Brand: TOYOTA Model: Camry
Year: 2004 Miles: 20001-40000
From: ชัยวัฒน์ จันทรวิบูลกุล
ผมซื้อรถมือสองมาจากกรุงเทพ โตโยต้า แคมรี่ 2.0E ไมล์แจ้งว่า 33,000 กม. แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามีการปรับไมล์หรือไม่ เพราะไม่มีสมาร์ทการ์ดให้ตรวจสอบ สภาพโดยรวมโอเค ไม่มีร่องรอยการชนที่หนัก แต่มีการทำสีที่แก้มขวา และเปลี่ยนกันชนหน้า ช่วงล่างนิ่ง เครื่องยนต์ไม่มีปัญหา แต่มีไฟ เช็คเอ็นจิน ขึ้นตั้งแต่ตอนซื้อ ขับกลับมาถึงภูเก็ต ใช้น้ำมันในอัตรา 12-13กิโล/ลิตร วิ่งในเมืองอยู่ที่ 9-10กิโล/ลิตร
เอารถเข้า0แล้วช่างบอกว่า อ็อกซิเจนเซ็นเซอร์เสียต้องเปลี่ยนใหม่
อยากทราบว่า
1.อ็อกซิเจนเซ็นเซอร์ มีความสำคัญมากน้อยขนาดไหนถ้าไม่เปลี่ยนจะเป็นไรหรือเปล่า (จะนำรถไปติดตั้งแก๊ส แอลพีจี)
2.สาเหตุที่ทำให้ อ็อกซิเจนเซ็นเซอร์ เสียได้(เพื่อนที่เป็นช่างบอกว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยเจออาการเสีย)
3.ถ้าต้องเปลี่ยนจริงของใหม่กับของเช็ค ต่างกันมากไหม (การใช้งาน + ราคา)
1-ออกซิเจนเซนเซอร์เสีย ช่างต้องวัดด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ถึงจะทราบแน่ชัดว่าเสียนะครับ ก่อนจะยอมให้เปลี่ยน ต้องดู Print Out จากคอมพิวเตอร์เสียก่อนครับ
และออกซิเจนเซนเซอร์ เป็นอุปกรณ์อ่านค่าออกซิเจนที่เหลืออยู่ในไอเสีย หากเหลือมาก ก็จะให้หัวฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเพิ่มให้เครื่องยนต์ เหลือน้อย ก็ลดเชื้อเพลิงลงครับ
เมื่อเสียแล้วไม่เปลี่ยน คอมพิวเตอร์จะอาศัยข้อมูลกลางในการจ่ายเชื้อเพลิง คือจ่ายมากไว้ก่อน
เกิดความสิ้นเปลืองทางเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยคุณอาจจะไม่แน่ใจกับสาเหตุ และต่อมาไม่นาน ตัวหม้อกรองไอเสียก็จะตัน เพราะไอน้ำมันเชื้อเพลิงที่เผาไหม้ไม่หมด ทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่ดี เร่งไม่ออก
2-ออกซิเจนเซนเซอร์เสียได้ไม่ยากครับ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่กับความร้อน ต้องใช้ความร้อนสูงถึงจะทำงานอีกด้วยซ้ำ และเมื่อใด ที่หัวฉีดเชื้อเพลิงจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมากเกินไป จะด้วยเหตุให้ก็ตาม ออกซิเจนเซนเซอร์ก็จะมีเขม่าไปปกคลุม เป็นเหตุให้เสียได้ง่าย
กรณีที่ตัววัดอุณหภูมิน้ำระบายความร้อนของเครื่องยนต์เสีย เครื่องยนต์ก็จะจ่ายเชื้อเพลิงมากให้กับเครื่อง เชื้อเพลิงส่วนเกินก็จะไปทำให้ออกซิเจนเซนเซอร์มีเขม่ามากได้
นี่เป็นเพียงส่วนน้อยของสาเหตความเสียหายครับ
3-ถ้าต้องเปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนของใหม่ไปดีกว่า ของใช้แล้วไม่ได้เรื่องนักหรอก เพราะอาจจะมีการนำมาทำความสะอาด ที่ผิดวิธีก่อนถึงมือเรา และเราไม่รู้อีกด้วยซ้ำ ว่าของนั้น ใช้มานานเท่าไรแล้ว
ปกติ ออกซิเจนเซนเซอร์ใช้กันในเมืองนอก ก็แค่ห้าหมื่นกิโลเมตรเป็นอย่างสูง สำหรับรถระดับดีดีที่ถึงมือช่างยนต์ตามระยะเวลา เมื่อถึงเวลาเขาก็เปลี่ยน แล้วก็เอาของเก่ามาขายเรา เราก็ต้องใช้ของหมดอายุแล้วกันเท่านั้นเอง
ยิ่งจะเอารถไปติด LPG ก็ยิ่งต้องทำให้รถดีอยู่ก่อนแล้วด้วย หาไม่ ระบบหัวฉีดจะเสียหายครับ
ควรจะติดแบบหัวฉีด มากกว่าติดแบบ Mixer ที่อาจจะสร้างปัญหาให้แทบไม่รู้จบรู้สิ้นครับ-ธเนศร์
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…