รอบเดินเบาและเบรค
Brand: TOYOTA Model: Corolla
Year: 1995 Miles: 100001 – ขึ้นไป
From: มงคล สุวรรณศิริศิลป์
สวัสดีครับอาหมู
มีปัญหาเรียนปรึกษาดังนี้ครับ
1.รถติดแก๊ส LPG ระบบหัวฉีด ใช้มา 1 ปี ระยะทางประมาณ 40,000 กิโลเมตร เพิ่งจะนำรถไปจูนแก๊สให้บางลง มีปัญหาคือ ในช่วงเช้าหลังจากที่จอดรถข้ามคืน หรือในช่วงเย็นที่จอดรถอยู่ทั้งวัน เมื่อติดเครื่องยนต์ อุณหภูมิและรอบเครื่องได้ตามกำหนด จะเปลี่ยนการทำงานจากน้ำมันเป็นแก๊ส ออกรถวิ่งได้สัก 1 กิโลเมตร เมื่อรถติดหรือต้องหยุดเพื่อกลับรถ จอดนิ่งๆ (เกียร์ D) รอบเดินเบาจะต่ำมาก ลดลงเหลือ 500-600 รอบ เครื่องสั่นคล้ายกับจะดับ แต่ไม่ดับ แต่ถ้าเข้าเกียร์ N ไว้ รอบจะไม่ต่ำแบบนี้ครับ แต่เมื่อรถวิ่งต่อไปได้เรื่อยๆ น่าจะสักประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อต้องหยุดรถ อาการรอบต่ำดังกล่าวจะหายไป รอบเครื่องจะเป็นปกติที่ประมาณ 700-800 รอบ หรือถ้าเริ่มออกจากบ้านหรือที่ทำงาน หากวิ่งออกมายาวเลยโดยไม่หยุด เมื่อหยุดครั้งแรก ก็จะไม่มีอาการรอบต่ำเช่นกันครับ ก่อนที่จะจูนแก๊สให้บางลงนั้น ก็มีอาการเช่นเดียวกัน แต่รอบเดินเบาจะสูงกว่านี้เล็กน้อย อาการนี้ไม่เกิดขึ้นหากใช้น้ำมัน เรียนถามอาหมูว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากอะไร
2.ผมขับรถออกจากบ้านเพื่อน อยู่ดีๆ เครื่องยนต์ดับ สตาร์ทใหม่เครื่องยนต์หมุน แต่ไม่ติด บางครั้งมีเสียงสำลักคล้ายจะติดแต่ไม่ติด จอดรถไว้ไปตามช่างจากอู่แท๊กซี่ใกล้ๆ มาดูอาการ ช่างถามว่าแก๊สหมดหรือเปล่า ผมเองก็ไม่แน่ใจ เพราะตอนขามานั้นใกล้จะหมดแล้ว แต่ก็บอกช่างว่าถ้าแก๊สหมด มันจะตัดเข้าใช้น้ำมันอัตโนมัติ เขาถอดสายแก๊สที่เข้าหัวฉีดกับหม้อต้มมาดู ไม่พบอาการอะไร หลังจากนั้นเขาไปขยับสายไฟบางเส้น ซึ่งช่างบอกว่าเป็นสายไฟหัวฉีด (รวมเวลาจากที่เดินไปตามช่างและที่ช่างมาดู ประมาณ 30 นาที) ช่างบอกให้ผมลองติดเครื่องยนต์ใหม่ ปรากฏว่าสตาร์ทติด เมื่อเครื่องยนต์ติด สวิตซ์ร้องเตือนและเปลี่ยนเป็นน้ำมันทันที แสดงว่าแก๊สหมด ซึ่งผมสงสัยว่าทำไมสวิตซ์ไม่ทำงานอัตโนมัติในตอนแรก แต่ช่างบอกว่าอาจจะเป็นที่ไฟไปหัวฉีด สายอาจจะหลวม ขยับนิดหน่อยเลยใช้ได้
วันรุ่งขึ้นผมนำรถไปอู่ติดแก๊ส ช่างบอกว่าสวิตซ์ทำงานเป็นปกติดี สงสัยว่าอาจจะเป็นที่ปั๊มติ๊กหรือกรองน้ำมันเชื้อเพลิง ผมบอกว่ามันใช้มาเป็นระยะเวลานานแล้ว อย่างกรองน้ำมันเชื้อเพลิงใช้มาเกือบหนึ่งแสนกิโลเมตรแล้ว พอถอดออกมาช่างบอกว่ามอเตอร์ปั๊มติ๊กเสีย และกรองน้ำมันเชื้อเพลิงสกปรกมาก จึงจัดการเปลี่ยนทั้งสองตัว สิ่งที่จะเรียนถามอาหมูคือ ผมใช้แก๊สโซฮอล์ 95 ซึ่งช่างบอกว่า การที่น้ำมันนี้แช่อยู่ในถังนานๆ โดยไม่ค่อยได้ใช้ ทำให้ปั๊มตึ๊กเสีย และกรองน้ำมันเชื้อเพลิงมันสกปรกมาก ขอให้ใช้เบนซิน 95 แทน เป็นอย่างที่ช่างว่าหรือเปล่าครับ แต่โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อ เพราะเชื่อว่าเกิดจากการที่เราใช้มาเป็นระยะเวลานานจนถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะตอนนี้ก็ยังคงใช้แก๊สโซฮอล์อยู่ (ผมจะเติมประมาณครึ่งถัง แต่จะเติมเมื่อน้ำมันใกล้จะหมด เพราะสังเกตไฟสัญญาณเตือนน้ำมันหมดจะติดสว่าง ซึ่งเป็นเวลาหลายวันเหมือนกันกว่าผมจะเติมน้ำมันเข้าไปใหม่)
3.เมื่อเดือนกรกฎาคม ผมนำรถไปเปลี่ยนจานเบรกคู่หน้า ผ้าเบรก 4 ล้อ และตั้งศูนย์ 4 ล้อ ช่างไม่ได้เจียร์จานให้ ใช้ได้เป็นปกติดี แต่เมื่อมีการใช้เบรกบ่อยๆ และเบรกแรงๆ แป้นเบรกจะมีอาการสะท้านและสู้กับเท้า ในขณะที่เวลาเบรกรถจะสั่น (รู้สึกได้ว่ามันสั่นขึ้นมาจากล้อหน้า) แต่ผมยังไม่ได้นำไปแก้ไข ในเดือนสิงหาคม ผมขับรถไปจังหวัดน่าน ทางขึ้นเขาลงเขา ใช้เบรกมาก อาการที่ว่าก็กลับมา และมีอาการอื่นเพิ่มขึ้น คือ ช่วงลงเขาเวลาแตะเบรกเพื่อชะลอความเร็ว พอปล่อยเท้าจากแป้นเบรก เหยียบคันเร่งเพื่อเร่งขึ้นเขา ปรากฏว่ามีเสียงดังบางๆ เหมือนเหล็กสีกัน ดังออกมาจากล้อด้านขวา (ดังแค่ล้อเดียว) และจะได้ยินชัดเจนมากขึ้นหากในขณะนั้นมีการหักพวงมาลัยไปทางขวาเพื่อเข้าโค้งด้วย พอคืนพวงมาลัยตรงหรือหักไปทางซ้าย เสียงก็จะหายไป เมื่อถึงตัวจังหวัด ไม่ได้ใช้เบรกบ่อยและหนัก อาการก็หายไป ขากลับก็เกิดอาการอีก แต่ทีนี้จะมีเสียงดังตลอดในขณะที่รถวิ่งเลย ซึ่งจะดังตามความเร็วของล้อรถ และเมื่อเอียงพวงมาลัยไปทางขวา เสียงจะยิ่งดังชัดเจนมากขึ้น ผมจอดรถเอามือแตะที่กระทะล้อ ปรากฏว่า กระทะล้อด้านขวาร้อนมาก ในขณะที่ด้านซ้ายไม่ร้อน
ผมนำรถมาเข้าอู่เดิมที่เปลี่ยนผ้าเบรก เขานำรถไปเจียร์จานเบรกให้ อาการดังกล่าวก็หายไปทั้งที่ใช้รถเป็นระยะทางมาก ใช้เบรคบ่อยและหนักด้วย จนกระทั่งเมื่อวานนี้ เกิดมีอาการแบบเดิมขึ้นอีก เรียนถามอาหมูว่าน่าจะมีสาเหตุจากอะไรและจะแก้ไขอย่างไรครับ (ที่ล้อหน้าจะมีผงฝุ่นดำๆ จากผ้าเบรกค่อนข้างมาก)
ขอให้อาหมูมีสุขภาพที่แข็งแรง
ขอบพระคุณครับ
1-เกิดจากระบบแก๊ส ไม่ชดเชยรอบให้ตอนแรกแรกครับ คงมีการติดขัดของจ่ายระบบแก๊ส ที่จะต้องเอาไปเช็กอีกที ด้วยคอมพิวเตอร์ของระบบแก๊สนั่นแหละครับ
2-ผมใช้รถฟอร์ด เอสเคป ปี 2004 ตอนนี้ก็ห้าปีเข้านี่แล้ว เคยเติมน้ำมัน 95 ครั้งเดียวเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ตอนเดินทางไปนครไทย พิษณุโลก และกลับกลางคืน เกรงจะไม่มีน้ำมันแก๊สซอฮอลให้เติม นอกจากนั้น ก็เติมแก๊สซอฮอล 95 มาตลอด ไม่เห็นมีอาการอะไรอย่างที่ช่างของคุณบอก แสดงว่า ช่างมั่วไปเรื่อยเรื่อยในเรื่องเชื้อเพลิง ไม่รู้จริง แต่ชอบแสดงว่ารู้
ผมว่า เป็นเพราะความหลวมของสายไฟมากกว่าครับ อย่างที่ช่างคนแรกบอกนั่นแหละ
3-เรื่องล้อมีผงดำดำมาก ไม่ใช่สาเหตุจากอะไรทั้งนั้น เป็นปกติของผ้าเบรกหลายชนิด โดยเฉพาะพวกที่ไม่ใช่ใยหินที่อันตรายกับปอดของเรา
เหตุที่เบรกมีเสียงดังทั้งสองครั้งนั้น เกิดเพราะคนใส่กระทะล้อเข้าไปกับดุมหรือจานล้อ ไม่ได้ใช้ประแจปอนด์ขันแน่น หากแต่ใช้การขันน๊อตเข้าไปเฉยเฉย และขันแน่นมาก จนน๊อตเข้าไปดึงให้จานเบี้ยวหรือคดครับ และอาการนี้จะเป็นมากขึ้นเรื่อยเรื่อย จนเกิดดังขึ้นมา
เมื่อคุณเอารถไปให้ช่างซ่อมให้อีกที ช่างอาจจะบอกคุณว่า จานบางเกินไปแล้ว และต้องเปลี่ยนจานใหม่
แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนจาน เจียร์จานกี่ครั้งกี่หน ตราบใดที่ช่างยังไม่ใช้ประแจปอนด์ขันน๊อตล้อ และยังคงใช้ประแจธรรมดา รวมถึงกากะบาดขันน๊อตล้อให้แน่นอยู่ละก็ อาการก็ยังคงเกิดขึ้น และจานล้อของคุณจะบางลงเพราะการเจียร์อยู่เสมอ ไม่มีวันหายได้หรอกครับ
นอกจากจะเอารถไปทำกับช่างยนต์สมัยใหม่ ที่รู้จักใช้ประแจปอนด์ ในการขันน๊อตล้อเข้าที่-ธเนศร์