กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 26 พฤศจิกายน 2555 – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เผยนวัตกรรมการออกแบบยานยนต์มาสด้าแห่งอนาคตครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้แนวคิดการออกแบบ “โคโดะ ดีไซน์” จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว (KODO – Soul of Motion) ถ่ายทอดเส้นสายการออกแบบล่าสุดผ่านยนตรกรรมรถต้นแบบคันแรก “มาสด้า ชินาริ (Mazda SHINARI)” โคโดะ ดีไซน์ ได้รับการยอมรับในระดับโลก และจะถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัวสู่รถเจเนอเรชั่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต ที่สำคัญด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่าง สกายแอคทีฟ (SKYACTIV) และโคโดะ ดีไซน์ จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มาสด้าอย่างยั่งยืน และเพื่อบรรลุเป้าหมายการขายระยะกลางของภูมิภาคอาเซียน ที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 150,000 คัน ในอีก 4 ปีข้างหน้า
ภายใต้แนวคิด “ซูม-ซูม” มาสด้าได้พยายามอย่างต่อเนื่องในการนำเทคโนโลยีอันล้ำสมัยล่าสุดมาใช้ในการผลิตรถยนต์ที่รูปลักษณ์สะกดทุกสายตา มีความสนุกเร้าใจในการขับขี่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเต็มเปี่ยมไปด้วยความปลอดภัย ซึ่งมาสด้าได้ผลิตรถยนต์ที่มีความสปอร์ตและหรูหรามาแล้วอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น MX-5, RX-8, มาสด้า2 มาสด้า3 และบีที-50 โปร ซึ่งความเชี่ยวชาญในเรื่องความสปอร์ต สามารถสัมผัสได้จากดีไซน์ของมาสด้าที่โดนใจผู้ชื่นชอบการขับขี่จากทั่วโลก ซึ่งแนวคิดการออกแบบที่สำคัญของมาสด้า สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากรถแต่ละรุ่นที่มีเอกลักษณ์ และความโดดเด่นเฉพาะตัวสำหรับตลาดโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
มร. มาซาฮิโระ โมโร เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ผู้ที่รับผิดชอบดูแลการขายและการตลาดทั่วโลก กล่าวว่า มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งสำหรับตลาดในประเทศไทย จากยอดจำหน่ายเมื่อปีที่ผ่านมาสูงถึง 42,000 คัน สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 5.3% ซึ่งส่งผลให้มาสด้า ประเทศไทย ก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 6 ของประเทศที่มาสด้ากำลังทำตลาดอยู่ ที่สำคัญในปีนี้เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 70,000 คัน และเชื่อว่ายอดขายจริงน่าจะสูงมากกว่านี้ ซึ่งจะทำให้มาสด้า ประเทศไทยก้าวใกล้ไปสู่ลำดับที่สูงขึ้น
เพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจของประเทศไทยนี้ มาสด้าพร้อมเสริมกำลังเต็มที่เพื่อการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการจัดงาน “MAZDA DESIGN FORUM” ในวันนี้ คือจุดเริ่มต้นของการสร้างมิติใหม่ของมาสด้า ประเทศไทย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่บริษัทผู้ผลิตและพัฒนารถยนต์ได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องหลังของการออกแบบและการพัฒนารถยนต์ ซึ่งไม่เคยถูกเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ซึ่งจะช่วยจุดประกายให้บุคลากรในอุตสาหกรรมรถยนต์ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับปรัชญาในการออกแบบ มร. โมโร กล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ มาสด้าได้กำหนดแผนพัฒนาธุรกิจระยะกลาง สำหรับตลาดประเทศไทย รวมทั้งอาเซียน ซึ่งการถือกำเนิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) จะยิ่งมีส่วนช่วยทำให้ระบบเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้เกิดความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยมาสด้ามีเป้าหมายสูงสุด คือ การเติบโตทางด้านยอดขายในภูมิภาคอาเซียน โดยเราตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 150,000 คัน ภายในปี 2559 และแน่นอนตลาดหลักที่สำคัญคือประเทศไทย และสิ่งที่จะทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จได้นั่นคือ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับจำนวนรุ่นรถยนต์ที่จำหน่ายในตลาด โดยจะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการและความชอบของลูกค้าให้มากที่สุด มร. โมโร กล่าวเสริม
มร. โมโร กล่าวเสริมว่า “มาสด้ามีแนวทางและจุดยืนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างชัดเจน เราจะไม่ลงไปในสนามที่คนอื่นกำลังเล่นกัน แต่เราจะสร้างความแตกต่างที่โดดเด่นอย่างชัดเจน จากผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งของเรา โดยเฉพาะวันนี้ เราจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมการออกแบบแห่งอนาคตของมาสด้า กับยนตรกรรมต้นแบบ MAZDA SHINARI ที่เป็นหัวใจของการดีไซน์รูปแบบใหม่ โคโดะ – จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ด้วยการคัดสรรวัสดุอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มาสด้ามีความแตกต่าง ซึ่งถูกถ่ายทอดไปยังรถยนต์ Mazda CX-5 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่งในตลาดโลก ที่สำคัญกำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า”
มร. อิคูโอะ มาเอดะ หัวหน้าทีมออกแบบ กล่าวว่า ปรัชญาการออกแบบรถยนต์ในอนาคตของมาสด้า จะเป็นการสะท้อนถึงพลังและความงดงาม ดังที่มนุษย์ได้เห็นจากการเคลื่อนไหวของสัตว์หรือมนุษย์ อันเป็นรูปแบบของฟอร์มที่ซ่อนอยู่ในสรีระทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว อย่างเช่น ช่วงขณะที่เสือชีตาห์กระโจนเข้าตะครุบเหยื่อ หรือนักดาบ “เคนโด้” ศิลปะการต่อสู้ดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ในช่วงจังหวะที่ดาบถูกฟาดลงมา ช่วงเวลานั้นคือพลังอันมหาศาลจะถูกปลดปล่อยออกมาภายใต้ท่วงท่าที่แข็งแกร่งและมั่นคง เป็นความสมดุลระหว่างพละกำลังกับความงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ คือความรู้สึกฉับพลันที่มุ่งมั่นและแน่วแน่ ให้ผู้ที่ได้พบเห็นต่างสัมผัสได้ถึง พลัง รู้สึกได้ถึงความเร็ว และประทับใจกับท่วงท่าอันงดงาม ทั้งหมดที่ผมเอ่ยถึงนี้ล้วนเป็นธรรมชาติที่น่าหลงใหล มาสด้าจึงได้จับเอาความน่าหลงใหลเหล่านี้มาใส่เป็นพลังขับเคลื่อนและเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกเข้าไป จนเกิดเป็นรูปฟอร์มแห่งการเคลื่อนไหว ภายใต้ชื่อ “โคโดะ – จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว” (KODO – Soul of Motion) ที่สำคัญการออกแบบ “โคโดะ” ได้ถูกกำหนดเป็นแนวทางการออกแบบใหม่ทั้งหมดของมาสด้านับจากนี้ไปและในอนาคต เพื่อแสดงออกถึงการเคลื่อนอันทรงพลัง รวดเร็ว และปราดเปรียว ให้เห็นถึงชีวิตหรือจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ ซึ่งธีมการออกแบบ “โคโดะ” (KODO) คือ ภาษาการออกแบบของมาสด้า ความเคลื่อนไหวอันทรงพลัง
การออกแบบ “โคโดะ” คือ องค์ประกอบของ ความเร็ว พละกำลัง และเสน่ห์
ความเร็ว (SPEED): การขึ้นรูปของรถที่บอกได้ถึงความเร็ว สัญชาตญาณดิบที่จะควบมันไปข้างหน้าถูกกระตุ้นขึ้นเพียงแค่ได้เห็น เครื่องจักรที่บ่งบอกถึงความเร็วและพลัง
พละกำลัง (TENSE): การขึ้นรูปของรถที่บ่งบอกถึงความรู้สึกของกำลังที่อัดแน่นในจังหวะที่กำลังจะเคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมาย เป็นการขึ้นรูปที่ปราณีตหมดจด ไม่วอกแวก ให้เห็นถึงสปิริตของชาวญี่ปุ่นที่เรียบง่าย
เสน่ห์ (ALLURED): คุณภาพที่สัมผัสได้ถึงความลุ่มลึกและความหรูหราเหนือระดับ ส่งผ่านความประณีตของฝีมือมนุษย์ที่ชวนให้สัมผัส
เราได้ผสานคุณค่าทั้งสามนี้เอาไว้ใน “โคโดะ – จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว” (KODO – Soul of Motion)
นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การวางยุทธศาสตร์ที่สำคัญเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อน และช่วยส่งเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มาสด้าในประเทศไทย จะช่วยให้รถยนต์มาสด้าสามารถครองใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน ด้วยการวางตำแหน่งของสินค้าที่แตกต่างและมีความชัดเจน เสริมด้วยกิจกรรมด้านการตลาดสไตล์ ซูม-ซูม เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์การใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเอง ผมเชื่อมั่นว่าเราประสบความสำเร็จในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มาสด้าได้บรรลุตามแผนที่วางไว้แล้ว และนับจากนี้เรายังคงมุ่งมั่นทุ่มเทสร้างรากฐานให้แบรนด์มีความมั่นคงยิ่งขึ้นต่อไป
“ความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่มาสด้าจะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในระหว่างทาง ด้วยแรงกาย แรงใจ ความรักและหลงใหลในความเป็นมาสด้าของเราทุกคน ผมหวังว่า นวัตกรรมการออกแบบรวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ท่านได้รับชมได้รับฟังในวันนี้ จะยังประโยชน์อย่างเต็มที่ต่อการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง เสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดนิ่ง” ยูกิ กล่าวเสริม
************************************************************************************************************************************************************************
สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net