Categories: สนทนา

รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น ทำไมราคาต่างกัน

ที่postมานี่เป็นประสบการ์ณและก็เป็นความจริง เคยลองtest drive camryรุ่นนี้ก่อนเปลี่ยนใจมาซื้อw211 ทั้งที่แพงกว่าหลายเท่า เคยไปtest drive camryกับsale ขึ้นทางด่วนรามอินทรา speed140 รถเริ่มส่าย เกาะไม่อยู่ แล้วตัวsaleก็ร้องว่าพี่ๆ ระวังๆ เขาเองยังไม่มั่นใจในรถที่เขาขายเลย
เปลี่ยนใจจะไปซื้อaccord เตรียมเงินไปhonda srinakarinเกือบสองล้าน บอกsaleว่าขอtest driveช่วง120up เพราะฟังคนใช้อยู่บอกว่าเสียงลมเข้าและรถเริ่มไม่นิ่ง ถ้าพอรับได้ไม่หนักหนาก็ซื้อเลย
saleบอกว่าไม่มีนโยบายให้ทดสอบความเร็วนี้ ให้ขับวนรอบๆshowroom ขนาดเราจะซื้อเขายังไม่กล้าพิสูจน์รถเขาเลย
เท่าที่สัมผัสaccordช่วงสั้นๆ เสียงยางบดถนนดังเข้ามาในห้องโดยสารดังมาก เวลาเข้าเกียร์ก็แข็งกระด้าง ยังไม่ได้ลองช่วงspeed100up เพราะเขาไม่ให้ลอง นี่ขนาดเตรียมเงินจะไปซื้อ แสดงวารถเขาต้องขายดีแบบไม่ง้อลูกค้าเลยชนิมึงไม่ซื้อก็ช่าง รถกูก็ขายไม่ทันอยู่แล้ว
รถดูหรูดูภูมิฐานมาก ของเล่นเยอะมาก ทั้งnavigator กล้องส่องถอยหลังชนิดรถbenz ,bmwระดับ5ล้านไม่มีให้ เป็นของเล่นจนเราเกือบหลงไปกับมัน และดูเหมือนพวกeuropeมันใจแคบจัง ของแคนี้ให้ไม่ได้
แต่หัวใจของรถคือdriving and safetyไม่มีเลย

ไปลองbmw,benzนิ่งมากที่ความเร็ว160up เกาะหนึบ ยิ่งขับเร็วเหมือนลมยิ่งกดตัวรถจิกกับถนน ไม่มีส่ายหรือจะtake offแบบเครื่องกำลังจะขึ้นบิน
ไม่มีจุดมุ่งหมายมาว่ากล่าวรถยี่ห้อดังกล่าวเลย ไม่ตัองpostด่ากัน มันเป็นข้อมูลประโยชน์เฉพาะคนที่ตัดสินใจจะซื้อรถสักคันที่ปลอดภัยจริงๆเท่านั้น ไม่ได้ดูที่ราคาหรือรูปลักษณ์ภายนอก
p 2/17/2009 11:35:09 AM
ปัญหาคือ ความเร็วในระดับนั้น 160+ นั้นคุณใช้บ่อยแค่ไหน มันหลาย ๆ อย่างประกอบกันน่ะครับ ถ้าอยู่ในต่างประเทศยกเว้นเยอรมัน โอกาสใช้ความเร็วเท่านั้นแทบไม่มีเลย สูงสุดก็ 120
J 2/17/2009 1:50:40 PM


จริงๆผมว่า accord กับ benz c200 ตัวปัจจุบัน ผมคิดว่าสำหรับคนที่ตัดสินใจซื้อ accord 2.4 อยู่ถ้าจะเอียงไปมอง c200 ก็ไม่เลวนะครับ(ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน)
jone 2/18/2009 10:44:30 PM


$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

……………….test………………………

WWWWWWWWWWWWWWWW
light 2/19/2009 10:34:40 AM


ส่วนตัวผม ปกติขับแค่110km/hr
ขับไม่เกิน140km/hr
จะมี160+บ้าง แต่ประมาณเดือนละครั้ง(ตื่นสาย)
ขับรถไปเรียนวันนึงประมาณ110km

รถญี่ปุ่นราคา1.5ล้าน
ได้รถขนาดใหญ่
ที่นั่งกว้างขวาง อุปกรณ์เหมาะสมตามความต้องการ
ระบบความปลอดภัย อาจไม่ถึงกับขั้นรถหรูๆ แต่พอรับได้
ข้อเสียคือรถต้องแบกตัวถังหนักๆ ไม่ประหยัดเท่าไหร่
แต่ช่วงล่าง ผมมั่นใจว่า ถ้าความเร็วไม่สูงเกิน130
ยังไงก็แทบไม่ต่างกันเลยครับ

อีกอย่างนึง ถ้ารถมันชนในระดับความเร็ว100+แล้ว ผมว่ายังไงก็เป็นซาก
ต่อให้เป็นS class หรือLS460 ถ้าความเร็ว80ขึ้นไป ยังไงก็เละครับ

เทียบกับBenz C class หรือ BM S-3 ที่ระดับราคาแพงกว่าเป็นล้าน
สิ่งที่รถยุโรปให้เราคือ
ภาพลักษณ์ เคยมีคนบอกว่า ลงจากรถBenz BM หน้าตาจะดูดีขึ้น50%
ความมั่นใจในการขับขี่ (เผื่อในช่วงเวลาเร่งรีบ หรือสภาพถนน+คนขับไม่พร้อม)
เครื่องยนตร์ ความเร็ว(อาจจะต่างกับรถญี่ปุ่นเครื่อง2.4ไม่มาก)
ที่นั่ง ความกว้างขวาง เล็กกว่าพอสมควร
การประหยัดน้ำมัน ตัวถังรถเบา+เครื่องยุโรปสมัยใหม่ ประหยัดมากๆ

ถ้าให้เลือกระหว่าง2ตัวเลือกนี้
ถ้าผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ผมเลือกรถยุโรปครับ
เพราะผมขับรถไปเรียนคนเดียว ไม่ต้องการที่นั่งกว้างขวาง
แต่ต้องการการประหยัดน้ำมัน และความมั่นใจในการขับขี่ เผื่อเวลาเร่งรีบบ้าง
แต่ถ้าเรื่องเงินเป็นปัจจัยด้วยล่ะก็
ราคาต่างกันเป็นล้าน ยังไงผมก็เลือกaccord/camry
ถ้าซื้อรถใหญ่ๆแบบนี้ อนาคตข้างหน้าผมเรียนจบ ก็ไม่ต้องเปลี่ยนรถเลย
ใช้ไปยันแก่ พาพ่อแม่ ภรรยา ไปเที่ยวได้สบายๆโดยไม่อึดอัด
เผื่ออารมในวันข้างหน้า เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความแรงของรถคงไม่เท่ากับ
ความสบายของคนในครอบครัว(กว้างไว้ก่อน ยังไงก็ดีกว่าแคบๆ)

สภาพการเงินผมตามความเป็นจริง ตอนนี้มีปัญญาซื้อแค่รถญี่ปุ่นแหละครับ
มองในมุมมนุษย์ธรรมดาๆคนนึง Camry คือรถในฝันของผมเลย
ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง
ตอนนี้ยังใช้ตอนนิวออสอยู่เลยครับ
FireYen 2/19/2009 10:56:41 AM


สวัสดีครับ
ข้อมูลเก่าในอดีต การค้นคว้าเพื่อทำรถต้นแบบที่มีความสมบูรณ์ต้องใช้ทุนทรัพย์ที่สูงมากๆกว่าจะเสร็จสมบูรณ์นำมาผลิตจำหน่ายได้ วิศวกร เทคโนโลยี่ เวลา ทั้งหมดถูกนำมาคิดเป็นต้นทุนทั้งหมดก่อนที่จะเคาะออกมาเป็นราคาจำหน่ายต่อหน่วย ซึ่งก็น่าเห็นใจผู้ผลิตครับ (แต่หากไม่บวกกำไรจนมากเกินไปก็จะยิ่งดีใหญ่เลยครับ)
หลักคิดเรื่องการลงทุนกับต้นแบบนี้เป็นหลักคิดที่ฝรั่งใช่สร้างสินค้าคุณภาพ แม้กระทั่งยารักษาโรคในอดีตยาบางตัวต้องใช้เวลาถึง10ปีจึงออกจำหน่ายได้เนื่องจากต้องการรอดูผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ ช่วนนั้นไม่รูว่าทั้งลิง หนู กระต่ายต้องตายไปกี่หมื่นตัวเพื่อมาถูกทดลองกก่อนมนุษย์
แต่ในปัจจุบัน เขาอาจจะมีวิธีลดต้นทุน และเวลาได้มาก แต่วิธีคิดราคาจำหน่ายต่อหน่วยอาจจะยังเหมือนเดืมก็เป็นไปได้
สำหรับรถญี่ปุ่น นั้นในอดีตก็อาจจะเห็นว่าออกมาได้เร็วกว่าและหน้าตาก็บังเอิญเหลือเกินไปเหมือนกับรุ่นโน้นบ้างรุ่นนี้บ้าง แต่ในปัจจุบันก็เห็นมีการทดลองรถรุ่นใหม่ๆตามสไตล์ฝรั่งมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเลกซัส อินฟินิตี หรือฮอนด้าเอฟเอกซ
ทั้งหมดนี้ก็จะมาเป็นตัวแปรในการกำหนดราคา หากจะถามถึงสมรรถนะก็ผกผันตามราคาจำหน่าย
ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ
p.sin 3/17/2009 8:14:47 AM


วันนี้ลองให้พวกฝรั่งมาทำรถราคา 1.5 ล้านขายบ้างสิครับ ไม่ให้ขาย 2.8 ล้านนะเออ ทำให้ขายได้ แถว 1.5 ล้านเท่านั้น …แล้วมาดูกันว่ายี่ห้อใหนจะดีกว่า ยี่ห้อใหนจะขายได้และยืนอยู่ได้นานแค่ใหน
ถ้าจะเปรียบเทียบรถ ราคาต้องพอๆกันนะคับ
พีรพงษ์ 3/15/2009 10:33:05 AM


ดีครับ
ข้อเเก้นิดนิงคับ
ที่บอกว่ายี่ปุ่นหรือยุโรบชนเเรวเปนซากเหมือนกัน
มันเป็นซากเเน่อยู่เเรวคับเเต่ถ้าเปนรถยี่ปุนคนอาจจะเป็นซากไปด้วย
เคยได้ยินรถferrariขับ200++เเรวพลาดชนเสาไฟฟ้าหักครึ่งคันไหมคับ
ปรากฏว่าคนขับลงมาเดินได้อย่างปกตอ-ถ้าไม่นับอาการตกใจ
ลองเป็นรถยี่ปุ่นสิครับว่าคนจะเปนยังไง
shane 3/6/2009 11:23:30 PM


ผมใช้ C240 V6 Lorinser ในชีวิตเริ่มตั้งเเต่เมืองไทย ใช้รถเก๋งญี่ปุ่นมาทุกยี่ห้อ โดยเฉพาะโตโยต้า corolla camry ฮอนด้า civic city accord ผมถือว่าใช้ได้ดีนะในระดับหนึ่ง หลังจากได้มาอยู่เมืองนอกก้อได้มีโอกาส ใช้รถยุโรป หลายตัวยกเว้น audi ประทับใจมั้ย …..ผมขอบอกด้วยควาคิดเห้นส่วนตัว ที่ขับใช้งานทุกวัน บางวันก้อร้อยโล บางวันก้อก้อไม่กี่โล ทั้งซ่อมเเละดูเเลตลอด ผมใช้งานรถหนักมาก รับส่งเดินทาง ข้อคิดเห็นนี้เป็นประสบการณ์ที่ใช้มาหลายปี ไม่ได้ขับเพียงประเดี่ยวประด่าว หรือฟังคนอื่นมา ขึ้นอยู่ที่วิจารณญานของเเต่ละบุคคลนะครับ
#เริ่มจากอุปกรณ์ภายในต่างๆ เเม้กระทั่งพลาสติก ยังให้สัมผัสที่นุ่มมือ ทุกอย่างอยุ่คงทนนาน สิ่งที่ชัดเจนสังเกตได้จาก ถ้าเป้นหนังก้อหนังเเท้ด้วยคุณภาพ ลายไม้เเท้ จะขึ้นเงาสวยงามเละคงทน ที่สำคัญเลยเมื่อใช้เกิน สองปี(เเสนโล) ยังไม่มีเสียงอุปกรณ์ภายในหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเริ่มส่งเสียงครวญคราง ยังหนึบเเน่นเงียบสงบเหมือนรถjapan ออกมาใหม่ สมัยออกป้ายเเดง japan ใช้ไม่ถึงห้าหมื่นโลก้อเริ่มมีเสียงคอนโซลเเล้วยังไม่รวมที่อื่นด้วย หรือว่าจะเเค่ที่ให้สัญญาณไฟเลี้ยว ปุ่มต่างๆเปราะมาก โดยที่ benz ใช้ไฟเลี้ยว ไฟต่ำสุง ครุยส์ คอนโทลล์ ที่ปัดน้ำฝน ในอันเดียวกันเเน่นหนึบใช้ง่ายไม่มีปัญหา เเละยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่คงต้องใช้เวลาสาธยาย นี่เป็นส่วนเล้กน้อยครับ
#เมือรถเริ่มเคลื่อนตัว ไม่ต้องเปรียบเทียบมากมายครับ เสียงยางไม่ได้ยินยหรอกยกเว้นถนนไม่ดีอาจได้ยินนิดหน่อย ขอบอกว่าเงียบจริง โดยที่รถพวกนี้ไม่เคยที่จะโอ้อวดว่าเงียบ เหมือนรถjapan ที่พยายามโฆษณากัน เเต่ Lexus is 250 นั้น เค้าเงียบจริงครับ รถสวนยังไม่ได้ยินเลย ยอมรับว่ารถยุโรปอาย เเต่……ขอพิสูจน์ตอนที่วิ่งเกินเเสนว่ายังจะดีอยุ่มั้ย รุ้ๆกันอยู่ว่ามันยังใหม่ ดุดีไปหมด ระยะเวลาจะพิสูจน์ว่าญี่ปุ่นว่าจะทำของดีสมราคาเเพงได้จริงมั้ย ส่วนถ้าวิ่งเกินร้อย ก้อเป้นเรื่องธรรมดา ที่มีเสียงลม เเต่มากน้อยเเค่ไหนล่ะ ถ้าให้พุดถึงรถญี่ปุ่นราคาเกือบสองล้าน ก้อไม่ทราบว่าประกอบอีท่าไหนถึงรุ้สึกว่ามีเสียงได้ขนาดนั้น เอาเป็นว่า คิดง่ายๆๆ ผมขับรถเยอรมันยี่ห้อหนึ่ง(ประกอบนอก) 140-160 km/hr เเทบไม่รู้สีกความเปลี่ยนเเปลงเลย เสียงลมปะทะหรืออื่นๆ ยังทำได้ดีกว่า รถjapan เกือบสองล้าน ที่วิ่งอยู่ ประมาณ 100 km/hr อันนี้ยังไม่รวมสถาณการณ์ที่ลมเเรงหรือพายุกระหนำนะ สิ่งที่เห้นได้ชัดนะผมขอบอกว่า คุณภาพของอุปกรณ์ ความพิถีพิถันในการออกเเบบ รวมถึงความใส่ใจรายละเอียด ไม่ใช่คำนึงถึงรูปลักษณ์ที่ดูดีอย่างเดียว เหมือนรถเเทบเอเชีย ที่เเตกต่างกันมากมาย ถึงว่างบประมาณในการออกเเบบถึงได้ต่างกันราวฟ้ากับหอย

เอาเป้นว่าพอหอมปากหอมคอสำหรับความคิดเห้นเล็กๆน้อยๆนะครับ
tony 3/7/2009 9:45:45 AM


แล้วใครให้ขับเร็วขนาด 130-160 ล่ะครับ? กฎหมายยังไม่ให้เลย
Safety ที่แท้จริงคือการปฏิบัติตามกฎจราจรนะครับ
V 3/7/2009 1:20:29 PM


เห็นด้วยกับคุณ V ครับ
J 3/8/2009 9:55:07 AM


บริษัทมิตรแท้ประกันภัย
สินค้าขายดี ประกันภัยชั้น 3+พรบ ของมิตรแท้ทวีคูณ ราคาประหยัด ซื้อ ป.3 เหมือนได้ พรบ. ฟรีๆ
1. เก๋ง ในราคา 2,690 บาท
2. กระบะ ในราคา 3,690 บาท
3. ตู้ ในราคา 3,890 บาท
ประกันแนะนำ ชั้น 3 พิเศษใหม่ มี 7 แบบ 4 ราคา (ไม่รวมค่า พรบ.) ดังนี้
1. ราคา 6,666 บาท ซ่อมรถให้ 100,000 บาท เสียค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท
2. ราคา 7,777 บาท ซ่อมรถให้ 100,000 บาท(***พิเศษ***)
3. ราคา 7,777 บาท ซ่อมรถให้ 180,000 บาท เสียค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท
4. ราคา 7,777 บาท ซ่อมรถให้ 100,000 บาท รถหาย/ไฟไหม้ 100,000 บาท เสียค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท
5. ราคา 8,888 บาท ซ่อมรถให้ 100,000 บาท รถหาย/ไฟไหม้ 100,000 บาท (***พิเศษ***)
6. ราคา 8,888 บาท ซ่อมรถให้ 180,000 บาท รถหาย/ไฟไหม้ 180,000 บาท เสียค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท
7. ราคา 9,999 บาท ซ่อมรถให้ 180,000 บาท รถหาย/ไฟไหม้ 180,000 บาท (***พิเศษ***)

***พิเศษ**** กรณีเชียวชนเป็นฝ่ายผิดไม่ต้องเสีย 2,000 บาท
ความคุ้มครองหลัก
1.ความรับผิดต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิต บคุคคลภายนอก 500,000 บาทต่อคน
2.ส่วนเกิน พรบ. 10,000,000 บาทต่อครั้ง
3.ความรับผิดต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก 1,000,000 บาทต่อครั้ง
4.อุบัติเหตุส่วนบุคคล คุ้มครองสูงสุดถึง 5 ท่านๆล่ะ100,000 บาทต่อคน รวม 500,000 บาทต่อครั้ง
5.ค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองสุงสุดถึง 5 ท่านๆหล่ะ 50,000 บาทต่อคน รวม 250,000 บาทต่อครั้ง
6.การประกันตัวผู้ขับขี่คดีอาญา 300,000 บาทต่อครั้ง
ขอเสนอพิเศษ
1. ไม่ต้องถ่ายรูปรถ,ไม่ต้องตรวจสภาพรถ,ไม่จำกัดอายุรถ
2. คุ้มครองทันทีที่คุณโทรแจ้งประกัน
**รับสมัครตัวแทนขายด้วยนะค่ะค่าคอมมิชั่นสุงกว่าบริษัทๆอื่นๆๆ**
ถ้าสนใจข้อเสนอนี้ ติดต่อ สุนทรี (แพรว)
โทร 081-7786141 E-mail: taw-d@msn.com
แพรว 6/11/2009 11:57:34 AM


Facebook Comments
CarOnline Team

Share
Published by
CarOnline Team

Recent Posts