รีวิว ทดลองขับ Honda ‘ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่’กับ ‘ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่’(มี Clip City Hatchback)

หลังจากเปิดตัวไปเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2563 บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ก็นำสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของซิตี้คาร์ 2 รุ่นใหม่ ภายใต้ “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” ได้แก่ Honda City HATCHBACK ซิตี้คาร์สปอร์ตแฮทช์แบ็ก (รถแบบ 5 ประตู)น้องใหม่ และ Honda City E-HEV ใหม่ ซิตี้คาร์ Full Hybrid รุ่นแรกของเซกเมนต์ (รถ 4 ประตู)มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD
รวมระยะทางไป-กลับ จากกรุงเทพฯ สู่เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กว่า 400 กิโลเมตร

โดยก่อนเริ่มกิจกรรมการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น ก็ได้ร่วมรับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์และรายละเอียดการพัฒนา ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ และ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ที่มาพร้อมความโดดเด่นด้วยบุคลิกที่แตกต่างกัน

โดย ฮอนด้าซิตี้แฮทช์แบ็กใหม่เครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองอย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราการประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร (ข้อมูลบริษัท) ขับสนุกด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (7-Speed Paddle Shift) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่

มาพร้อมความสปอร์ตโดดเด่นเต็มขั้นกับรุ่น RS ที่โฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS กันชนหน้าและกันชนหลังสไตล์สปอร์ต

 ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED และ ไฟตัดหมอกแบบ LED

 กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัวสปอยเลอร์หลังตกแต่งสีดำแบบสปอร์ต และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว มาพร้อมสีใหม่ สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)

 ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง อัปเกรดความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยแถบสีแดง มาพร้อมเบาะนั่ง อัลตรา ซีท (ULTR) อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ที่แยกพับได้แบบ 60:40 สามารถปรับเปลี่ยน
เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ปรับได้แบบนี้

  • Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
  • Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
  • Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
  • Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดงสไตล์สปอร์ต (เฉพาะรุ่น RS) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น

ส่วนความปลอดภัยก็อย่างเช่น ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) และเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เป็นต้น

ในช่วงของการขับจริง

Honda City HatchBack ก็ได้ขับคันนี้ก่อน รูปร่างของตัวห้าประตูนี้ดูสปอร์ตดี ท้ายไม่ลาดจนเกินไป  เมื่อเข้าไปนั่งข้างในก็รู้สึกว่ากว้างขวางดี ที่นั่งด้านคนขับและผู้โดยสารหน้าปรับมือ แต่ด้านคนขับสามารถปรับสูงต่ำได้ ด้านคนนั่งปรับไม่ได้

โดยออกจากไบเทคบางนา ก็ได้ลองระบบช่วงล่างก่อนเลยเพราะถนนหลายช่วงมีลูกระนาด ก็รู้สึกว่าช่วงล่างซับแรงกระเทือนได้ดีไม่กระด้างแต่ก็ไม่นิ่มนวลนะ

ส่วนเบาะที่นั่งก็กระชับตัวคนขับและคนนั่งคือกระชับรับส่วนหลังได้พอเหมาะ คนขับและคนนั่งสูงประมาณ 155 ซม.

พวงมาลัยถือว่าหนักแน่นกระชับมือดี การออกตัวก็สัมพันธ์กับคันเร่งที่เราเหยียบ อยากไปเร็วก็เหยียบไปแรงๆ การเปลี่ยนเกียร์นิ่มนวล การเกาะถนนเมื่อเข้าโค้ง มั่นใจได้ เวลาถอยหลังก็จะมีกล้องมองหลังให้ด้วย ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ดี

แต่รุ่นนี้ไม่มีฮอนด้า Sening นะ แต่จะมีจุดเด่นในเรื่องของการเบาะนั่ง อัลตรา ซีท (ULTR) อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ที่แยกพับได้แบบ 60:40 สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ที่เราได้พูดไปแล้วข้างต้น

ซึ่งอันนี้เหมาะมากเลยกับคนที่ชอบช้อปปิ้งหรือเดินทางท่องเที่ยว เพราะสามารถใส่จักรยานข้างในได้ ถ้าพับที่นั่ง

หรือถุงกอล์ฟ สาวสาวน่าจะชอบรถลักษณะนี้

ส่วนฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ (รถ Sedan 4 ประตู )ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ใน ระบบ Full Hybrid ที่ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร(ข้อมูลบริษัท) ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20

โดย ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง ได้แก่

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่

ซิตี้คาร์ไฮบริด ด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark) และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย กับดีไซน์ RS รอบคัน ด้วยกระจังหน้าและสปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว

 และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว มาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก)

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว

ช่องปรับอากาศตอนหลัง และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

 ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เป็นต้น

ในเรื่องของความปลอดภัย เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง อาทิ ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)  พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)  ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) และเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT)

 อุ่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) เป็นต้น

หลังจากนั้นก็ได้ขับฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่  ซึ่งเป็นรถแบบ 4 ประตูซึ่งพื้นฐานก็มาจากตัวซิตี้ 4ประตู 1.0 Turbo แต่คันนี้ เครื่องยนต์ ขนาด 1,500 ซีซี ละ เมื่อขึ้นไปขับ สตาร์ทรถแล้ว ภายในเงียบมาก จนไม่แน่ใจว่าสตาร์ทหรือยัง การออกตัวนิ่มนวลกว่า 5 ประตูแต่เมื่อขับไปแล้ว ส่วนการทำงานนั้นว่าเป็นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า หรือการชาร์จไฟนั้น ดูได้จากหน้าจอ ซึ่งเห็นการทำงานของระบบไฟฟ้าเมื่อเราขับ

การเร่งแซงการเกาะถนนเมื่อขับก็ไม่รู้ถึงความแตกต่างว่าเป็นรถแบบไฮบริด ความเร็วก็มาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเหยียบเวลาเร่งแซงความเร็วก็มาเลย

การเกาะถนนดี  เกียร์เปลี่ยนนุ่มนวล

เมื่อเป็นรถแบบไฮบริดก็ย่อมประหยัดน้ำมันกว่ารถแบบใช้น้ำมันล้วนอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่ขออภัยลืมกดดูเรื่องการประหยัดน้ำมันของคันที่ขับ

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • รุ่น RS   ราคา 749,000 บาท
  • รุ่น SV   ราคา 675,000 บาท
  • รุ่น S+   ราคา 599,000 บาท

ส่วน ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี มีเพียงรุ่นเดียว

 รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท

ทั้งสองรุ่นนี้มีบุคลิกและการใช้งานที่แตกต่างกัน

กันอย่างเด่นชัด   ก็คงตัดสินใจไม่ยากสำหรับท่านที่ตัดสินใจเลือกรถทั้งสองรุ่น

ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา (ผู้หญิงขับรถ)

อาลองของ

Facebook Comments
Thunyaluk Seniwongs

Recent Posts