ก่อนหน้านี้ การนำรถยนต์มินิ รุ่นดั้งเดิม ขนาดเล็ก เครื่องยนต์ 1,275 ซีซี มาพัฒนาใหม่ด้วยการรื้อและทำความสะอาด ทั้งเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ระบบเบรก รอบคัน สามารถให้กำลังได้ 78 แรงม้า แรงบิดที่ 91 ฟุตปอนด์ สามารถทำความเร็ว 0-100 ได้ภายใน 11.7 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 145 กม./ชม.
เดวิด บราวน์ ออกเอกสารประชาสัมพันธ์ ถึงการผลิตรถมินิ ขึ้นมาใหม่ ด้วยมือทั้งคัน ในรูปทรงเดิม ภายในห้องโดยสารโล่งๆ มีเพียงหน้าปัดทรงกลมขนาดใหญ่ สำหรับผู้ขับขี่ เพิ่มจอทัชสกรีนตรงกลางในแบบรถสมัยใหม่ และภายนอกก็ยังเป็นโครงดั้งเดิม นับแต่เริ่มออกสู่ตลาดมา แต่ในเอกสาร ระบุว่า มีเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ และเบรกคุณภาพสูง ผลิตจำหน่ายด้วย
การผลิตรถทั้งคันนี้ เดวิด บราวน์ ระบุว่าสามารถดำเนินการตามคำสั่งเฉพาะของแต่ละบุคคล กินเวลาราว 1,000 ชม. ทำงาน นับแต่เริ่มต้นจนเสร็จ โดยนอกจากรุ่นสแตนดาร์ดแล้ว ยังมีรุ่นพิเศษอีก 2 รุ่น เมื่อนำออกจำหน่าย ภายใต้แนวคิด คาเฟ่ เรซเซอร์ ‘Inspired by Café Racers’ หรือแนวคิด การแข่งขัน มอนติ คาร์โล ‘Inspired by Monte Carlo’
โดยแนวคิดแบบแรก มาด้วยสีครีม หลังคาเป็นสีน้ำตาลช็อคโกแลต เบาะภายในสีครีม แต่งแต้มด้วยหนังสีน้ำตาลช็อคโกแลต ให้คำอธิบายเอาไว้ว่า เป็นรถที่ขับจากร้านกาแฟร้านหนึ่ง ไปยังร้านกาแฟอีกร้านหนึ่ง ในเมืองใหญ่ที่การจราจรยุ่งเหยิง ส่วนรุ่นแนวคิดการแข่งขัน มาด้วยสีแดง คาดขาว ไฟตัดหมอก และกะทะล้อสีดำ ด้วยแนวคิดประสบการณ์การขับขี่ในแบบแรลลี่
กะจังหน้าเป็นอลูมิเนียม พร้อมไฟส่องสว่างทรงกลม แอลอีดี รวมทั้งไฟเบรกด้านหลัง ส่วนอุปกรณ์ภายใน แม้ว่ารูปทรงภายนอกจะดูเป็นแบบเก่า แต่ภายใน มาพร้อมระบบเพื่อความบันเทิงและระบบนำทางผ่านดาวเทียม มีระบบ แอปเปิ้ล คาร์เพลย์ และ แอนดรอยด์ ออโต้ เป็นมาตรฐาน เช่นเดียวกับช่องเสียบ ยูเอสบี ปุ่มสตาร์ท และรีโมท เซ็นทรัลล็อค
แผงหน้าปัดแต่งด้วยหนังจากทีมงานอังกฤษของ เดวิด บราวน์ พร้อมพวงมาลัยและปุ่มกดต่างๆ ในแบบดั้งเดิม แต่เพิ่มที่วางแก้วให้สำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ต้องมีแก้วกาแฟ ถือติดมือตลอดเวลา
แม้ว่าจะยังไม่ประกาศราคาขาย แต่ เดวิด บราวน์ ก็บอกว่า จะจำกัดจำนวนผลิต เพราะทำด้วยมือในแบบดั้งเดิมแท้ๆ ที่แน่นอนว่า ราคาคงอยู่ในระดับ 7 หมื่นปอนด์ ราว 2,800,000 บาท ต่อคัน และจะผลิตที่โรงงานของ เดวิด บราวน์ ที่ ซิลเวอร์สโตน พร้อมนำออกโชว์ในงาน โมนาโค ในเดือนเมษายน นี้