACER 6 AT คันนี้คือรถยกสูง ประตูเปิดช่วงแค็ปได้ด้วยเป็นแบบที่ก่อนนั้นเรียกว่าเปิดแบบตู้กับข้าว ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนดี แต่ไม่ใช่แบบ Double Cab 4 ประตู รุ่นนี้ก็มีแต่ไม่ได้ขับ
รถก็ก้าวขึ้นลงสะดวก ที่นั่งคู่หน้าปรับมือ แต่ด้านคนขับ ปรับได้ 6 ทิศทางสามารถปรับสูงต่ำได้ด้วย แต่ฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทางปรับสูงต่ำไม่ได้
เมื่อปรับทุกอย่างเข้าที่ เราก็เริ่มออกเดินทางกันเลยจากโชว์รูม มาสด้าเจพี สาขากาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นฺ Business Partner
มุ่งหน้าสู่ ที่ร้านภูผาต้นสน จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็น Advanture Partner
โดยนั่งไปด้วยกันผู้หญิง สองคน มุ่งหน้าสู่พระรามสอง รถค่อนข้างเยอะ ออกตัวครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่ายังไม่ปรู๊ดปร๊าดนัก แต่เมื่อเหยียบคันเร่งลงไปเพิ่มขึ้นความเร็วก็มาเลย ยิ่งถ้าติดลมแล้วช่วงกลางกลางความเร็วจะมาอย่างต่อเนื่องเร็วจนต้องแตะเบรกกันเลย
ซึ่งได้ลองเหยียบความเร็วแค่ช่วงสั้นๆก็ไปได้ถึง 160 ในช่วงถนนโล่ง และสามารถไปได้อีก แต่ผู้ขับก็ลดความเร็วลงกลับมาสู่ความเร็วปกติ ประมาณ 120 ซึ่งก็เพียงพอแล้ว
เส้นทางที่เดินทางในครั้งนี้ให้ฟิลลิ่งของการขับรถกระบะดีจริง เมือวิ่งผ่าน อย่างถนนพระรามสองที่มีรถบรรทุกเยอะ ถนนใช้งานหนัก ช่วงล่างจะรู้สึกว่ารถกระเทือนมากกว่าปกติตามสภาพถนน
แต่เมื่อวิ่งผ่านถนนราดยางกลับรู้สึกถึงความเฟิร์ม ไม่กระเทือน แต่ก็ไม่นิ่มนวลนะ วิ่งความเร็วสูงช่วงล่างซับแรงกระเทือนได้ดี
พวงมาลัยออกแบบเหมือนขับรถเก๋งเลย ขนาดกะทัดรัดดี จับกระชับมือ และหนักแน่นดีด้วย ไม่มีอาการฟรีที่พวงมาลัย ควบคุมง่าย เข้าโค้งก็เกาะดีนะ ถ้าคุณไม่ตะบี้ตะบันเข้าด้วยความเร็วสูงมาก
ระบบเบรกเขาเซ็ทมาดี คือเหยียบปุ๊บเหมือนจะหยุ่นลงไปแต่หยุด เบรกได้นิ่มนวลมาก สัมพันธ์กับความเร็วดี
ทัศนวิสัยการขับขี่ ก็มองเห็นได้ชัดเจน
ชอบที่บังแดด ใหญ่ดี เวลาแดดมาปิดได้ค่อนข้างเยอะ
ส่วนในเรื่องของอัตราเร่งแซงนั้นถือว่าใช้ได้เลย เพราะขับครั้งนี้ได้ใช้บ่อยเพราะเป็นถนนสองเลนและรถบรรทุกอ้อยค่อนข้างเยอะ เราก็ต้องเร่งแซงเป็นช่วงช่วง ก็ถือว่าอัตราเร่งแซงโอเคนะ ด้วยรถขนาด 1,900 ซีซี
ส่วนเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด การเปลี่ยนเกียร์ก็นิ่มนวล ไม่รู้สึกเลย
ขับกันด้วยระยะทางไปกลับประมาณ 350 กิโลเมตร ก็ไม่เหนื่อย ช่วงล่างซับแรงกระเทือนได้ดี
ความปลอดภัยให้เท่าที่จำเป็น ใช้ได้อเนกประสงค์ก็เป็นกระบะอีกหนึ่งคันที่น่าสนใจ
และเราก็เดินทางไปอีก 2 ที่เป็นMy Passion Parnter,และ My Inspiration Partner
ด้วยราคาค่าตัว 832,000 บาท หน้าตาด้านนอกสวยดี ด้านในสวยนะ และช่วงนี้ก็เน้นด้านการบริการมากคือรับประกัน 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร และฟรีค่าแรง 5 ปี
ถ้าอยากได้รถแบบฟรีสไตล์แค็ปยกสูง มองมาคันนี้ด้วยนะ
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา(อาลองชอง)
ผู้หญิงขับรถ