ฟอร์ด โฟกัส เจนเนอเรชั่นใหม่ By:Thunyaluk Seniwongs


• ฟอร์ด โฟกัส รุ่นใหม่ เปิดตัวครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์นานาชาติ ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2010 หรือ 2010 North American International Auto Show ในเมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา

ความสปอร์ต เท่ และทันสมัย คือส่วนผสมที่มีอยู่ในฟอร์ด โฟกัส รุ่นใหม่ ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮชแบ็ก
5 ประตู ที่ฟอร์ดจะนำมาเปิดตัวก่อนในการผลิตในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นช่วงปลายพ.ศ. 2553 และวางจำหน่ายช่วงต้นพ.ศ. 2554

โฟกัสใหม่ รถคอมแพ็คหรือรถขนาดกลางระดับโลกของฟอร์ด ที่จะวางจำหน่ายในทุกประเทศทั่วโลก จะมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก โดยใช้ชิ้นส่วนร่วมกันมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์

“ฟอร์ด โฟกัสใหม่ คือ ตัวอย่างที่ชัดเจนว่า กลยุทธ์การทำงานภายใต้แนวคิด ONE Ford ของเราได้มอบ
รถยนต์คุณภาพสูงที่รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี มาบรรจุไว้ให้แก่ลูกค้าทั่วโลก” อลัน มูลัลลี ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ด กล่าว

“ประสิทธิภาพของโครงสร้างตัวถังรถยนต์นั่งขนาดกลางระดับโลกใหม่ของเรา จะทำให้ลูกค้ารถฟอร์ด โฟกัส สามารถเป็นเจ้าของสินค้าที่ราคาไม่แพง แต่เพียบพร้อมด้วยคุณภาพ ความประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เหนือความคาดหมาย” มูลัลลี กล่าว


เปิดตัวพร้อมเพรียงกันทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ

การผลิตรถฟอร์ด โฟกัส รุ่นใหม่ จะเริ่มต้นขึ้นพร้อมกันทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือช่วงปลายพ.ศ. 2553 ก่อนที่แต่ละตลาดจะเริ่มต้นวางจำหน่ายช่วงต้นพ.ศ. 2554 การเปิดตัวในทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น สำหรับการผลิตในช่วงแรกจะเริ่มขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์ในเมืองซาร์หลุยส์ (เยอรมนี) มิชิแกน (สหรัฐ) และจุงกิง (จีน)

โฟกัสใหม่ จะเป็นอีกหนึ่งในรถรุ่นต่างๆ มากถึง 10 รุ่นที่จะได้รับการผลิตขึ้นโดยใช้โครงสร้างตัวถังของรถยนต์นั่งขนาดกลางใหม่ของฟอร์ด ที่คาดว่าจะสร้างยอดขายรวมในทุกภูมิภาคสูงกว่า 2 ล้านคันต่อปีภายในพ.ศ. 2555 รถรุ่นแรกที่จะผลิตบนแพลตฟอร์มนี้ได้แก่ ฟอร์ด ซี-แมกซ์ และฟอร์ด แกรนด์ ซี-แมกซ์ ที่เปิดตัวครั้งแรกในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 โดยจะวางจำหน่ายในทวีปยุโรปช่วงครึ่งหลังของปีพ.ศ. 2553

“ความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กของลูกค้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังคงความประหยัดน้ำมันอย่าง
โดดเด่น โดยไม่สูญเสียคุณสมบัติที่พวกเขาต้องการให้มีในรถขนาดใหญ่กว่า ทั้งในด้านความมีสไตล์ เทคโนโลยี การเชื่อมต่อสื่อสาร และประสิทธิภาพในการขับขี่” เดอร์ริค คูแซค รองประธานกลุ่มผู้บริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับโลกของฟอร์ด กล่าว

“รถยนต์ขนาดกลางเจเนอเรชั่นใหม่ของเรา นำโดยฟอร์ด โฟกัสใหม่ ที่น่าตื่นเต้นคันนี้ จะแสดงให้เห็นว่าฟอร์ดพร้อมรับมือกับความท้าทายเหล่านี้” คูแซค กล่าว


วิศวกรรมยานยนต์ใหม่ที่ไม่ลดทอนคุณสมบัติที่สำคัญ

ฟอร์ด โฟกัสใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยทีมงานระดับโลกประจำศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศด้านรถยนต์ขนาดเล็กและขนาดกลางของฟอร์ดในยุโรป ที่ตั้งอยู่ในเขตเมอร์เคนิช ใกล้กับเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ขณะที่ระบบส่งกำลังได้รับการพัฒนาจากศูนย์ปฏิบัติงานด้านเทคนิคของฟอร์ดในเมืองดันตัน ประเทศอังกฤษ รถคันนี้ได้รับการออกแบบโดยไม่ลดทอนคุณสมบัติที่สำคัญลง เพื่อตอบโจทย์ตรงทุกความต้องการของลูกค้า และมีมาตรฐานตามข้อบังคับทางกฎหมายในตลาดหลักๆ ทั่วโลก

ในการพัฒนารถยนต์เพื่อตลาดโลก ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในยุโรปได้นำเอาประสบการณ์ที่เคยใช้ในโครงการพัฒนารถที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างฟอร์ด เฟียสต้าใหม่ มาใช้ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์ และระบบส่งกำลังจากศูนย์วิศวกรรมยานยนต์ของฟอร์ดในเมืองเดียร์บอน รัฐมิชิแกน อีกด้วย

กลยุทธ์การพัฒนารถยนต์และการจัดหาแหล่งวัสดุในระดับโลกของฟอร์ด ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการขับขี่ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เหนือกว่าคู่แข่งในรถระดับเดียวกันไว้ในรถคันนี้ได้ จนผู้ที่ขับรถระดับหรูที่มีขนาดใหญ่กว่ายังต้องแปลกใจ
อีกขั้นของการออกแบบภายใต้แนวคิด เคเนอติก ดีไซน์

ด้วยปณิธาน “ยนตรกรรมสมบูรณ์แบบ” ในการพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ ของฟอร์ด สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนจากการออกแบบภายนอกของรถทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และแฮชแบ็ก 5 ประตู ที่จัดแสดงอย่างโดดเด่นใจกลางบูธฟอร์ดในงานมหกรรมยานยนต์นานาชาติ ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2010

“ฟอร์ด โฟกัสใหม่ คือรถที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติรอบด้านตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์” เจ เมส์
รองประธานกลุ่มผู้บริหารฝ่ายออกแบบ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ของฟอร์ด กล่าว
“เราออกแบบรถคันนี้ด้วยความเข้าใจผู้บริโภคทั่วโลกอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกัน รถคันนี้ยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคอีกด้วย โฟกัสใหม่รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดจากทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อมอบความพึงพอใจให้กับทุกการขับขี่ในระดับที่ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนในรถขนาดนี้”

รถทั้ง 2 รุ่น มีคุณลักษณะที่เหมือนกันทั้งความสปอร์ต และความทันสมัย ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการปฏิวัติงานออกแบบภายใต้แนวคิดแบบเคเนอติก ดีไซน์ ที่ทำให้รถยนต์ขนาดกลางและขนาดเล็กรุ่นใหม่ๆ ของฟอร์ดได้รับความนิยมมาแล้วทั่วโลก

การออกแบบภายใต้แนวคิด เคเนอติก ดีไซน์ นำเอาการออกแบบที่โดดเด่นของรถมาใช้เพื่อสร้างความรู้สึกถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหว รถที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดนี้จึงให้ความรู้สึกราวกับรถกำลังเคลื่อนที่แม้ในขณะหยุดนิ่ง

จากด้านหน้ารถที่โดดเด่น เส้นสายด้านข้างที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา และรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวเหมือนนักกีฬา โฟกัสใหม่ สื่อให้เห็นถึงประสบการณ์ในการขับขี่ที่ชวนหลงใหลที่พร้อมให้ลูกค้าฟอร์ดได้สัมผัสทันทีที่เริ่มเดินทาง

คุณสมบัติความโฉบเฉี่ยวของโฟกัสใหม่ยังเห็นได้อย่างเด่นชัดในการออกแบบภายในห้องโดยสารที่มีความ
โดดเด่น และทันสมัยสไตล์ค็อกพิตของนักบิน ด้วยคอนโซลกลางล้ำสมัยที่โอบรอบพื้นที่ของคนขับ และสามารถใช้งานอุปกรณ์ควบคุมที่สำคัญทั้งหมดของรถอย่างง่ายดาย รวมทั้งมองเห็นหน้าจอแสดงผลต่างๆ อย่างชัดเจน

หัวใจสำคัญของการออกแบบพื้นที่ภายในห้องโดยสารคือคุณภาพในความประณีต ด้วยลวดลายกราฟิกที่โดดเด่น และทันสมัย แผงควบคุมอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบให้นูนขึ้นพร้อมมอบสัมผัสที่นุ่มนวล และการเลือกใช้พื้นผิวของวัสดุคุณภาพสูง จะทำให้ผู้โดยสารรู้สึกว่ากำลังนั่งอยู่ในรถหรูระดับพรีเมี่ยม


ประสิทธิภาพการขับขี่
ในการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2541 รถฟอร์ด โฟกัส รุ่นแรกได้นำเสนอการตอบสนองที่ฉับไว และการควบคุม
ที่แม่นยำเหนือชั้นสู่ตลาดรถยนต์ขนาดกลาง ฟอร์ด โฟกัสใหม่ วางแผนที่จะยกมาตรฐานนี้ขึ้นไปอีกระดับ ให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ด้วยการผสานความแม่นยำในการขับขี่ การตอบสนองที่ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างและระบบควบคุมการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพดังกล่าว วิศวกรของฟอร์ดจึงได้ต่อยอดแนวคิดของนวัตกรรมระบบป้องกันการสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน ด้วยการพัฒนาระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบคอนโทรล เบลด มัลติลิงค์ และคานเสริมแบบกึ่งอิสระด้านหน้าและหลัง (semi-isolated front and rear subframe) ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ฟอร์ดได้ใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบใหม่ล่าสุด Electric Power Assist Steering ที่ได้รับการปรับแต่งให้สามารถตอบสนองได้อย่างแม่นยำแม้ขณะขับด้วยความเร็วสูง และยังทำให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบา และง่ายต่อการควบคุมทิศทางในขณะจอดรถ

ผู้เชี่ยวชาญด้านประสิทธิภาพในการขับขี่ของฟอร์ดในยุโรป ยังได้ยกระดับสมรรถนะในการเข้าโค้งอย่างมั่นคง และแม่นยำยิ่งขึ้น โดยพัฒนาระบบการควบคุมไปอีกขั้นด้วยระบบ Dynamic Cornering Control ที่ทำงานด้วยเทคนิคเดียวกันกับทอร์ก เวคเตอริ่ง (torque vectoring) คือการกระจายแรงบิดไปยังแต่ละล้อเพื่อลดอาการดื้อโค้ง เพิ่มประสิทธิภาพความเกาะถนน และเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ลูกค้าฟอร์ดจะได้สัมผัสกับประสิทธิภาพการขับขี่รถฟอร์ด โฟกัสใหม่ ด้วยมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก จากการใช้ทั้งตัวถัง และระบบกันสะเทือนที่เหมือนกันในทุกๆ ประเทศ อาจจะมีข้อแตกต่างเล็กน้อย เช่น การใช้ยางรถยนต์ที่ต่างกันในแต่ละประเทศ


ระบบส่งกำลังชั้นเยี่ยมมอบประสิทธิภาพในการขับขี่และความประหยัดน้ำมันอย่างโดดเด่น
ความดึงดูดใจในการขับขี่ฟอร์ด โฟกัสใหม่ เกิดจากการใช้ระบบส่งกำลังที่มอบประสิทธิภาพในการขับขี่อันเร้าใจ ขณะเดียวกันก็ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ ทั้งยังลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างโดดเด่น

เครื่องยนต์ที่นำมาบรรจุในฟอร์ด โฟกัสใหม่ทั่วโลก จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 4 สูบ
เทอร์โบชาร์จ ไดเร็กอินเจ็กชั่น รวมถึงเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรในทวีปยุโรป และตัวเลือกอื่นๆ อาทิ เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ดูราทอร์ก ทีดีซีไอ ที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ คือตัวเลือกที่จะสามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันลงได้ราว 10-20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรถรุ่นปัจจุบัน

สำหรับการเปิดตัวในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ ฟอร์ดได้เผยโฉมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตรรุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับตลาดในทวีปอเมริกาเหนือ ที่ประกอบด้วยระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเร็ก อินเจ็กชั่น (DI) และระบบ
แปรผันแคมชาร์ฟแบบอิสระคู่ Twin Independent Variable Camshaft Timing (Ti-VCT) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และความประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรใหม่นี้ให้พละกำลังเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ดูราเทค 2.0 ลิตรแบบ 4 สูบในปัจจุบัน ขณะที่คาดว่าประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันจะเพิ่มขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความประหยัดสูงสุดให้แก่โฟกัสใหม่ เครื่องยนต์ Ti-VCT แบบไดเร็กอินเจ็คชั่น ขนาด 2.0 ลิตร ยังได้บรรจุระบบเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์แบบคลัชต์แห้ง 6 สปีด รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้การออกแบบอันทันสมัยของระบบดูอัลคลัชต์ (คลัชต์คู่) ส่วนประกอบเพียงส่วนเดียวนี้สามารถประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นได้ถึง 9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดแบบดั้งเดิม

ระบบส่งกำลังพาวเวอร์ชิฟท์แบบคลัชต์แห้งมีพื้นฐานมาจากเทคโนโลยีเกียร์ธรรมดาประสิทธิภาพสูง โดยไม่จำเป็นต้องมีทอร์ค คอนเวอร์เตอร์ ชุดเฟืองเกียร์พลาเนเตอรี่ และปั๊มน้ำมันเกียร์ จึงส่งผลให้น้ำหนักของระบบเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์เบากว่าระบบเกียร์อัตโนมัติทั่วไป ทั้งนี้ คลัชต์คู่ที่ควบคุมด้วยระบบอิเลกทรอนิกส์ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างรวดเร็ว และนุ่มนวล ให้แรงบิดที่สม่ำเสมอ และมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่แบบที่พบได้ในรถเกียร์อัตโนมัติระดับหรู


ฟอร์ดยังได้ยืนยันแผนการเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เต็มรูปแบบในพ.ศ. 2554 ที่โรงงานประกอบรถยนต์ มิชิแกน แอสเซมบลี คอมเพล็กซ์ เพื่อวางจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ โดยรถคันนี้จะเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่คันแรกของบริษัท

Facebook Comments