ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ยืนยันความมั่นใจในแผนงานระดับโลก
และความก้าวหน้าในการดำเนินกิจการในประเทศไทย
ฟอร์ด ยืนยันความมั่นใจในแผนการดำเนินงานของบริษัทที่แข็งแกร่งโดยไม่เปลี่ยนแปลง โดยความก้าวหน้าในแผนงานเพื่อเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ ให้เป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ที่มีความสามารถแข่งขันและทำงานร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวทั่วโลกที่พัฒนาอย่างมั่นคง
“สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือ การมุ่งมั่นสานต่อความก้าวหน้าในแผนการของเราอย่างต่อเนื่อง เพราะในขณะที่เรากำลังมองเห็นภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในอุตสาหกรรมของเราเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า พนักงานฟอร์ดทุกคนต่างทราบกันอย่างชัดเจนว่าเรามีแผนการที่ถูกต้อง มีสินค้าที่เหมาะสม และมีทีมงานฟอร์ดที่เป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้แนวคิด ONE Ford ในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาพแวดล้อมในขาลง และเราจะผงาดขึ้นอีกครั้งในฐานะบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ที่มีความสามารถแข่งขันและทำงานร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวทั่วโลก ด้วยความพร้อมสำหรับการเติบโตด้านผลกำไรเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว” อลัน มูลัลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว
ฟอร์ดยังชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างจากบริษัทคู่แข่งในสหรัฐ เนื่องจากฟอร์ดไม่ได้เรียกร้องความช่วยเหลือทางการเงินระยะสั้นจากรัฐบาลสหรัฐแต่อย่างใด และบริษัทฯ ไม่มีแผนที่จะดำเนินการดังกล่าวบนพื้นฐานของ
ผลการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน
“ฟอร์ดยืนอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างจากบริษัทคู่แข่งในสหรัฐของเรา” มูลัลลี กล่าว “และผู้บริโภคทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก มองเห็นอย่างชัดเจนว่าฟอร์ดมีความแตกต่างและเราวางตัวเองให้อยู่ในสถานะที่แตกต่างด้วยการผลิตสินค้าคุณภาพเยี่ยม การดำเนินธุรกิจที่แข็งแรงกว่า และการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์โลกที่ดียิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ฟอร์ดยังมีส่วนแบ่งตลาดในประเทศสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 7 เดือน และในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ฟอร์ดมีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐอยู่ที่ 15.1 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี
และคาดว่าความต้องการรถฟอร์ดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเพิ่งประกาศว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตทั้งในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ฟอร์ดยังคงเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ และโครงการใหม่ๆ ทั้งหมดตามแผนการที่ได้วางไว้และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการลงทุนมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายการผลิตในโรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ในจังหวัดระยอง บริษัทวางแผนว่าโรงงานใหม่ของเอเอทีจะสามารถเริ่มต้นการผลิตได้ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการผลิตของ
เอเอทีเพิ่มขึ้นเป็น 275,000 คันต่อปี โดยจะมีการผลิตเริ่มรถระดับโลกคือ ฟอร์ด เฟียสต้า และมาสด้า 2
“เรามุ่งมั่นที่จะขยายการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา อันเป็นหนึ่งในภารกิจของฟอร์ดในการนำเสนอสินค้าชั้นเยี่ยมใหม่ๆ ที่ผู้บริโภคต้องการในตลาดที่เราดำเนินธุรกิจ การลงทุนครั้งสำคัญเพื่อขยายการผลิตของโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและไม่มีการล่าช้าแต่อย่างใด และเราก็กำลังรอคอยให้ถึงวันที่จะเริ่มต้นเดินสายการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กใหม่ในไตรมาสที่ 4 ในปีนี้” นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว
ทั้งนี้ การลงทุนของฟอร์ดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา นับตั้งแต่พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันของบริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ นอกจากการลงทุนในโรงงานของเอเอทีแล้ว ฟอร์ดยังได้ลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดเล็กแห่งใหม่ในประเทศจีนและอินเดียด้วย
“เรามุ่งมั่นทำงานตามแผนการในอนาคตที่จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในแผนกลยุทธ์ระดับโลกของฟอร์ด เราต้องการที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในทุกๆ ประเทศทั่วทั้งภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น และการลงทุนของเราในตลาดเอเชียได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้” คุณสาโรช กล่าว
# # #