มาสด้าเปิดตัว CX-3 ครั้งแรกกับรถฟรีสไตล์ ครอสโอเวอร์ มองโลกมุมใหม่…อิสระไร้ขีดจำกัด

IMG_7178

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต เปิดตัวแนะนำรถยนต์ ฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ ออล-นิว มาสด้า  ซีเอ็กซ์-3 สกายแอคทีฟใหม่ “ALL NEW MAZDA CX-3” FREESTYLE CROSSOVER ภายใต้คอนเซ็ปต์ “SEE THE WORLD IN NEW ANGLE” มองโลกมุมใหม่…อิสระไร้ขีดจำกัด อย่างเป็นทางการ และเป็นรถสกายแอคทีฟโมเดลรุ่นที่ 4 ที่มาสด้าแนะนำสู่ตลาดประเทศไทย ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟใหม่ล่าสุดและธีมการออกแบบของรถมาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ โคโดะ ดีไซน์ ที่สวยงามสง่าลงตัวทุกมุมมอง ระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ครั้งแรกของประเทศไทยที่มาสด้านำเอา 2 เครื่องยนต์อันทรงพลัง ที่ให้สมรรถนะที่ดีที่สุดในรถระดับคอมแพ็คครอสโอเวอร์ที่มีอยู่ในตลาด ทั้งเครื่องยนต์สะอาดคลีนดีเซล ขนาด 1500 ซีซี ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร และเครื่องยนต์เบนซินพลังแรง ขนาด 2000 ซีซี. ประหยัดน้ำมันสูงสุด 16.4 กิโลเมตรต่อลิตร

มาสด้าเอาใจใส่ในทุกๆ รายละเอียดของการผลิตรถยนต์ พร้อมเชื่อมต่อกับโลกโซเชียลมีเดียด้วยระบบ MZD Connect ปกป้องรอบทิศทางกับระบบความปลอดภัยระดับโลก i-Activsence เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่กับตลาดรถคอมแพ็คครอสโอเวอร์ เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ใช้ชีวิตอย่างมีไลฟ์สไตล์ ตอบสนองความต้องการของการใช้ชีวิตทั้งในเมืองและนอกเมืองที่มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน

IMG_7181

นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดตัวมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ใหม่ ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถคอมแพ็คครอสโอเวอร์ ที่ลูกค้าจะได้ทั้งรูปลักษณ์อันสวยงาม สมรรถนะความแรงและความประหยัดน้ำมัน มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์คลีนดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูง การมาของมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ในครั้งนี้นับเป็นสกายแอคทีฟโมเดลที่ 4 หลังจากที่มาสด้าได้ส่ง ซีเอ็กซ์-5 ตามมาด้วยมาสด้า3 และมาสด้า2 จนประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมในตลาดเมืองไทย โดยมียอดขายรวมแล้วกว่า 40,000 คัน ที่สำคัญการเปิดตัวในครั้งนี้จะส่งผลให้มาสด้าสามารถบรรลุเป้าหมาย 45,000 คันภายปีงบประมาณนี้ เนื่องจากมาสด้าให้ความสำคัญกับการตั้งราคาจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 8 แสนต้นๆ และคาดว่าจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วมียอดขายสูงกว่า 6,000 คันต่อปี

สำหรับปีนี้ นับเป็นอีกปีที่มาสด้าได้ทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เริ่มพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ลูกค้าชาวไทยให้การตอบรับรถยนต์มาสด้าและเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ยอดขาย 10 เดือนของปีนี้ (มกราคม-ตุลาคม) มาสด้าสามารถบรรลุยอดขายสูงถึง 29,641 คัน ท่ามกลางตลาดที่หดตัวลงแต่มาสด้าสามารถเติบโตสวนกระแส จนสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 4.8% แบ่งเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 จำนวน 14,695 คัน รถยนต์นั่งมาสด้า3 จำนวน 5,801 คัน รถอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 2,745 คัน รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร จำนวน 6,357 คัน และรถในกลุ่มพรีเมียมคาร์อีกจำนวน 17 คัน

IMG_7188

นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า การเปิดตัวมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวมาสด้า ที่เกิดจากร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งระหว่างมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กับมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จนได้มาซึ่งรถยนต์ที่เกิดจากสายการผลิตในประเทศไทย ณ โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง โดยฝีมือของคนไทยเพื่อคนไทย มาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย มาสด้าลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตในโรงงานประกอบรถยนต์ออโต้อัลลายแอนซ์ เพื่อทำการผลิตรถยนต์มาสด้า2 ในโครงการรถประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 และการลงทุนอีกว่า 11,000 ล้านบาท ในโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติ สกายแอคทีฟ และอีกกว่า 3,000 ล้านบาท สำหรับโรงงานผลิตเครื่องยนต์ สกายแอคทีฟ และล่าสุดกับการเพิ่มการลงทุนเพื่อผลิตรถยนต์มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 อีกกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดได้เสร็จสมบูรณ์เริ่มทำการผลิตและพร้อมที่จะจำหน่ายแล้ว

IMG_7200

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า การเปิดตัวมาสด้า CX-3 ในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชาวมาสด้า เพราะมาสด้ามีการเตรียมการสื่อสารและสร้างการรับรู้ของลูกค้าเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และโคโดะ ดีไซน์ อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจนเป็นที่คาดหวังอย่างมากของลูกค้า ซึ่งจุดเด่นสำคัญที่จะทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จในการนำฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ใหม่ เข้าสู่ตลาดในครั้งนี้ คือ การนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ได้รับความนิยมมาแล้วจากทั่วทุกมุมโลกรวมทั้งประเทศไทย นับเป็นการเข้าสู่ตลาดรถคอมแพ็คครอสโอเวอร์เพื่อจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้น ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลังทั้ง 2 เครื่อง เพียบพร้อมด้วยคุณภาพของวัสดุที่นำมาประกอบระดับเกรดพรีเมียม และรูปลักษณ์อันงามสง่าสวยปราดเปรียวที่สุดในคลาส

สำหรับแนวทางการสื่อสารการตลาด มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ใหม่ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “FREESTYLE CROSSOVER” เป็นครั้งแรกของรถ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของการใช้ชีวิตในและนอกเมืองที่มีหลากหลายเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ลูกค้ากลุ่ม “YUCCIES” หรือ Young Urban Creatives ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะมีทัศนคติแบบคิดนอกกรอบมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร มีความเป็นตัวของตัวเอง ทำสิ่งที่ชอบในแบบที่ตนเองชอบ ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ มีแบรนด์ที่ชอบเฉพาะของตนเอง มีกำลังซื้อสูงและการศึกษาที่ดี สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ ได้รับการตอบรับจากตลาด และรับประกันความสำเร็จในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังนี้ คือ

  • ประการแรก คือ การออกแบบ ด้วยรูปลักษณ์อันสง่างามธีมการออกแบบของรถในเจเนอเรชั่นที่ 6 ภายใต้ “โคโดะ ดีไซน์” SOUL of MOTION หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวที่งดงามในรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์รุ่นล่าสุดจากสายการผลิตในประเทศไทย
  • ประการที่สอง คือ รถยนต์คันนี้อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และวัสดุคุณภาพสูงที่นำมาผลิตอย่างปราณีต

IMG_7186

 

มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ใหม่ ถูกออกแบบให้มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีที่สุดในตลาด ที่จะให้ประสบการณ์การขับขี่แบบที่ไม่มีรถคอมแพ็คครอสโอเวอร์คันไหนสามารถทำได้มาก่อน นั่นคือ

  • เครื่องยนต์ SKYACTIV ENGINE มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล SKYACTIV-D เจนเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า ขนาด 1500 ซีซี. พร้อมเทอร์โบแปรผันที่มีน้ำหนักเบา แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 3 กิโลเมตรต่อลิตร
  • เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2000 ซีซี. แรงม้าสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 4 กิโลเมตรต่อลิตร
  • SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ให้อารมณ์การตอบสนองที่แม่นยำเฉกเช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดา ให้ความแรงและให้ประสิทธิภาพของการประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม โดยกำลังจากเครื่องยนต์ถูกส่งไปยังตัวถังและล้ออย่างสมบูรณ์แบบและลดการสูญหายของกำลัง จึงยังคงความแรงและให้ประสิทธิภาพของการประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม
  • SKYACTIV-BODY โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ ซึ่งเป็นโครงสร้างของรถยนต์ยุคใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีน้ำหนักที่เบาลงเหมาะสมกับขนาดและกำลังของเครื่องยนต์ และเพิ่มโลหะเกรดพรีเมียมเหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High Tensile Steel) ที่แข็งแกร่งแต่มีน้ำหนักเบาทดแทนเหล็กประเภทเดิม อีกทั้งยังเพิ่มจุดเชื่อมยึดเพื่อให้โครงสร้างหลักกับโครงสร้างส่วนอื่นของรถเป็นมวลเดียวกัน จึงให้ความมั่นคงกว่า ปลอดภัยกว่า พร้อมทั้งประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
  • SKYACTIV-CHASSIS ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ ให้ความรู้สึกในการขับที่เกาะถนนมั่นคง ขณะที่ความนุ่มนวลของช่วงล่างยังคงอยู่ ซึ่งระบบบังคับเลี้ยวระบบใหม่ให้ความมั่นใจในการควบคุมรถขณะเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ให้การขับขี่ที่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมันกว่า
  • ประการที่สาม คือ i-ACTIVSENSE เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงของมาสด้าที่พัฒนาขึ้นตามปรัชญาความปลอดภัยของมาสด้า นั่นคือ Mazda Proactive Safety ที่แสดงถึงหลักความคิดของมาสด้าต่อความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ขับได้รับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ช่วยให้ตัดสินใจได้ถูกต้อง เทคโนโลยีเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันหรือลดความเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันขั้นสูงเป็นครั้งแรกในกลุ่มรถคอมแพ็คครอสโอเวอร์ได้แก่
  • ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน
  • HBC (High Beam Control) ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ
  • LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน
  • RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
  • SCBS (Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ
  • ประการที่สี่ MZD CONNECT เป็นระบบเชื่อมต่อโลกของการสื่อสารในรถที่ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องตามหลัก HMI (Human-Machine Interface) ที่เรียกกันว่า แนวคิดของค็อกพิตแบบ heads-up ระบบเชื่อมต่อในรถรุ่นใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัย ช่วยให้ผู้ขับมีสมาธิในขณะที่สามารถรับส่งข้อมูลเป็นจำนวนมากและต้องขับขี่อย่างปลอดภัยในขณะเดียวกัน

นอกจากการที่มาสด้าได้รังสรรค์ยนตรกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่มาสด้ามุ่งมั่นมาตลอดและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับมาสด้าในประเทศไทย  คือ การสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ไว้ให้ชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างรถยนต์เท่านั้น แต่คือ การสร้างความสุขให้เกิดขึ้น และเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตของลูกค้า ตั้งแต่แรกเห็นหรือครั้งแรกที่ได้พบ และเมื่อได้สัมผัส ตลอดจนอยากจะขับรถคันนั้นอยู่เรื่อยๆ นอกจากการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดีที่สุดแล้ว การบริการหลังการขายคือหัวใจหลักสำคัญ ที่ต้องเป็นเลิศอยู่เสมอ ไม่ใช่เพื่อสร้างให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ต้องเป็นที่รักของลูกค้าตลอดไป

##########################################################

premsak@caronline.net

Facebook Comments