Brand: TOYOTA Model: Soluna
Year: 2003 Miles: 60001-80000
From: SaewVoy In Bangkok
สวัสดีครับ กระผมมีเรื่องจะรบกวนเวลาอันมีค่าของอาจาร์นิดนึงครับ
ผมเป็นคนที่ขับรถเร็วมากและชอบอัดตลอด ผมใช้รถโตโยต้า วีออส เกี่ยร์ออโต้ ปี 2003 ใส่เฮดเดอร์ แต่ไม่ได้เอาแคตฯออก ส่วนปลายท่อเป็นไส้ตรงนะครับ ใส่ล้อขอบ 17" ตอนนี้วิ่งไป 64,000 กม.ผมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตอน 60,000 กม.ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ของโตโยต้ามาตลอด เรื่องมีอยู่ว่า..หลังจากที่ถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว ผมได้ขับรถไป-กลับต่างจังหวัด ประมาณพันกว่าโล (เหยียบแบบสุดๆ) เมื่อกลับมาถึงบ้านรอจนเครื่องเย็นลง ผมเช็คน้ำมันเครื่อง โดยดูจากขีดของตัววัดระดับน้ำมันเครื่องปรากฎว่าเหลืออยู่แค่ครึ่งนึงระหว่าง E กับ F ผมจึงเติมน้ำมันเครื่องไปอีกลิตรกว่าเกือบสองลิตรได้ จนระดับน้ำมันมาอยู่ที่ F หลังจากนั้น ผมก้อใช้มาเรื่อย(วิ่งในกรุงเทพอย่างเดียวแต่ขับเร็วเหมือนเดิม)จนเกือบ 64,000 กม. ปรากฎว่าน้ำมันเครื่องได้หายไปอีก และเหลือครึ่งนึงของตัววัดระดับ เหมือนเดิม ผมเลยเติมไปอีกลิตรกว่า ผมคิดว่ารถของผมต้องผิดปกติแน่นอน ผมจึงเอารถไปให้ช่างที่ศูนย์โตโยต้าดู(แค่สตาร์ทเครื่องแล้วสำรวจดูเฉยๆ) ปรากฎว่า ไม่มีน้ำมันรั่ว(จอดที่บ้านผมก้อไม่มีรั่วครับ) เสียงเครื่องยนต์เดินเรียบ ไม่สะดุด ไม่มีควันขาวออกมาจากท่อ มีเพียงคราบเขม่าสีดำแห้งๆที่ปลายท่อ (เช็ดทุกวันและก้อดำทุกวัน) ช่างบอกว่าถ้าจะซ่อม อาจจะต้องเปลี่ยนแหวน ประเก็น และ ชีลเลอร์ ค่าอะไหล่+ค่าแรง ไม่รวมน้ำมันเครื่อง เกือบสองหมื่นบาท (แพงมากผมยังไม่มีเงินก้อน) อาจารย์คิดว่ารถผมเป็นอะไรครับ และควรจะทำอย่างไรดี ถ้าจะต้องซ่อม ผมควรจะเอาไปซ่อมที่ศูนย์หรืออู่ซ่อมรถดีอ่ะครับ กรุณาให้คำแนะนำผมด้วยนะครับ..ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ถ้าที่คุณเล่าไปนั้น เป็นความจริงแท้แน่นอนละก็นะ ผมขอตำหนิช่างของศูนย์โตโยต้า ไม่ทราบว่าศูนย์ไหน ใครบริหาร กันหน่อย ที่ละเลย ไม่ทำตามวิธีปฏิบัติในการตรวจเช็กเครื่องยนต์ที่สงสัยว่า กินน้ำมันเครื่อง
อย่างแรกที่ผมตำหนิ ก็คือ
1-ช่างควรจะถอดหัวเทียนออกมาดูการเผาไหม้ เพื่อให้ทราบว่า น้ำมันเครื่องขึ้นหัวสูบหรือไม่
2-วัดกำลังอัดในกระบอกสูบ เพื่อดูความหลวมของชิ้นส่วน อันอาจจะเป็นต้นเหตุให้เกิดการสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่อง
ควรจะทำอย่างนี้ก่อนจะสรุปครับ
ถ้ายังไม่ได้ทำ เอารถกลับไปทำเสียก่อน ทำที่ศูนย์ไหนก็ได้ ที่ช่างมีระบบพอในการทำให้ อย่าเข้าศูนย์ที่ไร้ระบบมาตรฐานของโตโยต้าอีกเลยครับ
อีกอย่างหนึ่ง ระดับน้ำมันเครื่องที่ก้านวัด ไม่ได้บอกระดับ E=Empty และ F=Full เลยนะครับ
แต่จะบอกแค่ระดับ Min= Minimum และ Max=Maximum เท่านั้น
โดยขีดล่างกับขีดบน จะบอกระดับน้ำมันเครื่องต่างกันเพียงแค่ หนึ่งลิตร หรือพันซีซีเท่านั้น ไม่มาก ไม่น้อยกว่านั้น เป็นสากลครับ
ดังนั้น เมื่อระดับน้ำมันลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง ก็น่าจะเป็นได้ที่ว่า น้ำมันเครื่องลดระดับลงเพียงครึ่งลิตร แต่คุณเติมลงไปตั้งลิตรครึ่ง หรือสองลิตร อย่างนี้ ผิดชัดชัดครับ
รถคุณก็เป็นรถใหม่ ทำไมไม่อ่านคู่มือในเก๊ะดูก่อนละครับ ศึกษาหน่อยครับ ถ้าอยากใช้รถให้มีอายุยืนยาวกว่านี้
อีกประการหนึ่ง รถใหม่เดี๋ยวนี้ เขาต้องวัดน้ำมันเครื่องกันตอนอุ่น ไม่ใช่เย็นครับ ติดเครื่องก่อนวัดสักห้านาที แล้ววัดเลย น้ำมันเครื่องสมัยนี้ขยายตัวได้มากเหมือนกัน คุณอาจจะวัดผิด และขณะนั้น น้ำมันเครื่องเต็มอยู่ก่อนแล้วก็ได้
เมื่อวัด และเติมลงไป น้ำมันเครื่องล้นระดับ ก็เผาไหม้ออกไปหมดได้เหมือนกัน ทั้งที่เครื่องยนต์ก็ปกติ
อีกอย่างหนึ่งก็คือ น้ำมันเครื่องที่หายไปนั้น อาจจะเป็นการระเหย เพราะคุณเดินทางต่างจังหวัด ใช้ความเร็วสูง รอบเครื่องสูงอยู่ตลอดเวลา ความร้อนในอ่างน้ำมันเครื่องสูง ทำให้น้ำมันเครื่องระเหยเป็นไอ ออกไปเผาไหม้หมด เพราะเครื่องยนต์คุณยังสมบูรณ์อยู่ จึงไม่ทิ้งรอยอะไรไว้ให้ ก็เป็นได้
ท่อไอเสียรถยนต์ปัจจุบัน จะหาท่อสีแดงหม่นไม่ได้แล้วครับ เพราะเราไม่ได้ใช้สารตะกั่วในการเพิ่มค่าออกเทน
แต่เราใช้ MTBE หรือแอลกอฮอล แทน จึงเป็นเขม่าสีดำ ซึ่ง ก็เป็นปกติอยู่นั่นแหละครับ
ผมอยากเชื่อว่า รถของคุณยังเป็นปกติ แต่คุณวัดระดับน้ำมันเครื่องผิด ไม่ถูกวิธี หนึ่ง
เติมน้ำมันเครื่องลงไปเกิน หนึ่ง
น้ำมันเครื่องระเหยเร็วไปหน่อย อีกหนึ่ง
สามประการนี้แหละ ที่ทำให้รถของคุณแสดงออกเหมือนกินน้ำมันเครื่อง ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง
ลองอ่านหนังสือคู่มือการใช้รถสักรอบเถิดน่า แล้วจะสบายใจ ใช้รถได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับคุณค่าของรถ ที่คุณจ่ายเงินค่าตัวมันไปเกือบล้านบาท
แต่ใช้ไม่ถูกต้อง ไม่เหมือนกล้องถ่ายรูป ราคาหมื่นกว่าบาท ก่อนจะใช้ คุณอ่านคู่มือเกือบหมดเล่ม จริงไหม-ธเนศร์
อีซูซุส่งเครื่อ…