การแข่งขัน ฟอร์มูล่า อี Formula E การแข่งขันรถไฟฟ้า ล้อเปิด ที่นั่งเดี่ยว สไตล์เดียวกับ ฟอร์มูล่า 1 มีการเตรียมการมาก่อนหน้านี้หลายปี และกำลังจะเริ่มการแข่งขันสนามแรก ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในเดือนกันยายน นี้ เป็นครั้งแรกในโลก
ขณะนี้ มีทีมที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขัน 10 ทีม โดยจะต้องแข่งขันทั้งสิ้น 10 สนาม และใช้รถไฟฟ้ารุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน SRT_01E ที่ผลิตโดย สปาร์ค-เรโนลต์ Spark-Renault และได้ทำการส่งมอบรถให้กับทุกทีมเรียบร้อยแล้ว ทีมละ 4 คัน ซึ่งทุกทีมจะต้องใช้สำหรับการแข่งขันในปีแรกนี้ โดยทีมงานและนักขับในทีม 2 คน จะต้องศึกษาและสร้างความคุ้นชินในการเตรียมงานเพื่อบำรุงรักษา หรือหัดขับขี่ให้ชำนาญ ก่อนถึงการแข่งขันจริง
สปาร์ค-เรโนลต์ ให้กำลัง 270 แรงม้า ทำความเร็ว 0-100 กม.ได้ภายใน 3 วินาที และความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม. แต่ในการแข่งจริง จะจำกัดกำลังไว้เพียง 180 แรงม้า เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ โดยเชื่อมั่นว่า รถที่ผลิตเพื่อใช้ในการแข่งขันนี้ มีความสมบูรณ์ทั้งในแง่โครงสร้าง และระบบไฟฟ้า ซึ่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่โดยตรง ที่จะช่วยให้สามารถลงแข่งขันได้อย่างดี และเชื่อว่าในปีแรกนี้ การแข่งขันจะสูสีกันมาก เพราะรถไม่มีความแตกต่างกันเลย โดย เรโนลต์ เอง ได้โปรโมทโดยนำรถไปจัดแสดงและแสดงการขับขี่ในหลายๆ เมือง ในการแข่งขัน ฟอร์มูล่า วัน มาหลายสนามแล้ว
การแข่งขัน ฟอร์มูล่า อี ครั้งแรกนี้ จะนำไปสู่การพัฒนารถไฟฟ้า และระบบเกี่ยวเนื่อง เพื่อให้สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ ออกจำหน่ายสู่ผู้บริโภค และขจัดความไม่เชื่อมั่นในการขับเคลื่อน และกำลังของรถ ที่ผู้บริโภคไม่เชื่อว่ารถไฟฟ้าจะสามารถทำได้
การแข่งขันกำหนดในสนาม 10 แห่ง ทั่วโลก ซึ่งมี กรุงเทพ, กรุงปักกิ่ง, กรุงบัวโนส แอเรส, กรุงลอนดอน, กรุงโรม, ลอส แอนเจลิส, ไมอามี่, ปุตราจายา มาเลเชีย, กรุงริโอ เดอ จาเนโร และ กรุงเบอร์ลิน
สำหรับสนามกรุงเทพ ปัจจุบัน ยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการ ว่าจะสามารถจัดแข่งขันได้หรือไม่ หรือจะดำเนินการอย่างไร
การขับรอบคัดเลือกและการแข่งขันรอบจริง จะกระทำในวันเดียวกัน กำหนดสนามแรกในวันที่ 13 กันยายน นี้ ที่ กรุงปักกิ่ง โดยรถแต่ละคัน ขณะแข่งขัน จะมีเสียงเพียง 80 เดซิเบล ซึ่งเงียบมาก แตกต่างจากเสียงของการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน โดยสิ้นเชิง และเสียงดังกว่ารถยนต์เบนซินปกติเพียง 10 เดซิเบล เท่านั้น